10 วิธียืดอายุการใช้งาน และดูแลบ้านให้น่าอยู่

10 วิธียืดอายุการใช้งาน และดูแลบ้านให้น่าอยู่

บ้านแต่ละหลังมีเมื่ออายุการใช้งานที่มากขึ้น อาจทำให้ดูเก่าและโทรมไปตามกาลเวลา แต่ถ้าผู้อาศัยหมั่นดูแลรักษาอยู่เสมอ บ้านก็จะน่ามอง ไม่ดูเก่าไปพร้อมกับอายุ การดูแลรักษาบ้านให้ดูใหม่ และน่าอยู่เสมอ นอกจากจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความสุขแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของบ้านให้ยาวนานไปพร้อมกับครอบครัวของเราได้อีกด้วย บทความนี้อารียาขอเสนอ 10 วิธีที่จะช่วยบำรุงและรักษาบ้านให้น่าอยู่มาฝากกันค่ะ

1. ความสะอาดบ้าน
ในยุคโควิดแบบนี้เชื่อว่าหลายๆ คนคงใช้ชีวิตอยู่บ้านมากกว่าแต่ก่อน เมื่อใช้ชีวิตอยู่บ้านก็ต้องเกิดพฤติกรรมการหยิบใช้ของและวางไม่เป็นที่เป็นทาง รวมถึงฝุ่นละอองในอากาศที่อาจปะปนมากับเชื้อโรค ทำให้ทุกวันของการอยู่บ้านควรต้องปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาดอยู่เสมอ ข้าวของที่หยิบออกมาใช้ก็ควรจัดเก็บให้เรียบร้อย นอกจากนี้ยังควรหมั่นเช็ดทำความสะอาดตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน เช่น การเช็ดถูเฟอร์นิเจอร์ที่สัมผัสบ่อยๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค เปลี่ยนผ้าปูที่นอน นำที่นอนออกตากแดด เพื่อป้องกันโรคที่มาพร้อมกับฝุ่น ทิ้งขยะทุกวันเพื่อไม่ก่อให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรค และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ เป็นต้น

2.เช็ดถูห้องครัว
การทำกิจกรรมต่างๆ ในห้องครัวมักก่อให้เกิดเศษอาหาร คราบน้ำมัน กลิ่นสะสม ขยะ และมักเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี ฉะนั้น หลังการใช้งานห้องครัว ควรมีการทำความสะอาดทุกครั้ง จานชามที่ใช้งานแล้วไม่ควรวางแช่ในอ่างล้างจาน เศษอาหารควรมีการปิดปากถุงให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันเชื้อโรค มด หนู แมลงวัน แมลงสาบ หรือสัตว์ต่างๆ ที่ไม่พึงประสงค์ ที่อาจจะเป็นพาหะนำโรคมาสู่คุณและคนในครอบครัวได้

3. ตรวจเช็คท่อประปา
การตรวจเช็คท่อน้ำประปาภายในบ้านควรตรวจสอบอยู่เสมอ เพราะโอกาสในการรั่วซึมอาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายทิ้งเปล่าแบบไม่คาดคิด การใช้งานจึงควรสังเกตมาตรน้ำ และปริมาณการใช้งานเทียบจากเดือนก่อนว่ามีปริมาณที่ผิดปกติหรือไม่ หากท่อน้ำส่วนไหนของบ้านเกิดการรั่วไหลควรปิดวาล์วน้ำเฉพาะจุด เพื่อหยุดการใช้งานชั่วคราว และทำการซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนเปิดใช้งานอีกครั้ง

4. เช็คระบบไฟฟ้า
ปัจจุบันเครื่องใช้ภายในบ้านส่วนใหญ่มักต้องใช้กับระบบไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็น เครื่องปรับอากาศ พัดลม ตู้เย็น เครื่องดูดฝุ่น หลอดไฟส่องสว่าง ฯลฯ ซึ่งเครื่องใช้เหล่านี้ต้องใช้ไฟฟ้าแทบจะตลอดเวลา จึงควรหมั่นตรวจเช็คการใช้งาน ระบบสายไฟ และปลั๊กไฟตามจุดต่างๆ ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ หากมีอุปกรณ์ส่วนไหนชำรุด หรือเสียหายก็ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนทันที เพียงเท่านี้ก็จะช่วยป้องกันอันตรายที่จะเกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจรได้

5. เช็ครอยรั่วของหลังคาบ้าน
ประเทศไทยกับฤดูฝนมักเป็นของที่อยู่คู่กันมาทุกยุคสมัย หากเกิดฝนตกลงมาแล้วเกิดรอยรั่วตามจุดต่างๆ อาจทำให้น้ำฝนที่ตกลงมาไหลเข้ามายังตัวบ้าน และทำให้เครื่องใช้ภายในบ้านเสียหาย รวมถึงตัวบ้านเอง ไม่ว่าจะเป็น ฝ้าเพดาน และผนังบ้าน ก็อาจชำรุดจากความชื้นที่รั่วซึมเข้ามาได้ จึงควรสังเกตในช่วงที่ฝนตก หากพบจุดรั่วซึมควรทำการซ่อมแซมให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

6. จัดสวนให้ดูร่มรื่น
การดูแลรักษาบ้าน นอกจากในตัวบ้านแล้ว รอบนอกบ้านหากมีการจัดสวน หรือปลูกต้นไม้ ก็จะช่วยเพิ่มสีสัน และสร้างบรรยากาศโดยรอบบ้านให้ดูร่มรื่นไปด้วย นอกจากนี้ต้นไม้ที่ปลูกรอบบ้าน ยังช่วยลดความร้อนให้กับตัวบ้านได้อีกทาง ทั้งนี้ควรหมั่นตกแต่ง ตัดกิ่งไม้ กวาดเศษใบไม้อยู่เสมอ เพื่อความร่มรื่นสะอาดตา และป้องกันการหลบซ่อนของสัตว์มีพิษ

7. เช็ดทำความสะอาดพื้นกระเบื้อง
พื้นกระเบื้องที่เปียกหรือมีความชื้นมักก่อให้เกิดตะไคร่น้ำ ทำให้พื้นลื่น เป็นอันตรายต่อคนในบ้าน หากเดินเหยียบแล้วเกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม จึงควรหมั่นขัดล้างทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และควรเช็ดให้แห้ง นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบพื้นกระเบื้องที่แตกร้าว หากพบควรเปลี่ยนกระเบื้องหรือซ่อมแซมให้เรียบร้อยเพื่อความปลอดภัยของคนในบ้าน

8. ดูแลสีและผนังบ้าน
บ้านบางหลังเมื่อใช้งานไปซักระยะสีผนังอาจเกิดฝุ่นคล้ายแป้ง นั่นหมายถึง สีบ้านเริ่มเสื่อมสภาพ หรืออาจเกิดสีโป่งพอง สีลอกล่อน จากความชื้น ผนังเกิดรอยร้าว ควรให้ช่างเข้ามาช่วยซ่อมแซมอุดรอย ทาสี ขัดเงา เพื่อให้บ้านคงสภาพเหมือนใหม่อยู่เสมอ

9. ป้องกันบ้านจากปลวก
หมั่นตรวจเช็คปลวกตามจุดต่างๆ หากพบว่ามีปลวกส่วนไหนของบ้านควรรีบหาวิธีกำจัด หรือใช้บริการของบริษัทรับกำจัดปลวกที่มีการรับประกันปลวกขึ้นบ้าน เพื่อการดูแลที่ต่อเนื่อง ไม่ให้ปลวกก่อปัญหาและสร้างความเสียหายให้แก่โครงสร้างของบ้านในอนาคต โดยเฉพาะเสาบ้าน และคาน ซึ่งเป็นส่วนโครงสร้างสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของบ้านให้อยู่ในสภาพดีเสมอ

10. เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านที่มีคุณภาพ
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดบ้านโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำยา หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่เหมาะกับการดูแลบ้าน จะช่วยทำให้งานทำความสะอาดบ้านนั้นง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคราบในบริเวณต่างๆ ที่ขัดออกยาก ก็สามารถขัดล้างออกได้โดยไม่ทิ้งคราบสกปรก และไม่ทำลายพื้นผิวของบ้าน หรือทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตราย เพราะถ้าหากนำผลิตภัณฑ์ หรือน้ำยาอื่นๆ มาใช้ผิดประเภทอาจทำให้บ้านเกิดจากเสียหายได้เช่นกัน