ทำโฮมออฟฟิศดียังไง ? ข้อควรรู้ก่อนเริ่มธุรกิจในบ้านของคุณ

การเปิดออฟฟิศในบ้านตัวเอง หรือที่เรียกกันว่าโฮมออฟฟิศ (Home Office) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ตอัป ทั้งนี้ เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจแล้ว ยังช่วยให้บริหารจัดการเวลาระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อบ้านมาทำเป็นออฟฟิศ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ การพิจารณาข้อดีและข้อจำกัดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เพื่อให้แน่ใจว่านี่คือทางเลือกที่ใช่และเหมาะสมกับธุรกิจของคุณอย่างแท้จริง

ตัวอย่างห้องทำงานในโฮมออฟฟิศ

โฮมออฟฟิศคืออะไร ?

โฮมออฟฟิศ หมายถึง การนำพื้นที่ส่วนหนึ่งภายในบ้านมาใช้เป็นสถานที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจ โดยอาจมีการดัดแปลงพื้นที่บางส่วน เช่น ห้องรับแขก ห้องนอน หรือจัดสรรพื้นที่สำหรับการทำงานโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่ที่มีประสิทธิภาพและเอื้อต่อการทำงานมากที่สุด

ข้อดีของการซื้อบ้านมาทำโฮมออฟฟิศ

การตัดสินใจซื้อบ้านมาทำเป็นโฮมออฟฟิศมีข้อดีหลายประการที่คุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว ดังนี้

  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว 

เริ่มต้นจากข้อดีที่เห็นได้ชัดที่สุดของการลงทุนซื้อโครงการบ้านทาวน์โฮมเพื่อทำโฮมออฟฟิศ นั่น คือ การลดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่สำนักงาน เนื่องจากไม่เพียงแต่จะประหยัดค่าเช่าออฟฟิศรายเดือนที่มักปรับตัวสูงขึ้นทุกปี แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าที่จอดรถ รวมถึงค่าบริการส่วนกลางที่มาพร้อมกับการเช่าออฟฟิศทั่วไป นอกจากนี้ ยังสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อและปรับปรุงบ้านมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร

  • สะดวกสบายในการบริหารจัดการ 

การมีบ้านเป็นออฟฟิศของตัวเองช่วยให้การบริหารจัดการทำได้อย่างอิสระและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคุณสามารถควบคุมการใช้พื้นที่ การจัดเก็บเอกสาร และการบริหารทรัพยากรต่าง ๆ ได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอกหรือปฏิบัติตามกฎระเบียบเหมือนการเช่าอาคารสำนักงานทั่วไป

  • ยืดหยุ่นในการปรับแต่งพื้นที่ 

เมื่อเป็นเจ้าของพื้นที่เอง คุณจึงมีอิสระในการออกแบบและปรับปรุงพื้นที่ได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ทำงาน การติดตั้งอุปกรณ์หรือระบบต่าง ๆ รวมถึงการขยายพื้นที่เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดของสัญญาเช่าหรือการขออนุญาตจากเจ้าของอาคาร

  • คล่องตัวในการทำงาน 

เจ้าของบ้านสามารถบริหารจัดการเวลาทำงานได้อย่างยืดหยุ่น เพราะสามารถเข้า-ออกได้ตลอดเวลาโดยไม่มีข้อจำกัด ทำให้สะดวกต่อการทำงานนอกเวลา การประชุมกับลูกค้าต่างประเทศ หรือการจัดกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้พื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของบ้านเพื่อสนับสนุนการทำงาน เช่น ห้องประชุม พื้นที่พักผ่อน หรือห้องรับรองลูกค้าด้วย

  • อบอุ่นไปกับบรรยากาศการทำงาน 

การมีออฟฟิศในบ้านของตัวเองช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นส่วนตัวและผ่อนคลาย ทำให้ทั้งเจ้าของและพนักงานรู้สึกสบายใจและมีความสุขในการทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถจัดสรรเวลาระหว่างงานกับครอบครัวได้อย่างลงตัว ซึ่งส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิตโดยรวม

ข้อจำกัดของการซื้อบ้านมาทำโฮมออฟฟิศ

แม้ว่าโฮมออฟฟิศจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อจำกัดที่ผู้ประกอบการควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเช่นกัน ดังต่อไปนี้

  • ความเป็นส่วนตัวลดลง 

ข้อจำกัดที่สำคัญประการแรก คือ การสูญเสียความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ของบ้าน เนื่องจากต้องเปิดรับพนักงาน ลูกค้า และพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจเข้ามาในพื้นที่บ้าน อีกทั้งยังอาจเกิดความไม่สะดวกในการแบ่งแยกระหว่างเวลาทำงานกับเวลาส่วนตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวและการพักผ่อนที่แท้จริง

  • ข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ใช้สอย 

การทำโฮมออฟฟิศอาจประสบปัญหาเรื่องพื้นที่ที่ไม่เพียงพอหรือไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจมีการเติบโตและต้องการพื้นที่เพิ่มเติม ทั้งในส่วนของพื้นที่ทำงาน ห้องประชุม พื้นที่จัดเก็บเอกสาร หรือพื้นที่รับรองลูกค้า ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ

  • ภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพ 

อีกประเด็นที่ต้องคำนึงถึง คือ การใช้บ้านเป็นออฟฟิศอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ เพราะลูกค้าบางรายอาจมองว่าการไม่มีสำนักงานในย่านธุรกิจ หมายถึงขนาดของกิจการที่เล็กเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจร่วมงานหรือทำธุรกรรมกับบริษัท โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องติดต่อกับองค์กรขนาดใหญ่

  • ความเสี่ยงด้านกฎหมายและการจัดการ 

ท้ายที่สุด การทำโฮมออฟฟิศอาจมีความเสี่ยงในด้านกฎหมายและการบริหารจัดการ เช่น ข้อจำกัดด้านการขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อการพาณิชย์ การจัดการด้านประกันภัยที่ต้องครอบคลุมทั้งการใช้งานส่วนตัวและธุรกิจ รวมถึงความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของพนักงานและผู้มาติดต่อ ซึ่งอาจซับซ้อนมากกว่าการเช่าพื้นที่สำนักงานทั่วไป และต้องระมัดระวังไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้าน

สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านเพื่อทำโฮมออฟฟิศ

เมื่อเข้าใจถึงข้อดีและข้อจำกัดแล้ว ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนซื้อบ้านเพื่อทำเป็นโฮมออฟฟิศ ยังมีอีกหลายปัจจัยสำคัญที่คุณควรพิจารณาให้รอบคอบ ทั้งนี้ เพื่อให้การลงทุนครั้งนี้คุ้มค่าและเหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • ตรวจสอบข้อกฎหมายในพื้นที่ 

เริ่มต้นจากสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การตรวจสอบกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ในหมู่บ้านทาวน์โฮมที่คุณสนใจ โดยเฉพาะเรื่องการขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อการพาณิชย์ ข้อกำหนดผังเมือง และกฎระเบียบของหมู่บ้านหรือชุมชน รวมถึงข้อกำหนดด้านที่จอดรถและการรับรองผู้มาติดต่อ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

  • ประเมินความเหมาะสมของบ้าน 

ควรพิจารณาโครงสร้างและลักษณะของบ้านอย่างละเอียด โดยคำนึงถึงการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ระหว่างส่วนที่พักอาศัยและส่วนที่เป็นออฟฟิศ ความสะดวกในการเข้า-ออก ระบบสาธารณูปโภค และความเป็นไปได้ในการปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน อีกทั้งยังต้องพิจารณาทำเลที่ตั้งที่สะดวกต่อการเดินทางของพนักงานและลูกค้าด้วย

  • คำนึงถึงความปลอดภัย 

อีกประเด็นสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ การวางแผนด้านความปลอดภัย ซึ่งต้องครอบคลุมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยของตัวบ้าน การแยกส่วนพื้นที่ส่วนตัวออกจากพื้นที่ธุรกิจ การติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด และการทำประกันภัยที่ครอบคลุมทั้งการใช้งานส่วนบุคคลและการดำเนินธุรกิจ เพื่อปกป้องทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

  • วางแผนการเงินให้ชัดเจน 

ในด้านการเงิน จำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบ โดยคำนวณทั้งค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน ค่าปรับปรุง ค่าติดตั้งระบบต่าง ๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและค่าสาธารณูปโภคที่อาจเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับต้นทุนการเช่าออฟฟิศในระยะยาว เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนนี้คุ้มค่าและไม่กระทบต่อสภาพคล่องของธุรกิจ

  • เตรียมแผนรองรับอนาคต 

ท้ายที่สุด ควรวางแผนระยะยาวสำหรับการเติบโตของธุรกิจ โดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการขยายพื้นที่ การปรับเปลี่ยนการใช้งาน หรือแม้แต่การขายหรือให้เช่าในอนาคต นอกจากนี้ ยังควรมีแผนสำรองในกรณีที่ธุรกิจต้องการย้ายไปยังพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้น หรือต้องการเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงาน เพื่อให้การลงทุนมีความยืดหยุ่นและรองรับการเปลี่ยนแปลงได้ดี

ตัวอย่างการใช้โครงการบ้านทาวน์โฮมมาจัดพื้นที่เป็นโฮมออฟฟิศ

หากผู้ประกอบการกำลังมองหาบ้านเพื่อทำโฮมออฟฟิศ ขอแนะนำโครงการทาวน์โฮม กรุงเทพฯ จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยและการทำธุรกิจโดยเฉพาะ โดยมีให้เลือกทั้งโครงการโฮมออฟฟิศย่านบางนา ที่ใกล้ศูนย์การค้าชั้นนำอย่างเมกา บางนา อิเกีย โฮมโปร และห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย พร้อมเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือโฮมออฟฟิศย่านรามอินทรา ที่โดดเด่นด้วยทำเลใกล้ทางด่วนสายสำคัญ ทั้งฉลองรัช ศรีรัช กาญจนาภิเษก รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สายสีชมพู ตลอดจนโฮมออฟฟิศย่านรังสิต ที่รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง Zpell ฟิวเจอร์พาร์ค โรงพยาบาล และสถานศึกษาชั้นนำ พร้อมการเดินทางที่สะดวกสบายด้วยทางด่วนดอนเมือง ทางยกระดับโทลล์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีแดง

โครงการ The Parti โครงการทาวน์โฮมเพื่อทำโฮมออฟฟิศจากอารียา พรอพเพอร์ตี้

ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและการวางผังโครงการที่ได้มาตรฐาน จึงช่วยสร้างภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพให้ธุรกิจ อีกทั้งยังได้รับอนุญาตให้ใช้เป็นพื้นที่เพื่อการพาณิชย์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมั่นใจ ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 3.79 ล้านบาท* สนใจเยี่ยมชมโครงการหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1797 หรือ LINE: @areeyahome

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Pros and Cons of Using a Model Home as Office Space. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 จาก https://www.builderfinance.com/blog/pros-and-cons-of-using-a-model-home-as-office-space.
  2. Running Your Business from Home: Pros and Cons. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 จาก https://allanhall.com.au/home-office-pros-cons/.