เจาะขั้นตอนการซื้อบ้านกับโครงการ หมดปัญหาในการเตรียมตัว !

หลายคนใฝ่ฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง เพื่อเติมเต็มความสุขให้กับครอบครัว “การซื้อบ้าน” จึงถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ซึ่งในปัจจุบันการซื้อบ้านกับโครงการนับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการมีบ้านใหม่ เพราะเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทั้งยังมีตัวเลือกที่หลากหลาย แต่การจะซื้อบ้านสักหลังก็อาจมาพร้อมกับเรื่องน่ากังวลมากมาย บทความนี้จึงจะมาแนะนำขั้นตอนการซื้อบ้านกับโครงการ เพื่อให้ทุกกระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น และมั่นใจได้ว่าคุณจะมีบ้านที่เหมาะกับความต้องการที่สุด !

ขั้นตอนการซื้อบ้านกับโครงการเพื่อให้ได้บ้านในฝัน

เตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจซื้อ

ประเมินความพร้อมทางการเงิน

แน่นอนว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเตรียมความพร้อมก่อนไปสู่ขั้นตอนการซื้อบ้านกับโครงการคงหนีไม่พ้นเรื่องเงิน โดยเฉพาะหากต้องการกู้ซื้อบ้านกับทางธนาคาร เนื่องจากค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะติดตัวไปอีกหลายสิบปี ซึ่งหากไม่ประเมินสถานะการเงินอย่างรอบคอบและวางแผนในระยะยาวอย่างรัดกุม ก็อาจส่งผลต่อค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ เพราะการซื้อบ้าน ไม่ได้จบเพียงราคาบ้านเท่านั้น แต่ยังมีค่าใช้จ่ายปลีกย่อยอีกมากมายที่จะตามมา จึงควรพิจารณาจากรายได้ รายจ่าย หนี้สิน และเงินออมทั้งหมด แล้วนำมากำหนดราคาบ้านที่จะสามารถผ่อนชำระไหวโดยไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินตั้งแต่ต้น เพื่อจำกัดตัวเลือกในการเข้าชมบ้านกับโครงการ

เลือกทำเลและโครงการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

เมื่อประเมินความพร้อมทางการเงินแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกทำเลและโครงการบ้านที่เหมาะสมกับความต้องการ โดยปัจจัยแรกที่หลายคนควรมองหา คือการพิจารณาถึงทำเลที่สะดวกสบายต่อการเดินทาง และใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า โดยเลือกให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิต จากนั้นจึงเลือกโครงการที่ตอบโจทย์กับความต้องการ โดยพิจารณาจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น ประเภทของบ้านที่ต้องกำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือบ้านแฝด รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ ที่ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน รวมถึงส่วนกลางที่ครบครัน อีกทั้งยังต้องตรวจสอบชื่อเสียงของผู้พัฒนาโครงการด้วยว่ามีความน่าเชื่อถือ และมีบริการหลังการขายที่ดีหรือไม่

คำนวณค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น

นอกจากราคาบ้านและค่าผ่อนชำระแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อบ้านอีกมากมายที่ควรนำมาพิจารณาร่วมก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ ดังนี้

  • ค่าธรรมเนียม ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อบ้าน ซึ่งควรสอบถามกับโครงการ หรือธนาคารตั้งแต่ต้น เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง ค่าธรรมเนียมการทำสัญญา
  • ค่าใช้จ่ายในการตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ ค่าออกแบบ หรือแม้แต่ค่าขนย้าย
  • ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา ซึ่งโดยทั่วไปการซื้อบ้านใหม่กับโครงการจะไม่ค่อยเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เนื่องจากบางโครงการอาจช่วยดูแลในระยะแรกตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้

ขั้นตอนการซื้อบ้านกับโครงการ

จองบ้านและทำสัญญา

เมื่อตัดสินใจเลือกโครงการบ้านที่ถูกใจได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจองบ้านและทำสัญญาซื้อขาย ซึ่งถือเป็นก้าวแรกสู่การเป็นเจ้าของบ้านในฝัน โดยเริ่มจากการวางเงินจอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เงินจองบ้านจะอยู่ที่ 3-5% ของราคาบ้าน โดยจะถูกหักออกจากราคาบ้านเมื่อทำสัญญาซื้อขาย ซึ่งผู้ซื้อควรตรวจสอบรายละเอียดก่อนชำระเงินให้ดี เพราะเงินจองจะไม่ได้คืนหากมีการยกเลิกการซื้อ จากนั้นจึงทำสัญญาซื้อขายบ้าน เพื่อเป็นหลักประกันการซื้อขายบ้านและที่ดิน เพื่อนำไปใช้ขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน โอนกรรมสิทธิ์ หรือฟ้องร้องหากผิดสัญญา โดยรายละเอียดของสัญญาที่ต้องตรวจสอบให้ถูกต้องก็จะมีตั้งแต่ ข้อมูลผู้ซื้อ-ผู้ขาย ราคาบ้าน เลขโฉนด ขนาดที่ดิน และรายละเอียดสำคัญอื่น ๆ

ยื่นกู้กับทางธนาคาร

สำหรับหลายคน การซื้อบ้านถือเป็นการลงทุนครั้งสำคัญ ซึ่งด้วยราคาบ้านที่สูงขึ้นในปัจจุบัน การกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารจึงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยม ซึ่งจะช่วยให้สามารถผ่อนชำระค่าบ้านและดอกเบี้ยเป็นงวด ๆ โดยไม่ต้องใช้เงินสดก้อนใหญ่ทีเดียว จำนวนเงินที่กู้ได้จะขึ้นอยู่กับรายได้ ภาระหนี้สิน และความสามารถในการผ่อนชำระ ซึ่งรายละเอียดอาจแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของสถาบันการเงิน จึงควรศึกษาข้อมูลและสอบถามรายละเอียดก่อนยื่นกู้ แต่โดยทั่วไปผู้ยื่นกู้ซื้อบ้านควรจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • เป็นผู้บรรลุนิติภาวะ ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
  • มีหลักฐานแสดงรายได้ที่น่าเชื่อถือ เพื่อยืนยันว่าจะมีรายได้เพียงพอต่อการผ่อนชำระเงินกู้
  • อายุการทำงาน 1 ปี ขึ้นไป
  • ประวัติข้อมูลเครดิต ต้องเป็นสถานะปกติ ไม่ติดบูโร

หากเงื่อนไขตรงตามกำหนด ก็สามารถยื่นกู้เพื่อให้ธนาคารพิจารณาต่อไปตามขั้นตอนได้เลย ซึ่งในบางโครงการอาจมีบริการขอสินเชื่อกับธนาคารให้ โดยจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเตรียมเอกสารและร่วมประสานงานกับธนาคาร

ตรวจรับบ้าน

บ้านจะเป็นสินทรัพย์และที่อยู่อาศัยที่มีอายุยืนยาว ดังนั้น การตรวจสอบความเรียบร้อยของบ้านก่อนโอนกรรมสิทธิ์และจ่ายเงิน จึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้เราได้บ้านที่มีสภาพเรียบร้อยสมบูรณ์ พร้อมสำหรับการอยู่อาศัย อีกทั้งยังจะเป็นการตรวจสอบว่า บ้านหลังนั้น ๆ ตรงตามสัญญาซื้อขายหรือไม่ เพื่อป้องกันปัญหาและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหลังจากโอนบ้าน ซึ่งโดยทั่วไปจะทำการตรวจหลังจากบ้านสร้างเสร็จประมาณ 80-90% โดยมีรายการควรตรวจสอบอย่างละเอียด ดังนี้

  • โครงสร้าง โดยตรวจสอบรอยร้าว ผนัง รอยต่อ พื้น ฝ้าเพดาน
  • งานไฟฟ้า ทดสอบสวิตช์ ปลั๊กไฟ หลอดไฟ ว่าสามารถเปิดปิดได้ปกติ ไม่มีการรั่วไหล
  • งานประปา ทดสอบการไหลของน้ำ และตรวจสอบรอยรั่ว
  • ประตูหน้าต่าง ตรวจสอบรอยต่อ รอยร้าว กลไกการเปิดปิด
  • อื่น ๆ เช่น หลังคา รางน้ำฝน ระบบป้องกันปลวก

ในขั้นตอนนี้ ผู้ซื้อบ้านอาจเลือกใช้ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากพบปัญหาตรงส่วนไหนจะต้องรีบแจ้งโครงการให้ทำการปรับปรุงแก้ไข เพื่อส่งมอบสภาพบ้านที่สมบูรณ์ตามที่ระบุเอาไว้ในสัญญา

โอนกรรมสิทธิ์

ขั้นตอนการซื้อบ้านกับโครงการลำดับสุดท้าย คือการโอนกรรมสิทธิ์ซื้อบ้าน เพื่อเป็นการเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองในโฉนดที่ดิน โดยเมื่อธนาคารอนุมัติสินเชื่อแล้ว จะต้องทำสัญญากู้ภายใน 45 วัน โดยในขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์ ทุกฝ่ายต้องไปพบกันที่สำนักงานที่ดินเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ แต่บางโครงการอาจดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์แทนผู้ซื้อให้เลย หลังจากการโอนกรรมสิทธิ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้ซื้อจะต้องผ่อนชำระเงินกับธนาคารตามที่ระบุไว้ในสัญญา โดยกรรมสิทธิ์บ้านก็จะตกเป็นของผู้ซื้อโดยสมบูรณ์หลังชำระเงินครบหมด

การซื้อบ้านกับโครงการเป็นกระบวนการที่มีหลายขั้นตอน แต่หากเตรียมตัวและวางแผนอย่างรอบคอบตามที่ได้แนะนำ ก็สามารถลดความผิดพลาดและทำให้มั่นใจว่าจะได้บ้านที่เหมาะกับความต้องการที่สุด สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านในโครงการแต่ยังไม่รู้จะเลือกที่ไหนดี ขอแนะนำโครงการบ้านจัดสรร ในทำเลหัวใจนนทบุรี ย่านที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีบรรยากาศที่สงบเหมาะกับการพักอาศัย จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่มีหลากหลายทำเลให้เลือก ในราคาจับต้องได้ ตอบทุกความต้องการอย่างลงตัว สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ Line: @areeyahome

 

แหล่งอ้างอิง