10 สิ่งที่ต้องมี จัดสวนตามหลักฮวงจุ้ย เสริมความมงคลมั่งคั่ง

การจัดสวนตามหลักฮวงจุ้ย ไม่ใช่เรื่องยาก เราสามารถออกแบบให้ถูกหลักและถูกใจได้ด้วยตัวเอง ที่สำคัญคือไม่จำเป็นที่สวนจะต้องออกมาดูเชย ๆ หรือเป็นสไตล์จีน ก็ทำให้ถูกหลักฮวงจุ้ยได้ ช่วยเสริมพลังดี ๆ ให้กับบ้านและนี่คือ 10 สิ่งที่ควรมี ถ้าอยากจัดสวนให้สวยถูกหลักฮวงจุ้ย เรียกความมั่งคั่ง

  • บ่อปลา
    ตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่า ปลาทำให้บ้านเปี่ยมไปด้วยพลัง เคลื่อนไหวตลอดไม่หยุดนิ่ง และยังเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์ บ่อปลาหรืออ่างปลาในสวนจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ จะไซส์เล็กหรือใหญ่ก็เลือกให้เข้ากับพื้นที่ได้เลย 
  • ปลามงคล
    ปลาที่เลือกเลี้ยง ก็ควรเป็นปลามงคล เช่น ปลาคาร์พ ปลาทอง และจำนวนปลาที่เลี้ยงก็ควรลงท้ายด้วยเลข 8 เช่น 8, 18, 28, 38 ฯลฯ ชอบปลาเล็กหรือใหญ่ก็เลือกตามขนาดบ่อที่มีได้เลย หรือจะมีหลายชนิดรวมกันก็ได้
  • น้ำพุ
    นอกจากมีปลาแล้ว ควรมีน้ำพุ น้ำตก หรืออ่างน้ำล้น เพื่อเพิ่มพลังความมีชีวิตชีวา มีน้ำไหลตลอดเวลา แต่ถ้าติดตั้งแล้วต้องพยายามอย่าให้น้ำหยุดนิ่ง เพราะอาจสื่อถึงเงินทองที่หยุดนิ่งด้วยเช่นกัน
  • ต้นไม้มงคล
    เช่น วาสนา ชวนชม นางกวัก บอนสี เฟิร์นข้าหลวง ว่านเศรษฐี เงินไหลมา โกสน กวักมรกต ลิ้นมังกร ฯลฯ ไม้มงคลแต่ละชนิดเสริมดวงในแต่ละด้านต่างกันไป มีทั้งความร่ำรวย สุขภาพดี รักสมหวัง บริวารเกื้อหนุน และควรหลีกเลี่ยงไม้มีหนาม ไม่ว่าจะหนามเล็กหรือหนามใหญ่
  • รั้วที่ดูโปร่งสบาย
    รั้วของสวนควรออกแบบให้ดูโปร่ง สบายตา ไม่ตีปิดทึบ เพื่อเสริมการไหลเวียนของธาตุลม แน่นอนว่าถ้าตีรั้วทึบ ๆ รอบสวนก็คงจะน่าอึดอัดไม่น้อย
  • ทางเข้าบ้านที่โล่งกว้าง
    ส่วนทางเดินเข้าบ้าน ไม่ควรมีก้อนหินหรือต้นไม้ใหญ่มาขวางทาง เพราะเชื่อว่าจะขัดขวางพลังงานดี ๆ ไปด้วยเช่นกัน ถ้าอยากตกแต่ง ควรเลือกเป็นไม้พุ่มเล็ก ๆ หรือดอกไม้สีสดใสแทน
  • สวนหิน
    หินเป็นตัวแทนของความหนักแน่น มั่นคง จึงควรมีสวนหินเล็ก ๆ หรือของประดับที่ทำจากหินอยู่ในสวน ซึ่งตามหลักแนะนำให้ตกแต่งหินไว้ทางทิศตะวันตก
  • แสงแดด
    แสงแดดคือธาตุไฟ เพื่อสวนที่สมดุลและมีครบทุกธาตุ ควรมีแสงแดดส่องถึงตามธรรมชาติ ไม่ปลูกต้นไม้ใหญ่จนบังแดดไปหมด หรืออยู่ใต้หลังคา
  • ทางเดินเข้าบ้านแบบเรียบ
    ถนนจากประตูรั้วจนถึงตัวบ้านควรเป็นพื้นทางเดินเรียบ ๆ  เพื่อช่วยให้โชคลาภไม่ติดขัด จะเป็นพื้นซีเมนต์หรือปูแผ่นหินก็ได้ แต่ไม่ควรเป็นทางโรยด้วยก้อนหินเล็ก ๆ
  • ความสะอาด
    ข้อนี้สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะจัดสวนไว้ดีแค่ไหน ต้องไม่ลืมดูแลให้สะอาดเรียบร้อย ตัดแต่งต้นไม้อย่าให้รก และอย่าให้มีของที่แตก หัก บิ่น เสียหาย

การจัดสวนให้ถูกหลักฮวงจุ้ย นอกจากจะเป็นความเชื่อเรื่องโชคลาภ ยังเป็นเหมือน Check List ง่าย ๆ ที่ช่วยให้สวนของเราออกมาสวยกลมกล่อม มีครบทั้งดิน น้ำ ลม แสงแดด กลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่เปี่ยมด้วยความอุดมสมบูรณ์ เพิ่มความสดใสให้กับบ้านนั่นเอง

 

 

COMO Botanica II 

มีสวนสวยในสไตล์ที่คุณชอบ กับบ้านเดี่ยวสไตล์ Urban Botanical ทำเลใกล้เมือง ในบรรยากาศที่เข้าถึงธรรมชาติ พื้นที่กว้างขวางทั้งภายในและนอกตัวบ้าน ดีไซน์มุมที่ชอบได้ไม่จำกัด ภายใต้แนวคิด “ออกแบบชีวิต ให้ชิดธรรมชาติ” 

บ้านขนาดใหญ่ 4 ห้องนอน

  • นวัตกรรม Zero Waste System
  • พื้นที่จอดรถ 2 คัน รูปแบบ Perfect Parking
  • รองรับเทคโนโลยี Home Automation*
  • มอบความเป็นส่วนตัว จำกัดเพียง 104 ยูนิต
  • พื้นที่ส่วนกลางสุดร่มรื่น
  • พื้นที่สวนส่วนตัวกว้างขวาง
  • ตอบโจทย์สาย Picnic & Camping

ทำความรู้จักโครงการ COMO Botanica 2 ของเราให้มากขึ้นได้ที่นี่

awsa

คู่รัก LGBTQ กู้ร่วมซื้อบ้านอย่างไรให้ผ่านฉลุย

ปัจจุบันสังคมได้เปิดกว้างให้กับกลุ่มคู่รัก LGBTQ (Lesbian, Gay, Bisexual, Transgender, Queer) มากขึ้น แม้ว่ากฎหมายยังไม่รองรับการจดทะเบียนสมรสของคนเพศเดียวกัน แต่มีหนึ่งสิ่งที่คู่รัก LGBTQ สามารถทำเพื่อวางแผนอนาคตร่วมกันได้แล้ว นั่นก็คือ “การกู้ร่วมซื้อบ้าน” ที่ผ่านมามีหลายธนาคารที่ขานรับนโยบายในการเปิดโอกาสให้คู่รัก LGBTQ สามารถกู้ร่วมซื้อบ้านด้วยกันได้ ทั้งนี้ ตัวผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วมต้องมีคุณสมบัติที่เข้ากับเงื่อนไขการกู้ซื้อบ้านของธนาคารนั้นๆ ด้วย เรามาดูกันว่าการกู้ร่วมซื้อบ้านสำหรับคู่รัก LGBTQ ให้ผ่านฉลุยแบบไร้กังวล จะต้องเริ่มเตรียมตัวอย่างไร และมีรายละเอียดอะไรบ้าง

  • มองหาธนาคารที่เข้าเงื่อนไข

การยินยอมให้คู่รัก LGBTQ สามารถกู้ร่วมเพื่อซื้อบ้านนั้น ปัจจุบันมีหลากหลายธนาคารที่เปิดให้กู้สินเชื่อ ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารยูโอบี และอีกหลายธนาคาร แต่ละธนาคารจะกำหนดคุณสมบัติของผู้กู้ และมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป เช่น ฐานเงินเดือนขั้นต่ำ อายุของการทำงาน และเอกสารรับรองการอยู่ร่วมกัน เป็นต้น จึงควรศึกษารายละเอียดในการยื่นกู้ให้ชัดเจนว่าตรงตามที่ธนาคารกำหนดหรือไม่ ก่อนการดำเนินการในขั้นตอนถัดไป

รายชื่อธนาคารที่ให้กู้ร่วมซื้อบ้านสำหรับคู่รัก LGBTQ พร้อมเงื่อนไข

ธนาคาร

เงินเดือนขั้นต่ำ  อายุขั้นต่ำ

วงเงินกู้สูงสุด

กสิกรไทย 15,000 20 ปีขึ้นไป

(อายุรวมกับระยะเวลาผ่อนไม่เกิน 70 ปี)

ไม่เกิน 90% ของราคาซื้อขาย
ไทยพาณิชย์ ไม่ระบุ 20 ปีขึ้นไป และไม่เกิน 65 ปี 100% ของราคาประเมิน
ยูโอบี 20,000 21 ปี รวมระยะเวลากู้ บ้านใหม่และมือสองสูงสุด 95 – 100%

ก่อสร้างบ้าน สูงสุด 85%

ออมสิน ไม่ระบุ 20 ปีขึ้นไป 100% ของราคาซื้อขาย
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ไม่ระบุ 20 ปีขึ้นไป ไม่ระบุ
กรุงเทพ 20,000 18 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี 90% ของราคาซื้อขาย

 

  • เช็กความพร้อมของสถานะทางการเงิน

สถานะทางการเงินถือเป็นข้อสำคัญในการแสดงถึงความพร้อม และความน่าเชื่อถือ หรือที่เรียกว่าการมีเครดิตนั่นเอง นอกจากการมีรายได้ประจำตามเกณฑ์ที่ทางธนาคารกำหนดแล้ว ฝ่ายพิจารณาสินเชื่อยังต้องเช็กประวัติเครดิตบูโร* เพื่อตรวจสอบวินัยทางการเงินที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง หากคุณเคยกู้ยืม หรือใช้เครดิตในรูปแบบต่างๆ ที่มีการชำระตรงเวลา ไม่เคยจ่ายล่าช้า หรือค้างจ่าย ทางธนาคารจะประเมินว่าคุณเป็นผู้ที่มีเครดิตที่ดี ถ้าใครมีรายได้ที่ดี แต่ไม่เคยมีประวัติการใช้จ่ายทางเครดิตเลย ทำให้ธนาคารตรวจสอบไม่ได้ ก็อาจไม่ได้รับการอนุมัติ ดังนั้น การยื่นกู้บ้านอย่างน้อย 6 เดือน – 1 ปี ควรสร้างประวัติการเงินที่มีการเข้า-ออกสม่ำเสมอ รวมถึงมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ดี ก็จะยิ่งทำให้การยื่นกู้ผ่านการอนุมัติได้โดยง่าย 

*การเช็กประวัติเครดิตบูโร หากต้องการรู้ว่าเครดิตบูโรของคุณที่ผ่านมามีสถานะเป็นอย่างไร สามารถตรวจสอบเครดิตบูโรได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยระบบจะส่งรายงานให้ทางอีเมล (NCB e-Credit Report) 

แต่ละช่องทางการขอเครดิตบูโรทางออนไลน์จะมีระยะเวลาในการขอที่ต่างกันไป ดังนี้

ขอได้ทันที

  • โมบายแอป “KKP Mobile” ของธนาคารเกียรตินาคิน
  • โมบายแอป “Bureau OK” บูโร โอเค ต้องลงทะเบียนก่อนใช้บริการที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโรทุกแห่ง

ขอได้ภายใน 24 ชั่วโมง

  • โมบายแอป “Krungthai NEXT” ของธนาคารกรุงไทย
  • โมบายแอป “MyMo” ของธนาคารออมสิน

ขอได้ภายใน 3 วันทำการ

  • โมบายแอป “ttb touch” ของธนาคารทีทีบี

  ส่วนการขอแบบออฟไลน์ สามารถทำเรื่องได้จากศูนย์ตรวจเครดิตบูโร และเคาน์เตอร์ธนาคารที่เข้าร่วม โดยตรวจสอบสถานที่ในการขอข้อมูลเครดิตบูโรเพิ่มเติมได้จากศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ คลิก

  • เตรียมเอกสารแสดงความสัมพันธ์ที่มีร่วมกัน

ถึงแม้การเปิดให้คู่รัก LGBTQ สามารถกู้ร่วมได้ แต่ยังมีเงื่อนไขที่เป็นเอกสารสำคัญเกี่ยวกับความสัมพันธ์ เพื่อชี้ชัดการอยู่ร่วมกันที่แท้จริง และป้องกันการกู้ร่วมจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว 

ตัวอย่างเอกสารแสดงความสัมพันธ์ที่ธนาคารมักขอให้แนบ เพื่อการพิจารณา เช่น สำเนาสัญญาจะซื้อจะขายบ้านหรือคอนโดที่ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน สำเนาการจดทะเบียน หรือการเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมกัน บัญชีเงินฝากร่วมกัน บิลค่าใช้จ่ายที่ระบุที่อยู่เดียวกัน เป็นต้น 

ดังนั้น คู่รัก LGBTQ ที่ต้องการกู้ร่วมซื้อบ้านด้วยกัน ต้องเตรียมเอกสารในส่วนนี้ให้พร้อมเสียตั้งแต่เนิ่นๆ 

  • ตรวจเช็กเอกสารเพื่อการยื่นกู้

หลังจากที่เตรียมความพร้อมในข้อข้างต้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อถึงเวลายื่นกู้ควรเตรียมเอกสารที่ต้องใช้พิจารณาสำหรับการกู้ซื้อบ้านให้ครบถ้วน เพื่อการพิจารณาและผลอนุมัติที่รวดเร็ว โดยเอกสารที่ต้องเตรียม มีดังนี้

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ (ถ้ามี)
  • หนังสือรับรองเงินเดือน
  • สลิปเงินเดือน
  • บัญชีเงินฝาก ย้อนหลัง 6 เดือน
  • เอกสารรับรองการอยู่ร่วมกัน อย่างน้อย 1 ปี

เมื่อเตรียมความพร้อมก่อนการยื่นกู้ร่วมซื้อบ้านสำหรับคู่รัก LGBTQ มาเป็นอย่างดีแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะยื่นกู้ร่วมไม่ผ่าน คู่รัก LGBTQ คู่ไหนที่กำลังวางแผนในการกู้ร่วมเพื่อซื้อบ้าน แต่ยังไม่มีโครงการบ้านในใจ อารียาขอนำเสนอโครงการ AREN X บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern Minimal ทำเลติดเมกาบางนาที่มาพร้อมกับ Private Pool**, Private Courtyard** และ Private Barcony** นอกจากดีไซน์มินิมอลแบบสุดทาง ฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่แล้ว ยังรองรับการยื่นกู้ร่วม สำหรับคู่รัก LGBTQ อีกด้วย สนใจดูรายละเอียดของโครงการเพิ่มเติมได้ ที่นี่

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

awsa

เนรมิตกระท่อมหลังเล็กให้กลายเป็นบ้านในฝัน สไตล์อเมริกันคอตเทจ

บ้านในฝันของทุกคนเป็นแบบไหน?

บ้านในฝันของเราอาจมีลักษณะแตกต่างกันไป บางคนเน้นความสวยงาม เพื่อบ่งบอกไลฟ์สไตล์ สะท้อนตัวตนของผู้อยู่ หรือบางคนเลือกบ้านจากความสะดวกสบาย อาจจะเป็นบ้านเดี่ยวหรือบ้านแฝด มีมุมสวนหรือสระว่ายน้ำไว้เป็นสถานที่ผ่อนคลายภายในบ้าน ที่เราสามารถดีไซน์เป็นโซนปิกนิกสุดเก๋ พร้อมเติมแรงบันดาลใจดีๆ ระหว่างวัน

และเมื่อพูดถึงบ้านในฝัน การตกแต่งบ้านจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องพิจารณาองค์ประกอบหลายอย่าง เพื่อให้บ้านของเรากลายเป็นบ้านในฝันได้อย่างแท้จริง วันนี้อารียาขอแนะนำการแต่งบ้านสไตล์อเมริกันคอตเทจ ที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ชัดเจน เน้นความเรียบง่าย อบอุ่น และเป็นบ้านที่เรามักจะได้เห็นในภาพยนตร์แนวเทพนิยายหลายเรื่อง
บ้านสไตล์คอตเทจคืออะไร

คอตเทจ (Cottage) หากแปลตรงตัวก็คือ ‘กระท่อม’ ด้วยสไตล์ของบ้านที่มักจะออกแบบมาให้คล้ายบ้านพักตากอากาศ อย่างบ้านพักริมทะเลที่มีบรรยากาศผ่อนคลาย หรือบ้านบนเขาก็จะให้บรรยากาศของบ้านน้อยในป่าใหญ่แสนอบอุ่น บ้านสไตล์คอตเทจเป็นบ้านที่ปลูกด้วยวัสดุจากธรรมชาติอย่างไม้หรืออิฐ แวดล้อมด้วยธรรมชาติ มีสนามหญ้า แปลงดอกไม้ หรือต้นไม้ใหญ่ บ้านสไตล์นี้ยังแบ่งได้อีกหลายแบบ ทั้งแบบอังกฤษ แบบฝรั่งเศส แบบนอร์ดิก แบบวินเทจ แบบอเมริกัน แต่ละแบบก็มีบรรยากาศที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการแต่งบ้าน อย่างแบบอังกฤษจะเป็นบ้านไม้หลังคามุงจาก หรือบ้านอิฐชั้นเดียวคล้ายกระท่อม หากยังนึกไม่ออกให้ลองนึกภาพบ้านของแฮกริดในภาพยนตร์แฮร์รี่พอตเตอร์ ในขณะที่บ้านสไตล์คอตเทจแบบวินเทจจะเป็นบ้านที่ดูย้อนยุคสไตล์เรโทร แต่งบ้านด้วยของเก่า แต่ก็ร่วมสมัย

ลักษณะของบ้านสไตล์อเมริกันคอตเทจ

บ้านสไตล์อเมริกันคอตเทจเป็นบ้านที่มักจะพบในแถบอเมริกาเหนือ มีลักษณะเป็นกระท่อมขนาดกะทัดรัด มักจะใช้เป็นบ้านพักตากอากาศช่วงวันหยุดยาวในฤดูร้อน เป็นที่นิยมทั้งในอเมริกาและแคนาดา ตัวบ้านเป็นได้ทั้งไม้ อิฐ หรือหิน มีพื้นที่ใช้สอย ทั้งห้องรับแขก ห้องครัว ไปจนถึงห้องนอน ซึ่งตกแต่งบ้านให้น่าอยู่ในบรรยากาศชนบท มีความเป็นบ้านสไตล์คันทรี แต่ดูไม่เชย ตัวบ้านปลูกจากวัสดุธรรมชาติอย่างไม้หรืออิฐที่โชว์ลายตามธรรมชาติ มักจะมีพื้นเป็นพื้นไม้ ตัวบ้านมีความไม่สมมาตรกัน อาจมีหลังคาจั่วอยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งของบ้าน แต่ไม่อยู่ตรงกลาง อย่างในประเทศเมืองหนาวจะออกแบบให้มีปล่องไฟเฉียงมาด้านใดด้านหนึ่ง ขณะที่เฉลียงบ้านก็อยู่อีกฝั่ง ทำให้ซ้ายขวาไม่เท่ากัน ดูมีมิติ บ้านสไตล์นี้มักจะมีห้องใต้หลังคา เป็นบ้าน 1 ชั้น หรือ 1 ชั้นครึ่ง ขึ้นอยู่กับการออกแบบของสถาปนิก 
รูปแบบของบ้านสไตล์อเมริกันคอตเทจ

บ้านสไตล์อเมริกันคอตเทจนั้นจะมีสไตล์การแต่งบ้านให้รู้สึกถึงความอบอุ่น ผ่อนคลายไปกับธรรมชาติรอบข้าง ให้ความรู้สึกเงียบสงบ บ้านสไตล์อเมริกันคอตเทจยังแบ่งเป็นสไตล์ย่อยๆ ได้อีก 3 แบบ ขึ้นอยู่กับการเลือกเฟอร์นิเจอร์มาใช้ตกแต่งบ้าน

  1. บ้านสไตล์อามิส

    อามิสเป็นนิกายหนึ่งของคริสเตียนที่อาศัยอยู่ในอเมริกาทางตอนเหนือ ในหลายๆ รัฐ โดยเฉพาะรัฐโอไฮโอ, เพนซิลวาเนีย และอินเดียนา ซึ่งคนในนิกายนี้ค่อนข้างแยกตัวออกจากโลก และมีความเชื่อว่าการใช้เทคโนโลยีในการดำรงชีวิตเป็นเรื่องที่ผิดต่อหลักศาสนา ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรและช่างไม้ ส่วนผู้หญิงมักจะเป็นช่างเย็บผ้า สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวอามิสที่โด่งดังไปทั่วก็คืองานไม้ โดยใช้ไม้เนื้อแข็งที่โชว์ลายไม้ชัดๆ อย่างไม้โอ๊ค, ไม้วอลนัท, ไม้เมเปิล, ไม้เอล์ม มาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์และของใช้ต่างๆ

    ในการตกแต่งบ้านสไตล์อามิส ลองหาเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็งที่โชว์ลายไม้สวยๆ มาประดับภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นตู้โชว์ ชั้นวางของ ชุดโต๊ะอาหาร หรือเตียงนอน ก็เป็นเอกลักษณ์ของบ้านสไตล์อามิส นอกจากนี้อาจจะตกแต่งบ้านด้วยงานผ้าควิลท์ที่เย็บต่อกันเป็นผืน จะทำเป็นปลอกหมอน เบาะนั่ง หรือผ้าห่มให้กับห้องต่างๆ ภายในบ้าน ก็ทำให้บ้านดูอบอุ่นราวกับครอบครัวที่มีพ่อบ้าน และแม่บ้านที่ใส่ใจรายละเอียดภายในบ้าน

  2. บ้านสไตล์เชกเกอร์

    เชกเกอร์ก็เป็นอีกนิกายหนึ่งของคริสเตียนที่แยกตัวออกจากโลก ซึ่งปัจจุบันคนกลุ่มนี้ไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว แต่งานฝีมือของคนกลุ่มนี้ตกทอดมาให้คนรุ่นหลังได้เห็น เป็นงานไม้ฝีมือประณีตคล้ายกับแบบอามิส แต่เป็นงานที่มีดีไซน์แบบมินิมอล เน้นความเรียบง่ายและประโยชน์ใช้สอย งานไม้แต่ละชิ้นประกอบกันโดยไร้ตะปู ไม่ว่าจะเป็นตู้ลิ้นชัก โต๊ะไม้ เก้าอี้ ตู้นาฬิกา รวมไปถึงม้าโยกที่เป็นเอกลักษณ์ของสไตล์เชกเกอร์

    เนรมิตบ้านสวยให้เป็นแบบอเมริกันคอตเทจสไตล์เชกเกอร์ได้ เพียงแต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์มินิมอล อาจวางตู้ลิ้นชักไม้แบบเรียบง่ายในห้องรับแขก หรือวางม้าโยกไว้ที่เฉลียงหน้าบ้าน ก็เปลี่ยนบรรยากาศให้เป็นบ้านสไตล์เชกเกอร์ได้แล้ว

  3. บ้านสไตล์คราฟต์แมน

    งานสไตล์คราฟต์แมนเกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แพร่หลายในหลายๆ ประเทศทั้งในยุโรปและอเมริกา คำว่า “คราฟต์แมน” นั้นมีที่มาจาก กุสตาฟ สติกลีย์ ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังในอเมริกา ซึ่งผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ประกอบเข้ากับวัสดุอื่นๆ อย่างโลหะ ตู้ลิ้นชักก็จะมีตัวจับเป็นทองเหลือง กลายเป็นชิ้นงานที่นำสมัยในยุคนั้น งานไม้ส่วนใหญ่จะใช้ไม้โอ๊คย้อมสี  แต่ยังคงเห็นลายไม้ชัดๆ ดีไซน์ด้วยรูปแบบที่เรียบง่าย

    การแต่งบ้านสไตล์คราฟต์แมน อาจวางเฟอร์นิเจอร์ไม้โอ๊คสวยๆ ในห้องรับแขก อย่างเก้าอี้ไม้ทรงหนาที่ไม่มีความโค้ง หรือโต๊ะไม้ที่ประกอบด้วยไม้ระแนงแบ่งช่องว่างเท่าๆ กัน โชว์ข้อต่อและเดือยที่ประกอบกันอย่างประณีต หรือแต่งบ้านด้วยฉากกั้นระหว่างห้องเป็นไม้ระแนงที่โชว์ลายไม้สวยๆ ซึ่งเป็นงานไม้สไตล์คราฟต์แมนโดยเฉพาะ

การแต่งบ้านสไตล์อเมริกันคอตเทจ

บ้านเดี่ยวในโครงการที่ออกแบบให้ทั้งหมู่บ้านกลายเป็นบ้านชานเมืองสไตล์อเมริกันคอตเทจ ภายนอกนั้นร่มรื่นด้วยสนามหญ้าและแปลงดอกไม้ มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ภายในก็ควรแต่งบ้านให้เข้ากันกับภายนอก เพื่อความสวยงามและได้ประโยชน์ใช้สอยมากที่สุด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบ้านสไตล์นี้

โทนสีของบ้านสไตล์อเมริกันคอตเทจ

บ้านสไตล์นี้มักจะมีพื้นบ้านเป็นพื้นไม้ อาจใช้สีเอิร์ทโทนในการแต่งบ้าน ลองเลือกสีกลางอย่างสีเบจ สีครีม สีน้ำตาล สีเทา สีเขียวพาสเทล หรือสีขาว มามิกซ์แอนด์แมตช์ให้เข้ากันในแต่ละพื้นที่ของบ้าน หรือแต่ละห้อง ผ้าม่านควรเลือกใช้สีพื้นเรียบๆ ไม่มีลวดลาย จะช่วยให้มุมต่างๆ ของบ้านดูสว่างขึ้น ลองวางพรมผืนใหญ่สีพื้นเรียบๆ อย่างสีเทา เขียวพาสเทล หรือสีน้ำตาล มาปูไว้กลางบ้านในห้องรับแขก ก็ทำให้บ้านอันเรียบง่ายดูมีอะไรมากขึ้น และยังเป็นการโชว์เครื่องเรือนที่มีลายไม้สวยๆ ให้เด่นขึ้นอีกด้วย

เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับบ้าน

บ้านสไตล์อเมริกันคอตเทจมักจะเป็นบ้านไม้ ลองหาเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ เผยลายไม้ดิบสวยๆ มาตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะอาหาร เตียงนอน ตู้ลิ้นชัก เลือกไม้ให้เป็นสีโทนเดียวกัน อย่างสีของไม้สน หรือเมเปิล ที่ออกสว่างๆ หรือไม้โอ๊ค หรือแอชที่มีโทนสีเข้มขึ้นมาอีกหน่อย หรือถ้าจะใช้เป็นสีขาว หรือสีควันบุหรี่ก็ยังคุมโทนสีสไตล์อเมริกันคอตเทจได้อยู่ จะเลือกแต่งบ้านในสไตล์อามิส, เชกเกอร์ หรือคราฟต์แมน ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ นอกจากนี้อาจมองหาโซฟาผ้า หรือเก้าอี้บุนวมมาใช้แต่งบ้านก็สร้างบรรยากาศให้บ้านดูอบอุ่นขึ้น
ของแต่งบ้านที่ต้องมี

หลังจากนำเฟอร์นิเจอร์สวยๆ มาจัดวางอย่างเป็นสัดเป็นส่วนภายในบ้านแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะแต่งบ้านด้วยของใช้ต่างๆที่จำเป็น อย่างการตั้งตะกร้าหวายใบโตๆ ที่ไว้ข้างเครื่องซักผ้า นอกจากจะสามารถใช้งานได้จริงแล้วยังใช้ประดับบ้านให้เข้าธีมด้วย  หรือจะใช้งานฝีมือมาตกแต่งบ้าน อย่างปลอกหมอนอิงที่ทำด้วยงานควิลท์ ซึ่งเป็นผ้าชิ้นเล็กที่นำมาเย็บต่อกันเป็นผืน งานเดคูพาจ งานเครื่องสานก็ใช้ตกแต่งบ้านสไตล์อเมริกันคอตเทจได้ 

ห้องรับแขกเป็นห้องที่อยู่หน้าสุดของตัวบ้าน สามารถประดับด้วยกรอบไม้สวยๆ ใส่ภาพวิวทิวทัศน์ นำมาติดบนผนังห้องรับแขกได้ ถ้าอยากให้บ้านมีความเรโทรมากขึ้นอีก อาจวางตู้นาฬิกาโบราณ หรือนาฬิกาที่มีนกร้องบอกเวลาก็ดูมีสเน่ห์ไปอีกแบบ บนโต๊ะโซฟาตั้งแจกันสีพื้นเรียบๆ ใส่ไม้ประดับหรือดอกไม้สีขาว ก็สร้างบรรยากาศสไตล์คอตเทจในห้องนี้ได้แล้ว

ห้องครัวและห้องทานอาหารมักจะเป็นพื้นที่เดียวกัน ลองหาไม้ระแนงสวยๆ มาเป็นฉากกั้นแบ่งพื้นที่การใช้งานได้ ในพื้นที่ครัวสามารถตกแต่งด้วยของใช้จำเป็น โดยติดราวไม้สำหรับแขวนอุปกรณ์ทำครัวอย่างมีด ไม้พาย ทัพพี และเขียงไม้ ส่วนบนโต๊ะอาหารจะใช้อุปกรณ์ที่ทำจากไม้ หรือหวายสานก็เข้ากัน ไม่ว่าจะเป็นแผ่นรองจาน ที่รองแก้ว กล่องกระดาษเช็ดปาก หรือตะกร้าผลไม้

ห้องน้ำ ติดกระจกเงาที่มีกรอบไม้หนาๆ เผยลายไม้สวยๆ เนื้อเดียวกันกับชั้นวางไม้ติดผนัง สีของไม้นั้นจะเข้ากันกับผนังห้องสีเอิร์ทโทนทุกสี ประดับด้วยกระถางต้นไม้สีพื้นตั้งไว้มุมหนึ่งในห้องน้ำ หรือจัดแจกันเล็กๆ วางในจุดต่างๆ ของห้อง อาจตั้งตะกร้าหวายไว้สำหรับใส่เสื้อผ้าเตรียมซัก ก็ได้บรรยากาศของห้องน้ำในกระท่อมน้อยกลางป่าแล้ว
ห้องนอน เป็นพื้นที่ที่ควรจัดให้สบายตาเหมาะกับการพักผ่อน เลือกเตียง ตู้วางของข้างเตียง และสตูลที่โชว์ลายไม้สวยๆ แต่งด้วยชุดเครื่องนอนสีเอิร์ทโทน บนผนังอาจจะติดกรอบไม้ที่มีภาพสีน้ำรูปทิวทัศน์สวยๆ ดูสบายตา ทำให้การพักผ่อนได้ประสิทธิภาพกว่าที่คิด

เฉลียงหน้าบ้าน วางเก้าอี้ไม้โยกไว้พักผ่อนหน้าบ้าน หรือถ้าเป็นคนรักสัตว์ จะแขวนกรงนกไม้ไว้หน้าบ้าน ก็ทำให้บ้านดูมีชีวิตชีวาขึ้นแล้ว

ไม่ว่าจะมีบ้านแบบไหนก็สามารถแต่งบ้านให้มีบรรยากาศที่น่าอยู่ได้ หากต้องการมีบ้านสไตล์อเมริกันคอตเทจ จะเริ่มจากปลูกเองก็สามารถออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้อย่างไร้ข้อจำกัด แต่ถ้าอยากลดขั้นตอนการออกแบบและติดตามการก่อสร้างแล้ว จะมองหาโครงการบ้านที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการบ้านสไตล์นี้ได้ อารียาขอแนะนำโครงการ The Village ที่ออกแบบมาเพื่อคนที่มองหาบ้านในฝันสไตล์อเมริกันคอตเทจ กับบรรยากาศของบ้านไม้แสนอบอุ่นที่ซ่อนตัวอยู่ในแมกไม้อันร่มรื่น แฝงกลิ่นอายของบ้านพักตากอากาศในชนบทของอเมริกา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยอันเงียบสงบ แต่เข้าถึง Facility ครบครัน พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. การเดินทางสะดวกสบายด้วยเส้นทางมอเตอร์เวย์ และรถไฟฟ้า ใกล้ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และสถานศึกษาชั้นนำ

สนใจดูข้อมูลโครงการ The Village บ้านจากอารียา บน 5 ทำเลใกล้เมืองเพิ่มเติมได้ ที่นี่

📍 The Village ชัยพฤกษ์-วงแหวน

📍 The Village บางนา-วงแหวนฯ 4

📍 The Village วงแหวนฯ-ลำลูกกาคลอง 5

📍 The Village แจ้งวัฒนะ-ติวานนท์

📍 The Village รามอินทรา-หทัยราษฎร์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก cottagesandbungalowsmag.com, theplancollection.com, thecottagejournal.com

awsa

ส่องไอเดีย เลือกของขวัญขึ้นบ้านใหม่ยังไงให้ปัง

งานพิธีสำคัญสำหรับผู้ที่สร้างบ้านใหม่ ซื้อบ้านใหม่ หรือย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ ตามหลักความเชื่อทางศาสนาพุทธจะต้องประกอบพิธีกรรม “ขึ้นบ้านใหม่” เพื่อเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้ที่อยู่อาศัยให้มีความร่มเย็น อยู่แล้วมีเงินทองไหลมาเทมา งานขึ้นบ้านใหม่จึงถือเป็นงานมงคลที่ญาติสนิทมิตรสหายต่างพากันมาร่วมอวยพร และแสดงความยินดี รวมถึงการนำของขวัญติดไม้ติดมือมามอบให้เจ้าบ้านเพื่อเป็นที่ระลึก แถมยังสามารถนำไปใช้ในการตกแต่งบ้านใหม่ได้อีกด้วย หลายคนที่กำลังจะไปงานขึ้นบ้านใหม่คงนึกไอเดียของขวัญกันอยู่ ว่าจะซื้ออะไรให้ถูกใจผู้รับอยู่ใช่ไหม บทความนี้อารียาขอนำเสนอไอเดียของขวัญ สำหรับติดไม้ติดมือไปงานขึ้นบ้านใหม่มาฝากกัน จะมีไอเดียไหนที่น่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันเลย

เรือสำเภาทอง

เรือสำเภาทองเป็นหนึ่งในบรรดาของขวัญขึ้นบ้านใหม่ยอดฮิต นอกจากจะมีรูปลักษณ์สีทองที่ดูหรูหรา ยังเป็นสัญลักษณ์ของธุรกิจและการเงินอีกด้วย เพราะในอดีตเรือสำเภาใช้เพื่อขยายธุรกิจการค้า ล่องไปขายสินค้ายังทุกทวีปทั่วโลก และในทางศาสตร์จีนยังมีความเชื่อว่า ถ้าภายในบ้านมีเรือสำเภาทองวางไว้ประดับแล้ว จะช่วยเสริมสิริมงคล มีโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา ซึ่งไม่แปลกเลยที่คนทั่วไปมักเลือกซื้อของขวัญขึ้นบ้านใหม่เป็นเรือสำเภาทอง

ต้นไม้มงคล

ต้นไม้มงคลเป็นของขวัญสำหรับงานขึ้นบ้านใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยม เพราะต้นไม้มงคลหลายชนิดมีความสามารถในการฟอกอากาศ ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ในปัจจุบัน มาดูกันว่าต้นไม้มงคลที่มีคุณสมบัติฟอกอากาศสามารถนำไปเป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่จะมีต้นไม้ชนิดใดบ้าง
  • ต้นเดหลี เป็นไม้มงคลที่มีใบสีเขียวเรียวยาว ดอกสีขาว มีคุณสมบัติคายความชื้นได้ดี นิยมนำไปไว้ในห้องนอน เพราะจะช่วยดูดซับสารพิษภายในห้องได้เกือบทุกชนิด ในด้านความเชื่อดอกเดหลียังช่วยส่งเสริมในเรื่องของอายุที่ยืนยาว นำพาโชคลาภมาสู่บ้านเรือน
  • ต้นกวักมรกต ไม้มงคลที่มีความหมายตรงตามชื่อ จะช่วยกวักเงินทอง โชคลาภเข้ามาสู่บ้านเรือน นิยมปลูกไว้ในบ้าน เป็นพืชที่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ปริมาณมาก ทำให้มีความชุ่มชื้นและช่วยดูดซับสารพิษและฟอกอากาศได้เป็นอย่างดี
  • ลิ้นมังกร มีความเชื่อกันว่าต้นลิ้นมังกรจะช่วยปัดเป่าเภทภัยรอบบ้านได้ การดูแลต้นลิ้นมังกรดูแลไม่ยาก เพราะทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี ไม่จำเป็นต้องรดน้ำเยอะ มีความสามารถในการคายก๊าซออกซิเจนในเวลากลางคืน ช่วยทำให้นอนหลับได้อย่างสบายด้วย
  • ต้นพลูด่าง เป็นไม้มงคลประเภทไม้เลี้อย โตไว ดูแลรักษาง่าย สามารถช่วยดูดสารพิษที่มาพร้อมกับความชื้นจำพวกแอมโมเนียได้เป็นอย่างดี และเชื่อกันว่าการปลูกต้นพลูด่างจะทำให้บ้านอยู่เย็นเป็นสุข
  • ต้นว่านหางจระเข้ เป็นต้นไม้มงคลที่สามารถฟอกอากาศได้ โบราณเชื่อกันว่าถ้าปลูกต้นว่านหางจระเข้จนออกดอก จะนำพาโชคลาภและเงินทองมาสู่บ้านและผู้อยู่อาศัย แถมยังมีสรรพคุณทางยา ในการนำวุ้นของว่านหางจระเข้มาเป็นยาฆ่าเชื้อ ช่วยสมานแผล และลดการอักเสบของแผลได้เป็นอย่างดี
จากที่ยกตัวอย่างต้นไม้มงคลที่มีคุณสมบัติในการฟอกอากาศข้างต้นแล้ว ยังมีของขวัญอีกหลากหลายประเภทที่สามารถนำไปเป็นไอเดียหาของขวัญขึ้นบ้านใหม่ได้

ตุ๊กตาแมวกวัก 

ตุ๊กตาแมวกวักเป็นไอเดียของขวัญขึ้นบ้านใหม่จากประเทศญี่ปุ่น จะเห็นว่าส่วนใหญ่รูปตุ๊กตาแมวจะมีหน้าตายิ้มแย้ม ยกมือกวักหนึ่งข้างหรือสองข้างแล้วแต่ความชอบ ซึ่งตามความเชื่อแล้วน้องเหมียวเหล่านี้จะช่วยเรียกลูกค้า และเงินทอง เหมาะสำหรับการนำไปเป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่ หรือบ้านที่ทำธุรกิจค้าขาย จึงนิยมนำมาตั้งไว้โดยหันไปทางหน้าบ้าน หรือหน้าร้านเพื่อคอยกวักเรียกเงินทองและโชคลาภนั่นเอง

ภาพมงคล

กรอบรูปภาพมงคลที่พร้อมนำไปติดตั้งไว้บนฝาผนังเป็นของขวัญยอดฮิตสำหรับงานขึ้นบ้านใหม่ นอกจากจะได้ความสวยงามของภาพวาดแล้ว รูปมงคลแต่ละรูปก็มีความหมายในตัวเอง เช่น ภาพปลาคาร์ฟ 8 ตัว ที่กำลังว่ายวนอยู่ในน้ำ จะช่วยดึงดูดเงินและเสริมสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจ หรือภาพเรือสำเภา ช่วยเสริมสร้างฮวงจุ้ยภายในบ้านทำให้เกิดโชคลาภ หรือจะเป็นรูปวาดศิลปะในรูปแบบอื่นๆ ก็สามารถนำไปเป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่ได้ เมื่อนำไปตกแต่งผนังบ้านก็จะช่วยสร้างสีสัน และบรรยากาศภายในบ้านให้ดูเพลินตาน่ามอง น่าอาศัยไปด้วย

เทียนหอม

เทียนหอมเป็นไอเดียของขวัญที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย การเลือกกลิ่นควรเลือกกลิ่นที่เป็นกลาง คือกลิ่นอ่อนๆ หอมสะอาดสดชื่น กลิ่นหอมของเทียนสามารถสร้างบรรยากาศและช่วยผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี การให้ของขวัญเป็นเทียนหอมเมื่อเจ้าของบ้านนำไปจุดใช้งาน นอกจากกลิ่นในบ้านที่หอมแล้ว ในทางศาสตร์จีนยังถือว่าเป็นการสร้างความมงคล และเสริมฮวงจุ้ยบ้านให้ดีขึ้นด้วย

เครื่องใช้ไฟฟ้า

เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นไอเดียการซื้อของขวัญสำหรับงานขึ้นบ้านใหม่ที่มีมูลค่า และสามารถใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็น พัดลม เครื่องดูดฝุ่น เครื่องฟอกอากาศ ทีวี หรืออุปกรณ์ทำครัว ทั้งนี้หากสนิทกับเจ้าของบ้านอาจสอบถามตรงๆ เลยก็ได้ ว่าบ้านใหม่ยังขาดเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดไหนอยู่บ้าง จะได้เลือกซื้อเป็นของขวัญไปให้ โดยไม่ซ้ำกับของที่มีอยู่ ของขวัญที่ซื้อมาจะได้ถูกใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
 
เหนือสิ่งอื่นใดในการคิดไอเดียของขวัญสำหรับงานขึ้นบ้านใหม่ สิ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุดคือสไตล์และความชื่นชอบของเจ้าของบ้าน ของขวัญที่มอบให้จะได้ประทับใจผู้รับ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง
 
ส่วนคนที่กำลังมองหาบ้านใหม่ในแบบที่ถูกใจ เพื่อเตรียมรอรับของขวัญสำหรับงานขึ้นบ้านใหม่เร็วนี้ๆ สามารถเลือกชมโครงการบ้านและคอนโด หลากหลายสไตล์ ในทำเลคุณภาพ จากอารียาได้ ที่นี่
 
ขอบคุณข้อมูลจาก 
www.thaihealth.or.th
www.krungsri.com
www.ofm.co.th
awsa

3 ขั้นตอนรีไฟแนนซ์บ้าน พร้อมแจกเช็กลิสต์เอกสาร

หลายคนคงได้ยินคำว่า “รีไฟแนนซ์บ้าน” อยู่บ่อยครั้ง และอาจจะมีคำถามตามมาว่าการรีไฟแนนซ์บ้านนี้แท้จริงคืออะไร มีความสำคัญกับคนที่ซื้อบ้านขนาดไหน

การรีไฟแนนซ์บ้าน คือการเปลี่ยนการกู้สินเชื่อบ้านจากสถาบันการเงินเดิม ไปยังสถาบันการเงินที่ใหม่ โดยการขอเปลี่ยนสถาบันการเงินครั้งนี้ จะสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อทำการผ่อนบ้านมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี ถึงจะสามารถขอสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บ้านได้ ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้านสามารถทำเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ได้หลากหลาย แต่สำหรับบทความนี้จะขอแนะนำการรีไฟแนนซ์บ้านสำหรับผู้กู้ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง มาดูกันว่าการรีไฟแนนซ์บ้านมีประโยชน์เรื่องใดบ้าง

  • ลดอัตราดอกเบี้ยบ้าน 

การที่ทำให้ดอกเบี้ยถูกลงถือเป็นประโยชน์หลักของการรีไฟแนนซ์ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด หากอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินใหม่ที่จะรีไฟแนนซ์ให้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสถาบันการเงินเดิม เช่น สินเชื่อเดิมทำการกู้ที่อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7 แต่สัญญาใหม่มีอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 3 เมื่ออัตราดอกเบี้ยถูกลงก็จะส่งผลให้ดอกเบี้ยรายเดือน รวมทั้งดอกเบี้ยรวมของสัญญาถูกลงไปด้วย การรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อขอรับอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงจึงเป็นตัวเลือกแรกๆ ของผู้กู้ที่ต้องการลดยอดหนี้ในการผ่อนชำระนั่นเอง

  • ลดระยะเวลาการผ่อนบ้าน

สินเชื่อบ้านเป็นการกู้ที่มีระยะเวลาผ่อนหลายสิบปี การกู้บ้านในครั้งแรกผู้กู้มักขอสินเชื่อที่มีระยะผ่อนตั้งแต่ 30 -35 ปี โดยทั่วไปแล้วการขอสินเชื่อบ้านในครั้งแรกมักยื่นกู้ในระยะเวลาผ่อนส่งที่นานที่สุดไว้ก่อน ตามอัตราดอกเบี้ย ณ วันที่ทำการขอสินเชื่อ เมื่อเวลาผ่านไป หากผู้กู้มีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้นก็สามารถขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ เพื่อปรับลดดอกเบี้ยและลดจำนวนปีในการผ่อนลงได้ ก็จะทำให้สามารถผ่อนบ้านหมดได้เร็วขึ้น 

ยกตัวอย่าง สัญญาการกู้สินเชื่อบ้านเดิมดอกเบี้ยร้อยละ 6 ผ่อนเดือนละ 15,000 บาท เป็นระยะเวลา 30 ปี เมื่อเวลาผ่านไปผู้กู้มีรายรับมากขึ้น จึงทำการขอรีไฟแนนซ์เพื่อขอลดดอกเบี้ยเป็นร้อยละ 2.5 พร้อมกับลดระยะเวลาการผ่อนให้สั้นลง โดยผ่อนเดือนละ 20,000 บาท ในระยะเวลา 25 ปี ก็จะส่งผลให้การชำระหนี้สินเชื่อบ้านหมดได้ไวขึ้น รวมถึงดอกเบี้ยโดยรวมของสัญญาก็ลดลงด้วย

  • เพิ่มวงเงินสินเชื่อบ้าน

การเพิ่มวงเงินกู้สามารถใช้การรีไฟแนนซ์เพื่อขออนุมัติเพิ่มวงเงินได้ ซึ่งผู้กู้จะได้เงินก้อนจากส่วนต่างที่ชำระไปแล้ว 3 ปีออกมา เพื่อนำไปใช้จ่ายในการรีโนเวทบ้าน หรือนำไปทำธุรกรรมทางการเงินอื่นๆ ได้ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยบ้านจะถูกกว่าการขอสินเชื่อแบบอื่นๆ

ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้านสำหรับมือใหม่

เมื่อเข้าใจความหมายและข้อดี-ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึง “ขั้นตอน” ของการยื่นขอสินเชื่อ สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งผ่อนชำระครบ 3 ปีไปหมาดๆ มาดูกันว่าจะมีขั้นตอนและวิธีการเตรียมตัวอย่างไร

  1. ศึกษาเงื่อนไขจากธนาคารเดิมและค่าธรรมเนียมต่างๆ 

การรีไฟแนนซ์บ้านจำเป็นต้องดูรายละเอียดเงื่อนไขของสัญญาการกู้เดิม ว่าสามารถทำการรีไฟแนนซ์ได้หรือไม่ หรือมีเงื่อนไขอย่างไร โดยมีข้อที่ควรคิดคำนวณความคุ้มค่าเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น 

ยกตัวอย่าง เช่น ค่าเบี้ยปรับการไถ่ถอนก่อนกำหนด ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง ค่าธรรมเนียมการปล่อยกู้ ค่าอากรแสตมป์ ค่าประกันอัคคีภัย เป็นต้น หากได้รับการยกเว้น หรือเสียในปริมาณที่คำนวณแล้วเทียบกับอัตราดอกเบี้ยใหม่คุ้มกว่า ก็สามารถดำเนินการในข้อถัดไปได้เลย

  1. เช็กอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์

หลังจากตรวจสอบข้อมูลจากสถาบันการเงินเดิมว่าสามารถทำการรีไฟแนนซ์บ้านได้แล้ว ขั้นตอนต่อมาต้องตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินที่ต้องการย้ายไปว่าอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีที่ย้ายไปเป็นเท่าไร เนื่องจากแต่ละสถาบันการเงินมีอัตราดอกเบี้ย และโปรโมชันที่แตกต่างกันออกไป โดยสามารถดูอัตราดอกเบี้ยจาก 7 ธนาคารได้ตามตารางด้านล่าง

ธนาคาร

อัตราดอกเบี้ย
เฉลี่ย 3 ปี*
วงเงินกู้สูงสุด

ระยะเวลาการกู้ (ปี)

ธนาคารกรุงไทย 2.60% 100% 40
ธนาคารทหารไทยธนชาต 2.75% 90-95% 35
ธนาคารกรุงเทพ 2.78% 100% 30
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 2.83% 100% 40
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 2.88% 95% 30
ธนาคารไทยพาณิชย์ 4.90% 100% 30
ธนาคารกสิกรไทย 5.97% 90% 30

ข้อมูลอ้างอิง : ธนาคารแห่งประเทศไทย ข้อมูล ณ วันที่ 28 กันยายน 2565
*อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเป็นไปตามที่แต่ละธนาคารกำหนด อาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรตรวจสอบกับทางธนาคารอีกครั้ง

  1. เตรียมเอกสารการรีไฟแนนซ์บ้าน

การยื่นขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ มีขั้นตอนที่ไม่ต่างกับการขอสินเชื่อซื้อบ้านครั้งแรกมากนัก เมื่อเปลี่ยนสถาบันการเงินก็จำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลของสินทรัพย์ และสถานะทางการเงินของผู้กู้ก่อนอนุมัติ โดยเอกสารที่ต้องใช้สำหรับการยื่นขอสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ มีดังนี้

3.1 เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล 

เอกสารข้อมูลส่วนบุคคลจะช่วยยืนยันตัวตนกับทางสถาบันการเงินว่าเป็นผู้กู้ตัวจริงที่ไม่ใช่บุคคลแอบอ้าง โดยเอกสารจะประกอบด้วย

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
  • สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ของคู่สมรส (ถ้ามี)
  • สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) / หย่า (ถ้ามี)
  • สำเนาใบมรณะบัตร และทะเบียนสมรสของคู่สมรส (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)

3.2 เอกสารแสดงรายได้

เอกสารการรีไฟแนนซ์บ้านในส่วนนี้จะเป็นเอกสารที่ทำให้ธนาคารทราบถึงคุณสมบัติของผู้กู้ว่าเข้าเงื่อนไขการขอสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์หรือไม่ เพราะจะแสดงสถานะทางการเงิน รายได้ และประวัติการเดินบัญชีของผู้กู้ โดยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้

กรณีบุคคลมีรายได้ประจำ

  • สลิปเงินเดือน ย้อนหลัง 3 เดือน หรือหนังสือรับรองการทำงาน
  • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน
  • หนังสือผ่านสิทธิสวัสดิการ (ถ้ามี)
  • สำเนารับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) (สำหรับบางธนาคารเท่านั้น)

กรณีบุคคลที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว

  • สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน/ใบทะเบียนการค้า
  • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้/ผู้กู้ร่วม
  • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 12 เดือน (ทั้งในนามบุคคล และกิจการ)
  • สำเนา ภ.พ. 30 (ถ้ามี) หรือ ภงด. 50/51 ย้อนหลัง 5 เดือน (ถ้ามี)

3.3 เอกสารแสดงด้านหลักประกัน

เอกสารส่วนนี้จะยืนยันความเป็นเจ้าของหลักประกันที่จะนำมาขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์ โดยจะมีเอกสารจากธนาคารเดิม และจากกรมที่ดิน ดังนี้

  • สำเนาเอกสารโฉนดที่ดิน หรือเอกสารกรรมสิทธิ์ห้องชุด อช.2
  • สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน ทด.13 หรือ สัญญาให้ที่ดิน ทด.14 หรือ สัญญาซื้อขายห้องชุด
  • สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน หรือ สำเนาสัญญาจำนองห้องชุด
  • สำเนาสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินเดิม
  • สำเนาใบเสร็จผ่อนชำระค่างวดบ้าน หรือ ถ้าผ่อนชำระแบบตัดค่างวดอัตโนมัติให้ใช้รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 12 เดือน

เมื่อศึกษาข้อมูล และเตรียมความพร้อมในการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์แล้ว การทำเรื่องขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์จะไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป เมื่อเทียบแล้วว่าอัตราดอกเบี้ยใหม่จะถูกลงกว่าเดิมทำให้ยอดหนี้ลดลง และลดภาระในการชำระให้หมดไวขึ้นในกรณีที่ต้องการโปะบ้าน ก็ถือว่าเป็นเทคนิคในการช่วยลดหนี้ได้เป็นอย่างดี หากคุณกำลังมองหาบ้านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต หรือกำลังมองหาบ้านหลังที่ 2 พร้อมเจ้าหน้าที่สำหรับให้คำปรึกษาและอำนวยความสะดวกในการยื่นขอสินเชื่อ ขอแนะนำโครงการจากอารียา ทั้งบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโด บนหลากหลายทำเลศักยภาพ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่

awsa

อัปเดตล่าสุด ค่าโอนบ้าน โอนคอนโด ปี 2566

ข่าวดีของคนซื้อบ้านปีนี้ อัปเดตมาตรการรัฐปี 2566 ลดค่าโอน-ค่าจดจำนอง สำหรับบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโด ราคาไม่เกิน 3 ล้าน หลายคนคงเห็นข่าวมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ผ่านตากันมาบ้างแล้ว แต่บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าสรุปแล้ว มาตรการของปี 2566 เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง วันนี้อารียาจึงมาสรุปให้ฟังชัดๆ อีกครั้ง 

ก่อนอื่นขอมาทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า ค่าใช้จ่ายแต่ละประเภทที่เกิดขึ้นเมื่อคิดจะซื้อบ้านมีอะไรบ้าง

ค่าโอนกรรมสิทธิ์ คือ เงินค่าธรรมเนียมที่ผู้ซื้อขายบ้านต้องชำระในวันโอน ณ สำนักงานที่ดิน เพื่อดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์จากผู้ขายไปยังผู้ซื้อ โดยค่าใช้จ่ายสำหรับการโอนไม่ได้ถูกกำหนดตายตัวว่า “ผู้ซื้อ” หรือ “ผู้ขาย” ต้องเป็นคนชำระ ทั้งสองอาจมีการทำข้อตกลงแบ่งจ่ายคนละครึ่ง หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ชำระค่าโอนบ้าน หรือค่าโอนที่ดินทั้งหมดเลยก็ได้เช่นกัน

โดยค่าใช้จ่ายในการโอนบ้านนั้น ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการโอนบ้าน, ค่าภาษีเงินได้, ค่าจดจำนอง, ค่าอากรแสตมป์ เป็นต้น เพราะฉะนั้นก่อนการโอนบ้านจึงควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการคำนวณค่าโอนบ้าน, ค่าโอนที่ดิน หรือค่าโอนบ้าน พร้อมที่ดิน เพื่อจะได้ทราบว่าต้องเตรียมเงินล่วงหน้า สำหรับใช้ชำระค่าธรรมเนียมในการโอนบ้านทั้งหมดเท่าไร มาดูกันว่าค่าธรรมเนียมต่างๆ ในแต่ละส่วนต้องคิดคำนวณอย่างไรบ้าง

  • ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์

โดยปกติค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะคิดเป็น 2% ของราคาประเมิน แต่ในปี 2566 เนื่องจากทางรัฐได้ออกมาตรการลดค่าโอนบ้าน-จดจำนอง สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาประเมินไม่เกิน 3 ล้านบาท ทั้งบ้านใหม่ และบ้านมือสอง ก็จะลดลงเหลือ 1% ของราคาประเมิน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 31 ธันวาคม 2566 ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมในการโอนบ้านถูกปรับลดลงด้วย 

วิธีคำนวณค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ โดยตัวอย่างคำนวณจากบ้านราคา 3 ล้านบาท

ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ 1% สามารถคำนวณได้ตามสูตรนี้่

ค่าธรรมเนียมการโอน = ราคาบ้าน x 1%

ค่าธรรมเนียมการโอน = 3,000,000 x 1%

ค่าธรรมเนียมการโอน เท่ากับ 30,000 บาท

จากเดิมที่ต้องจ่ายถึง 60,000 บาท แต่เมื่อคิดจากค่าธรรมเนียมในอัตรา 1% จะเหลือค่าธรรมเนียมการโอน เพียง 30,000 บาทเท่านั้น

  • ค่าจดจำนองบ้าน

นอกจากค่าโอนบ้านจะถูกปรับลดแล้ว ค่าจดจำนองจากปกติ 1% ก็ถูกปรับลดให้เหลือ 0.01% ด้วยเช่นกัน ดังนั้น บ้านราคา 3 ล้านบาท ก็จะมีค่าธรรมเนียมการจดจำนองบ้าน เหลือเพียง 300 บาทเท่านั้น

วิธีคำนวณค่าจดจำนอง โดยตัวอย่างคำนวณจากบ้านราคา 3 ล้านบาท

ค่าจดจำนองบ้าน 0.01% สามารถคำนวณได้ตามสูตรนี้่

ค่าจดจำนองบ้าน = ราคาบ้าน x 0.01%

ค่าจดจำนองบ้าน = 3,000,000 x 0.01%

ค่าจดจำนอง เท่ากับ 300 บาท

  • ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ

ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากธุรกิจ หรือกิจการบางประเภทที่กฎหมายกำหนด โดยคิดแยกจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ขายเป็นฝ่ายรับผิดชอบ โดยจะต้องจ่าย 3.3% จากราคาประเมิน หากผู้ขายถือครองไม่เกิน 5 ปี แต่ถ้าถือเกิน 5 ปีขึ้นไป หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี ผู้ขายจะชำระเพียงค่าอากรแสตมป์เท่านั้น และเมื่อคิดคำนวณจากบ้านราคา 3 ล้านบาท จะต้องเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% มีมูลค่าเท่ากับ 99,000 บาท

  • ค่าอากรแสตมป์

ค่าใช้จ่ายในส่วนของอากรแสตมป์ จะอยู่ที่ 0.5% ของราคาซื้อขาย แต่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมิน ถ้าต่ำกว่าให้ใช้ราคาประเมินมาคำนวณ และในกรณีที่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าอากรแสตมป์อีกนั่นเอง เมื่อคำนวณค่าอากรแสตมป์จากบ้านราคาขาย 3 ล้านบาท จะต้องเสียค่าอากรแสตมป์ 0.5% อยู่ที่ 15,000 บาท

สรุป : หากทำการโอนบ้านในราคา 3 ล้าน สามารถนำผลการคำนวณในแต่ละข้อมารวมกันเป็นค่าธรรมเนียมโอนบ้านพร้อมที่ดินได้ดังนี้

  • กรณีที่ผู้ขายยังถือครองไม่ครบ 5 ปี

ค่าธรรมเนียมโอนบ้านพร้อมที่ดิน = ค่าธรรมเนียมการโอนบ้าน + ค่าจดจำนอง + ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ

ค่าธรรมเนียมโอนบ้านพร้อมที่ดิน = 300 + 300 + 99,000

ค่าธรรมเนียมโอนบ้านพร้อมที่ดิน เท่ากับ 99,600 บาท

  • กรณีที่ผู้ขายถือครองเกิน 5 ปี

ค่าธรรมเนียมโอนบ้านพร้อมที่ดิน = ค่าธรรมเนียมการโอนบ้าน + ค่าจดจำนอง + ค่าอากรแสตมป์

ค่าธรรมเนียมโอนบ้านพร้อมที่ดิน = 300 + 300 + 15,000

ค่าธรรมเนียมโอนบ้านพร้อมที่ดิน เท่ากับ 15,600 บาท

ขั้นตอนในการโอนบ้าน

หลังจากที่ตัดสินใจซื้อบ้าน และมีการเข้าตรวจรับบ้านเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์
ณ สำนักงานที่ดิน โดยขั้นตอนในการยื่นขอโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดิน มีดังนี้

  1. แจ้งความประสงค์ในการขอโอนกรรมสิทธิ์บ้าน หรือคอนโด ณ เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ และรอรับบัตรคิว
  2. ยื่นเอกสารประกอบการขอโอนกรรมสิทธิ์กับเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสาร โดยเอกสารที่ใช้ในการยื่นของโอนกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดิน จะประกอบไปด้วย
  • โฉนดที่ดินฉบับจริง
  • บัตรประชาชน พร้อมสำเนา 1 ฉบับ
  • ทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา 1 ฉบับ
  • กรณีมอบอำนาจ ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ (ทด.21)
  • สำเนาบัตรประชาชนคู่สมรส (ถ้ามี)
  • สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
  1. เจ้าหน้าที่จะทำการประเมินราคา และแจ้งค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์
  2. ชำระเงินค่าธรรมเนียมที่ฝ่ายการเงิน และนำใบเสร็จกลับมายื่นให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินการพิมพ์สลักหลังโฉนด เมื่อได้รับเอกสารจากเจ้าหน้าที่ ผู้โอนจะต้องตรวจสอบความถูกต้องของโฉนดให้เรียบร้อยก่อนการส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อ รวมถึงสัญญาซื้อขาย (ทด.13) ด้วย แต่ถ้าผู้ซื้อได้ทำการกู้ซื้อบ้านกับธนาคาร เจ้าหน้าที่ธนาคารจะเป็นฝ่ายเก็บโฉนดไว้จนกว่าผู้ซื้อจะผ่อนชำระหนี้หมด

เมื่อทราบถึงขั้นตอนในการดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ รวมถึงวิธีคิดคำนวณค่าธรรมเนียม จะเห็นได้ว่าค่าธรรมเนียมในการโอนบ้านเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อย หากไม่มีมาตรการที่ช่วยลดค่าโอนบ้าน โดยปกติก็จะเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูง ก่อนการซื้อขายบ้านหรือคอนโด จึงควรศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายประเภทไหนให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อเตรียมเงินค่าโอนบ้านไว้ล่วงหน้า แต่หากซื้อบ้านโดยตรงกับโครงการบ้านก็มักจะมีโปรโมชั่นฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนด้วย 

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านหลังใหม่ อารียาขอแนะนำหลากหลายโครงการคุณภาพ บนทำเลดีรอบเมือง ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโด โดยสามารถลงทะเบียน เพื่อนัดเข้าชมโครงการพร้อมรับสิทธิพิเศษก่อนใครได้ที่นี่ ที่นี่

awsa

รู้ยัง? ดอกเบี้ยบ้าน ใช้ลดหย่อนภาษีได้นะ

ช่วงหลังปีใหม่ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี เรียกได้ว่าเป็นช่วงเทศกาลแห่งการยื่นแบบแสดงรายได้และเสียภาษีประจำปีของคนไทยทุกคนที่มีรายได้ สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มทำงานอาจจะยังไม่คุ้นชินกับการยื่นแบบภาษีประจำปี แต่ถ้าใครที่ทำงานมานานหรือมีเงินเดือนที่สูงในเกณฑ์ของกรมสรรพากรที่ต้องเสียภาษี จะต้องรู้ว่ามีเงื่อนไขที่ทำให้คุณเสียภาษีน้อยลง นั่นก็คือ ค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้นั่นเอง แต่รู้หรือไม่ว่าในบรรดาค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ หนึ่งในนั้นคือดอกเบี้ยบ้าน สำหรับคนที่กู้ซื้อบ้านกับธนาคาร สามารถนำดอกเบี้ยบ้านที่จ่ายไปตลอดทั้งปีมาคำนวณ เพื่อหักลดหย่อนเป็นค่าใช้จ่ายได้ด้วย

การนำเงินค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยบ้านมาลดหย่อนภาษี สามารถหักลดหย่อนได้ตามจริง โดยรายการลดหย่อนส่วนนี้จะสามารถนำไปกรอกในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้มีเงินได้จากการจ้างแรงงานตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร ประเภทเดียว หรือชื่อย่อ ภ.ง.ด.91 ซึ่งรายการลดหย่อนในส่วนของดอกเบี้ยบ้านจะอยู่ในหมวด ค. รายการลดหย่อนและยกเว้นหลังจากหักค่าใช้จ่าย ข้อที่ 11. ดอกเบี้ยเงินกู้ยืม เพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารที่อยู่อาศัย ทั้งนี้การนำดอกเบี้ยบ้านมาใช้ลดหย่อนมีเงื่อนไขที่ต้องศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้

ดอกเบี้ยบ้านสามารถลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท

กรมสรรพากรได้กำหนดให้ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้ เนื่องจากที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่มนุษย์ทุกๆ คนควรมี รัฐบาลจึงสนับสนุนให้ทุกคนมีบ้านและช่วยแบ่งเบาภาระเรื่องภาษี ให้ผู้มีเงินได้มีสิทธิ์ในการนำดอกเบี้ยบ้านที่ชำระในการผ่อนบ้านมาลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ยกตัวอย่างเช่น

  • กรณีดอกเบี้ยบ้านไม่เกิน 100,000 บาท

สมมติว่าปีที่ผ่านมาจ่ายดอกเบี้ยบ้านไปทั้งหมด 83,000 บาท เมื่อนำยอดดอกเบี้ยบ้านไปคำนวณ จะสามารถลดหย่อนภาษีได้ตามจริงในจำนวน 83,000 บาท

  • กรณีดอกเบี้ยบ้านเกิน 100,000 บาท

สมมติว่าปีที่ผ่านมาจ่ายดอกเบี้ยบ้านไปทั้งหมด 120,000 บาท เมื่อนำยอดดอกเบี้ยบ้านไปคำนวณ จะสามารถลดหย่อนได้เพียง 100,000 บาท ส่วนเกิน 20,000 บาท จะไม่ถูกนำมาคำนวณในการลดหย่อนนั่นเอง

ดอกเบี้ยบ้านในกรณีมีบ้านมากกว่า 1 แห่ง

การนำดอกเบี้ยบ้านมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการลดหย่อนภาษีนั้น สามารถนำรายการค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยบ้านมากกว่า 1 แห่ง มาใช้ลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมด ภายใต้เงื่อนไขการคำนวณดอกเบี้ยบ้านที่นำมาใช้ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

กู้ร่วมจะใช้ลดหย่อนอย่างไร

ตามหลักเกณฑ์ปกติหากยื่นกู้เพียงคนเดียวจะสามารถนำดอกเบี้ยบ้านมาใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท แต่ในกรณีที่เป็นการกู้ร่วมตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป จะมีการหารดอกเบี้ยกัน โดยประมวลกฎหมายรัษฎากรได้กำหนดเงื่อนไขในส่วนนี้ไว้ว่า

“กรณีที่เป็นการกู้ร่วมกันหลายคน ให้แบ่งดอกเบี้ยคนละเท่าๆ กัน แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท”

ยกตัวอย่างเช่น บ้านหลังหนึ่งมีการกู้ร่วมของคนสองคน โดยในปีที่ผ่านมามีการจ่ายดอกเบี้ยบ้านไปจำนวน 120,000 บาท ทั้งสองคนนี้จะสามารถแบ่งดอกเบี้ยบ้านจากวงเงินสูงสุดที่ 100,000 บาท หรือหารกันได้คนละ 50,000 บาท

จดทะเบียนสมรสลดหย่อนอย่างไร

กรณีการนำดอกเบี้ยบ้านมาลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลที่จดทะเบียนสมรสกัน มีเงื่อนไขในการลดหย่อนอยู่ 5 ประเภท ซึ่งจะถูกแบ่งเงื่อนไขออกไปตามการมีรายได้ การยื่นกู้ และการยื่นแบบ โดยสามารถอธิบายการนำดอกเบี้ยบ้านไปยื่นขอลดหย่อนภาษีได้ดังนี้

ผู้มีเงินได้ กู้บ้าน การยื่นแบบ การลดหย่อนภาษีสินเชื่อบ้าน
ฝ่ายเดียว สองฝ่าย กู้ร่วม แยกกู้ แยกยื่น ยื่นรวม
ตามจริงไม่เกิน 100,00 บาท
ตามจริง รวมกันไม่เกิน 100,000 บาท
ตามจริง รวมกันไม่เกิน 100,000 บาท
ตามจริง ฝ่ายละไม่เกิน 100,000 บาท
ตามจริง ฝ่ายละไม่เกิน 100,000 บาท
  1. กรณีฝ่ายสามีหรือภรรยา มีรายได้เพียงฝ่ายเดียว มีการกู้ร่วมกัน หากทำการยื่นแบบแสดงรายได้และเสียภาษีร่วมกัน จะสามารถลดหย่อนได้ตามจริง ไม่เกิน 100,000 บาท
  2. กรณีฝ่ายสามีและภรรยา มีรายได้ทั้งสองฝ่าย มีการกู้ร่วมกัน หากทำการยื่นแบบแสดงรายได้และเสียภาษีรวมกัน จะคล้ายกับกรณีการกู้ร่วม ซึ่งสามารถลดหย่อนได้ตามจริง ไม่เกิน 100,000 บาท
  3. กรณีฝ่ายสามีและภรรยา มีรายได้ทั้งสองฝ่าย มีการกู้ร่วมกัน หากทำการยื่นแบบแสดงรายได้และเสียภาษีแบบแยกยื่น จะต้องเฉลี่ยสัดส่วนของดอกเบี้ยเป็น 2 ส่วนที่เท่ากัน รวมกันสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
  4. กรณีฝ่ายสามีและภรรยา มีรายได้ทั้งสองฝ่าย แยกยื่นกู้ แต่ยื่นแบบแสดงรายได้และเสียภาษีรวมกัน จะสามารถลดหย่อนได้ตามจริง ฝ่ายละไม่เกิน 100,000 บาท
  5. กรณีฝ่ายสามีและภรรยา มีรายได้ทั้งสองฝ่าย แยกยื่นกู้ และยื่นแบบแสดงรายได้และเสียภาษีแบบแยกยื่นจะสามารถลดหย่อนได้ตามจริง ฝ่ายละไม่เกิน 100,000 บาท

หลักฐานในการใช้ดอกเบี้ยบ้านเพื่อลดหย่อนภาษี

โดยปกติแล้วทุกงวดการชำระสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะมีใบเสร็จที่แจกแจงเงินต้นและดอกเบี้ยระบุมาให้อย่างชัดเจนแล้ว สำหรับใครที่เก็บใบเสร็จส่วนนี้ก็สามารถนำยอดดอกเบี้ยบ้านในแต่ละเดือนมารวมกันแล้วกรอกเป็นค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยบ้านไปได้เลย แต่ตามหลักที่ถูกต้องควรขอหนังสือรับรองดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่ทำการขอสินเชื่อ เพื่อนำมาใช้เป็นเอกสารยืนยันการชำระเบี้ยที่ถูกต้อง โดยเอกสารจะสรุปรวมยอดดอกเบี้ยบ้านมาเป็นก้อนเดียวทั้งปีที่สามารถนำไประบุเป็นค่าใช้จ่ายได้อย่างชัดเจน ซึ่งปัจจุบันหลายๆ ธนาคารได้อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้ทำการขอหนังสือรับรองดอกเบี้ยในช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมล ได้อย่างสะดวก

ใครที่เพิ่งเริ่มผ่อนสินเชื่อบ้านไป หลังจากอ่านบทความนี้แล้วต้องรีบกลับไปสำรวจดอกเบี้ยบ้านที่ได้ชำระไปทั้งปีเพื่อนำไปขอลดหย่อนภาษีประจำปีกัน แต่ถ้าใครกำลังมองหาบ้านใหม่ และกำลังวางแผนในการกู้ขอสินเชื่อ อารียาขอแนะนำโครงการหลากหลายทำเล ให้คุณได้มีโอกาสเป็นเจ้าของบ้านใหม่สักหลัง ลองแวะเข้ามาชมโครงการบ้านจากอารียาได้ ที่นี่

awsa

ขั้นตอนตรวจรับบ้านด้วยตัวเอง ฉบับคนงบน้อย

ตรวจรับบ้านด้วยตัวเอง ฉบับคนงบน้อย

“กำลังจะตรวจรับบ้าน แต่ไม่อยากเสียเงินค่าจ้างตรวจ” ใครบ้างที่กำลังประสบปัญหานี้

ขั้นตอนในการตรวจรับบ้าน / ตรวจรับคอนโด จะอยู่ในช่วงสุดท้ายก่อนการเซ็นรับมอบความเป็นเจ้าของของผู้ที่ซื้อบ้าน หรือซื้อคอนโด ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญและต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อตรวจเช็กสภาพบ้านว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก่อนส่งมอบหรือไม่ การดำเนินการตรวจบ้านโอนบ้าน จึงควรตรวจเช็กทุกจุดอย่างละเอียด หากใครเพิ่งเคยซื้อบ้านหลังแรก และไม่มีความรู้ด้านงานสถาปนิกหรือการก่อสร้างก็สามารถเลือกใช้บริการการตรวจรับบ้านจากสถาปนิก หรือผู้เชี่ยวชาญ โดยราคาสำหรับการจ้างตรวจบ้านโอนบ้านจะเริ่มต้นที่ประมาณ 3,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งอาจจะมากหรือน้อยกว่าขึ้นอยู่กับพื้นที่และจำนวนครั้งในการเข้าตรวจด้วย ซึ่งค่าจ้างเหล่านี้ทำเอาหลายๆ คนเป็นกังวลเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องเกิดขึ้น แต่จะดีกว่าไหม! ถ้าคุณไม่ต้องเสียเงินในส่วนนี้ และสามารถตรวจรับบ้านได้ด้วยตัวเอง

วันนี้อารียามีเช็กลิสต์ที่จะช่วยทำให้การตรวจรับบ้าน หรือตรวจรับคอนโดนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และสามารถตรวจรับบ้านได้ด้วยตัวเอง ก่อนการเซ็นรับมอบเป็นเจ้าของบ้านตัวจริง เพียงเตรียมความพร้อมด้วยการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตรวจรับบ้าน หรือตรวจรับคอนโด และเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนลุยตรวจบ้านเองตามเช็กลิสต์ ดังนี้

1. เตรียมความพร้อมก่อนไปตรวจรับบ้าน

  • ตรวจสอบรายละเอียดของสัญญาให้ถี่ถ้วน เพื่อใช้ตรวจสอบความถูกต้องของรายการต่างๆ ที่จะได้รับ
  • นัดวัน และเวลาเข้าตรวจรับบ้านกับโครงการ โดยช่วงเวลาที่ดีสำหรับการตรวจรับบ้านควรนัดช่วงเช้าถึงบ่าย ไม่ควรล่วงเลยถึงเย็น เพราะจะทำให้แสงเข้าถึงไม่เพียงพอและยากต่อการตรวจสอบ
  • การไปตรวจรับบ้านควรไปกันอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป เพื่อจะได้ช่วยกันตรวจสอบในจุดต่างๆ ได้อย่างละเอียดมากขึ้น

2. อุปกรณ์ที่ควรเตรียมก่อนไปตรวจรับบ้าน

  • อุปกรณ์สำหรับจดบันทึก เพื่อระบุรายการจุดต่างๆ ที่ต้องแก้ไข และทำเช็กลิสต์เข้าตรวจรับในครั้งถัดไป
  • กระดาษ Post-it หรือ เทปกาว สำหรับแปะตามจุดต่างๆ เพื่อเตือนให้ช่างทราบว่าจุดดังกล่าวอยู่ในรายการที่ต้องแก้ไข
  • ไฟฉาย เพื่อใช้ส่องตามจุดอับและมุมมืดของบ้านให้เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น
  • ตลับเมตร สำหรับใช้วัดพื้นที่ตามสัญญาที่ได้ระบุขนาดไว้ ว่าตรงกันหรือไม่
  • ดินน้ำมัน / ถุงพลาสติก สำหรับใช้อุดรูระบายน้ำ เพื่อตรวจสอบการรั่วซึมของน้ำในห้องน้ำ
  • ถังน้ำ / สายยาง สำหรับตรวจสอบการรั่วซึมของน้ำตามขอบยางประตู หน้าต่าง และการระบายน้ำ
  • เหรียญสิบ สำหรับเคาะพื้นกระเบื้อง เพื่อตรวจสอบความแน่นของปูนกาวที่ใช้ปูพื้นกระเบื้อง
  • กระจกบานเล็ก สำหรับใช้ส่องดูจุดต่างๆ ที่อยู่เลยสายตา เช่น ขอบบานประตูด้านบน จุดอับสายตาอื่นๆ เป็นต้น
  • บันได สำหรับขึ้นไปตรวจสอบความเรียบร้อยของฝ้าและเพดาน (ติดต่อขอยืมโครงการ)
  • เครื่องตรวจสอบระบบไฟรั่ว / ไขควงวัดไฟ สำหรับตรวจสอบความผิดปกติของระบบไฟ และเต้ารับไฟตามจุดต่างๆ ของบ้าน
  • ถุงมือยาง / รองเท้ายาง สำหรับใส่ป้องกันในการตรวจสอบระบบไฟ
  • ลูกแก้ว หรือลูกเหล็ก สำหรับทดสอบความลาดเอียงของพื้นตามจุดต่างๆ
  • ไม้ตรงยาวๆ หรือไม้บรรทัด สำหรับตรวจสอบความเป็นระนาบ และความเรียบของพื้นผิวและผนัง

3. วิธีตรวจรับบ้าน ควรตรวจส่วนไหนบ้าง

  • พื้นที่รอบบ้าน

การตรวจสอบควรไล่จากรั้วบ้าน และประตูรั้วว่าสามารถใช้ได้อย่างปกติหรือไม่ ดูการเชื่อมรั้วเหล็กที่สนิทไม่มีรู มีการทากันสนิม ระบบรางมีการเลื่อนปิดเปิดที่ไม่ลื่นหรือฝืดจนเกินไป พื้นที่ว่างรอบๆ บ้านมีการถมดิน และเดินท่ออย่างเรียบร้อย รวมถึงระบบการระบายน้ำจากตัวบ้านควรมีการระบายออกที่ดี เช็กสภาพพื้นของลานจอดรถ พื้นไม่ควรแตกร้าวหรือทรุดจากตัวบ้าน

  • โครงสร้างของบ้าน

ตรวจเช็กคานของบ้านไม่ควรโค้งงอ ผนังเป็นแนวตรงไม่เอียง เรียบเนียน ไม่มีรอยแตกร้าว วอลเปเปอร์ควรเรียบติดผนัง ไม่เป็นคลื่น และไม่มีคราบสกปรกหรือเชื้อรา เพราะอาจเกิดจากความชื้นอันเนื่องมาจากห้องน้ำ หรือมีการรั่วซึม ในส่วนของฝ้าและเพดาน หากเป็นฝ้าทีบาร์ต้องเรียบเสมอกันไม่มีช่องว่างระหว่างแผ่น หากเป็นฝ้าเพดานฉาบต้องเรียบไม่เห็นรอยยาแนวบริเวณรอยต่อ และสำหรับงานประตูหน้าต่าง วงกบต้องแน่นแนบผนัง มีบังใบ พร้อมใช้งานได้ปกติ ราวบันไดควรมีการติดตั้งที่แน่นหนาไม่โยก รวมถึงพื้นกระเบื้องต้องเคาะทุกแผ่นเพื่อให้มั่นใจว่าไม่เป็นโพรง

  • ระบบไฟฟ้า

การตรวจสอบควรเปิดไฟฟ้าในบ้านทั้งหมด เพื่อเช็กว่าไฟทุกดวงสามารถใช้งานได้เป็นปกติ ไม่มีดวงไหนที่ไม่ติดหรือไฟสว่างไม่เต็มที่ ส่วนปลั๊กไฟตามจุดต่างๆ ควรมีการเสียบเช็กการใช้งานทั้งหมด รวมถึงตรวจสอบการติดตั้งของโคมไฟ เต้ารับ เต้าเสียบทั้งหมดว่ามีการเดินสายไฟที่เป็นระเบียบเรียบร้อยหรือไม่

  • ระบบน้ำและอุปกรณ์

ควรมีการตรวจเช็กการใช้งานของก๊อกน้ำทุกจุด รวมถึงสุขภัณฑ์ เพื่อทดสอบการไหล และตรวจสอบการรั่วซึมของน้ำ รวมถึงการตรวจสอบมิเตอร์น้ำว่ามีการทำงานที่ปกติ หากปิดระบบน้ำทั้งหมดมิเตอร์น้ำต้องไม่หมุน หากยังหมุนอยู่แสดงว่ามีการรั่วไหลของน้ำในบางจุดที่ต้องรีบแก้ไข

อ่านมาถึงตรงนี้ นอกจากจะได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเช็กลิสต์ และการเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าตรวจรับบ้าน หรือตรวจรับคอนโดด้วยตัวเองไปแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างตรวจรับบ้าน ทำให้ไม่ต้องเสียเงินในส่วนนี้เลย ถือว่าเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากทีเดียว

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาบ้านใหม่สำหรับครอบครัว ในราคาเริ่มต้นที่ 1.59 ล้านบาท* บนทำเลที่รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน และสะดวกสำหรับการเดินทาง อารียาขอนำเสนอโครงการบ้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของครอบครัวคนรุ่นใหม่ กับโครงการ THE COLORS (เดอะ คัลเลอร์ส) ทาวโฮมสองชั้นที่ฟังก์ชันเทียบเท่าบ้านเดี่ยว โดยเน้นพื้นที่ที่กว้างขวาง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคนในครอบครัว บนทำเลเด่นรอบเมือง ได้แก่

นอกจากนี้ อารียายังมีโครงการบ้านดีๆ หลากหลายโครงการรอให้คุณได้ไปสัมผัส สามารถดูโครงการเพิ่มเติมได้ ที่นี่

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ราคา 1.59 ล้าน เป็นราคาเริ่ม ณ วันที่  ของโครงการ เดอะ คัลเลอร์ส บางบัวทอง-340

awsa

บ้านสไตล์มินิมอล” หรือ “บ้านสไตล์ทรอปิคอล” บ้านแบบไหนที่ตรงใจคุณ

เมื่อบ้านไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังเปรียบเสมือนแกลเลอรีให้คุณได้แสดงผลงาน เผยเอกลักษณ์ และสะท้อนความเป็นตัวตนผ่านสไตล์การแต่งบ้านในแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งบ้านสไตล์มินิมอล, สไตล์ทรอปิคอล หรือสไตล์โมเดิร์น ก็ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าคุณชื่นชอบบ้านสไตล์ไหน ในบทความนี้อารียาจะพาคุณมาทำความรู้จักบ้าน 2 สไตล์ นั่นก็คือ “บ้านสไตล์มินิมอล และ “บ้านสไตล์ทรอปิคอล” บ้านสองสไตล์ที่มีความโดดเด่นลุ่มลึกในแบบของตัวเอง และยังคงได้รับความนิยมนำมาใช้เป็นธีมหลักสำหรับการออกแบบและตกแต่งบ้านในปัจจุบัน โดยรายละเอียดของการแต่งบ้านสไตล์มินิมอล และบ้านสไตล์ทรอปิคอลจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย!

บ้านสไตล์มินิมอล กับความน้อยแต่มาก

“Less is More” หรือ “น้อยแต่มาก” เป็นคำจำกัดความของบ้านสไตล์มินิมอล (Minimal) ที่เน้นการตกแต่งบ้านแบบเรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น แต่มากไปด้วยฟังก์ชันและดีไซน์ที่ต้องดูไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เพื่อทำให้บ้านสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย

เอกลักษณ์ของการแต่งบ้านสไตล์มินิมอล

  • น้อยแต่มาก
  • เน้นฟังก์ชันการใช้งาน
  • เน้นความเรียบ ไม่เน้นลวดลาย
  • ใช้ของตกแต่งที่ดีไซน์ทันสมัย หรือมีรูปทรงน่าสนใจ
  • เลือกใช้สีโมโนโทน หรือสีอ่อนๆ เช่น สีขาว สีเทาอ่อน สีเทาเข้ม
  • ให้ความสำคัญกับการใช้พื้นที่และแสงจากธรรมชาติ

หลายคนจึงอาจมองว่าบ้านสไตล์มินิมอลดูแลยาก เพราะในชีวิตจริงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสามารถจัดวางข้าวของให้เป็นระเบียบอยู่ตลอดเวลา แต่หมดห่วงได้เลยเพราะเรารวบรวมทางลัดมาให้คุณแล้ว เช็กลิสต์แต่งบ้านสไตล์มินิมอล

บ้านสไตล์มินิมอล เหมาะกับใคร

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบความปลอดโปร่ง โล่งสบาย มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีความสุขใจที่ได้เห็นอะไรที่สะอาดสะอ้าน สบายตา ไม่ชอบอะไรรกรุงรัง และต้องคอยจัดการให้เรียบร้อยเสมอ เชื่อว่าคุณต้องชอบแบบบ้านสไตล์มินิมอลอย่างแน่นอน ด้วยความ “น้อยแต่มาก” ของการเป็นมินิมอลจะช่วยตอบโจทย์การมีบ้านในแบบที่คุณใฝ่ฝันได้เป็นอย่างดี เพราะการแต่งบ้านสไตล์มินิมอลที่ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น นอกจากดูสะอาดตาแล้ว ยังช่วยลดความเครียดในการจัดระเบียบข้าวของในบ้านได้ง่ายขึ้น ทำความสะอาดบ้านได้ง่ายกว่า แถมบ้านของคุณก็ยังดูโดดเด่นน่าดึงดูด อยู่อาศัยเองก็สุขใจ ใครผ่านไปมาก็สะดุดตาอีกด้วย

สำหรับคนที่กำลังมองหาบ้านสไตล์มินิมอล เตรียมพบกับ AREN X ‘บ้านเดี่ยว Modern Minimal รูปแบบใหม่’ ติดเมกาบางนา* โครงการใหม่จากอารียาที่มาพร้อมกับ Private Pool* สระว่ายน้ำส่วนตัวกลางบ้าน ที่ให้ทุก Pool Party ไปได้สุดกว่าที่เคย หากสนใจสามารถลงทะเบียน เพื่อเข้าชมโครงการก่อนใคร คลิก (จำนวนจำกัด)

บ้านสไตล์ทรอปิคอล ออกแบบชีวิตให้ชิดธรรมชาติ

บ้านสไตล์ทรอปิคอล (Tropical) เป็นสไตล์บ้านที่สร้างขึ้นมาให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติและแมกไม้นานาพรรณ เมื่อหลับตาแล้วจินตนาการ จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในป่าเขตร้อนชื้น แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความเป็นธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยสร้างความผ่อนคลาย และทำให้รู้สึกถึงการได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เมื่ออยู่ภายในบ้าน

เอกลักษณ์ของการแต่งบ้านสไตล์ทรอปิคอล

  • เลือกวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งจากธรรมชาติ
  • เลือกใช้สีเอิร์ธโทน เพื่อทำให้รู้สึกถึงธรรมชาติ และรู้สึกอบอุ่น
  • เน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาจากไม้ หรือวัสดุธรรมชาติ
  • เน้นใช้สีไฟโทนอุ่น (Warm White) ให้เข้ากับบรรยากาศ
  • ปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียวรอบบ้านทำให้ร่มเย็น
  • เน้นความโล่งโปร่ง เปิดรับแสง และลมได้ดี

จะเห็นได้ว่าเอกลักษณ์ของบ้านสไตล์ทรอปิคอลจะเน้นให้บ้านกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุด การออกแบบทั้งโครงสร้างและวัสดุที่นำมาใช้ในการสร้างและตกแต่งบ้าน เช่น หิน ไม้ ศิลาแลง เป็นต้น จึงมีส่วนสำคัญในการแสดงออกถึงความเป็นสไตล์ทรอปิคอลได้อย่างชัดเจน เพื่อให้รู้สึกถึงความอบอุ่น สดชื่น และทำให้ใกล้ชิดธรรมชาติได้มากยิ่งขึ้น

บ้านทรอปิคอล เหมาะกับใคร

หากคุณเป็นผู้ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติ ชอบความสบายตา เห็นสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าจะทำให้คุณรู้สึกถึงความผ่อนคลาย สดชื่น และมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ นั่นแสดงว่าคุณเหมาะกับการมีบ้านในสไตล์ทรอปิคอล ที่จะช่วยทำให้ใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี ซึ่งการสร้างบ้านในสไตล์ทรอปิคอล จะเน้นการออกแบบจากโครงสร้างด้วยการใช้วัสดุธรรมชาติบ้านเป็นหลัก ทำให้ตัวบ้านไม่ดูดความร้อน หรือการทาสีบ้านโทนธรรมชาติก็จะทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่น รวมถึงการจัดสวนที่รายล้อมไปด้วยแมกไม้นานาพรรณทั้งนอกบ้าน และภายในตัวบ้าน ก็จะช่วยทำให้เกิดร่มเงาและความร่มเย็น ช่วยลดความเครียดจากการใช้ชีวิต พร้อมผ่อนคลายเสมอเมื่อกลับถึงบ้าน

ใครที่ชื่นชอบอยากมีบ้านสไตล์ทรอปิคอล ไม่ต้องมองหาที่ไหนไกล เพราะอารียามีโครงการบ้าน COMO BOTANICA ออกแบบชีวิตให้ชิดธรรมชาติ สัมผัสชีวิตสไตล์ Urban Botanical บนทำเลที่ดีที่สุดย่านบางนา เพียงคลิก ที่นี่ เพื่อดูข้อมูลโครงการเพิ่มเติม แล้วคุณจะได้บ้านในสไตล์ที่ตอบโจทย์อย่างแน่นอน

awsa

สร้างบ้านเองต้องรู้! วางผังบ้านทิศไหนดีที่สุด

จบปัญหาชวนสงสัย สร้างบ้านใหม่วางผังบ้านทิศไหนถึงจะเหมาะ ใครที่กำลังวางแผนสร้างบ้านเอง แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเขียนผังบ้านอย่างไรดี วันนี้อารียาขอนำเสนอข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับทิศของบ้านที่เหมาะสม และเสริมดวงชะตา เพิ่มความเป็นสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัยตามหลักฮวงจุ้ยให้นำไปปรับใช้กัน โดยการวางแผนสร้างบ้านเอง นอกจากจะดูทิศของตัวบ้านเป็นหลักแล้ว การจัดวางแผนผังของห้อง หรือโซนต่างๆ ภายในตัวบ้านก็ควรจัดสรรให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงควบคู่กับหลักตามฮวงจุ้ย ประกอบกับทิศทางของแสง และลมที่จะเข้ามาสู่ตัวบ้าน เพื่อให้บ้านที่สร้างได้อยู่อย่างร่มเย็น และมีความสุข บทความนี้จะมีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับทิศของบ้านอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันได้เลยค่ะ

ทิศหลักของตัวบ้าน

ผู้ที่กำลังวางแผนสร้างบ้านเองแล้วยังไม่แน่ใจว่าควรออกแบบให้บ้านหันไปทางทิศไหนนั้น อันดับแรกขอให้สังเกตแสงแดด และทิศทางลมเป็นสำคัญ เพราะแสงแดดและลมจะเป็นตัวกำหนดอุณหภูมิโดยรวมของบ้าน ซึ่งปกติแล้วแสงแดดจะมาจากทางทิศตะวันออก ซึ่งจะเป็นแดดอ่อนๆ ยามเช้า ส่วนทิศตะวันตกจะเป็นแดดที่ค่อนข้างร้อนในช่วงบ่าย ส่วนทิศทางของลมตามหลักแล้วจะมาจากทางทิศเหนือและทิศใต้ในทางที่ตรงข้ามกัน มาดูกันว่าทิศหลักของบ้าน หันทิศไหนดีอย่างไร

  • หันตัวบ้านไปทิศเหนือ โดนแดดค่อนข้างน้อย มีลดพัดตลอดทั้งปี
  • หันตัวบ้านไปทิศใต้ โดนแดดช่วงเที่ยงมีลมพัด อากาศถ่ายเทตลอดทั้งปี
  • หันตัวบ้านไปทิศตะวันออก โดนแดดอ่อนยามเช้า จะเริ่มร้อนช่วงเที่ยง และรับลมช่วงฤดูหนาว
  • หันตัวบ้านไปทิศตะวันตก ไม่โดนแดดในช่วงเช้า ช่วงบ่ายและเย็นจะรับแสงแดดเต็มๆ

ทั้งนี้แต่ละทิศมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป ควรเลือกให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เช่น เป็นคนตื่นสาย ชอบกลับบ้านดึก ก็สามารถสร้างบ้านหันไปในทิศต่างๆ ได้ ยกเว้นทิศตะวันออกเพื่อเลี่ยงแสงแดดยามเช้า ทำให้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ เป็นต้น

ทิศของที่จอดรถและห้องเก็บของ

เริ่มจากตำแหน่งแรก ที่จอดรถและห้องเก็บของ ควรตั้งอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันความร้อนไม่ให้ทะลุเข้ามาสู่ตัวบ้านได้ แต่ควรมีช่องระบายอากาศ เพื่อให้ถ่ายเทได้ดี ไม่กักเก็บฝุ่น หรือควันที่อาจจะก่อความเสียหายให้กับทรัพย์สินในบริเวณนั้น นอกจากนี้บริเวณห้องที่จอดรถและห้องเก็บของควรมีชายคายื่นออกมามากเป็นพิเศษ เพื่อช่วยป้องกันแสงแดดยามบ่าย และป้องกันฝนที่จะสาดเข้ามายังตัวบ้านด้วย

ทิศของห้องรับแขกและห้องทำงาน

การวางตำแหน่งของห้องรับแขกและห้องทำงาน ควรตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรับแสงแดดในยามเช้าที่ไม่ร้อนแรงจนเกินไป ทำให้รู้สึกสดชื่น พร้อมต้อนรับแขกผู้มาเยือน และพร้อมสำหรับการทำงานในวันใหม่ พอตกบ่ายแสงแดดจะไม่สามารถสาดเข้ามาถึง จึงสามารถนั่งเล่นหรือทำงานได้อย่างผ่อนคลาย

ทิศของห้องรับประทานอาหาร

ทิศทางของห้องรับประทานอาหารนั้น ควรตั้งทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากการวางแปลนห้องรับประทานอาหารในทิศทางนี้จะสามารถรับลมจากทางทิศใต้เพื่อระบายอากาศ และกลิ่นอาหารออกไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งห้องรับประทานอาหารและห้องครัวสามารถอยู่ในโซนเดียวกันหรือติดกันได้

ทิศของห้องนอน

โซนห้องนอนที่ดีควรอยู่ทางทิศเหนือ เพื่อรับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า ตั้งแต่เวลา 06:30 – 9:00 น. การวางห้องนอนทางทิศเหนือจะไม่สะสมความร้อน สามารถนอนพักผ่อน และตื่นสายได้อย่างเต็มอิ่ม ส่วนช่วงกลางคืนก็ไม่ร้อนทำให้นอนหลับได้อย่างสบายเช่นกัน และในช่วงหน้าหนาวยังมีลมเย็นพัดโชยเข้ามาจากทางทิศเหนืออีกด้วย

ทิศของห้องน้ำ ห้องครัว และพื้นที่ซักล้าง

สุดท้ายห้องน้ำ ห้องครัว และส่วนของพื้นที่ซักล้างควรจัดโซนไว้ทางทิศตะวันตก เพราะแสงแดดยามบ่ายที่ร้อนแรงจะเป็นตัวช่วยในการฆ่าเชื้อโรค และลดกลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ยังเป็นโซนที่ช่วยกำบังแสงแดดไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้านได้ จึงควรเพิ่มความยาวของกันสาดให้ยื่นยาวออกไป เพื่อป้องกันแดดและฝนด้วย

ผู้ที่วางแผนในการสร้างบ้านใหม่ หรือบ้านหลังแรก ที่เน้นสร้างเองในแบบที่ต้องการ และกำลังอยู่ในช่วงการออกแบบและวางผังห้องต่างๆ สามารถศึกษาได้ทั้งหลักฮวงจุ้ยบ้าน และตามหลักของทิศทางแสงแดดและลม ประกอบกันไปทุกด้านจึงจะดีที่สุด ส่วนใครที่อยากได้บ้านแบบสร้างเอง ไม่เหมือนใคร แต่ไม่มีความชำนาญด้านการออกแบบและการก่อสร้าง อารียาขอนำเสนอโครงการบ้านสั่งสร้าง A-Edition บ้านในแบบฉบับชีวิตที่คุณกำหนดเอง ไม่ว่าจะเลือกแบบไหนเราก็สามารถออกแบบให้ในแบบที่คุณต้องการได้ ด้วยทีมงานมืออาชีพที่จะช่วยรังสรรค์บ้านของคุณในแบบฉบับที่คุณต้องการ โดยสามารถดูรายละเอียดโครงการบ้านสั่งสร้าง A-Edition จากทางอารียาเพิ่มเติมได้ ที่นี่

awsa