Check-list จุดสำคัญรับหน้าฝน

Check-list

จุดสำคัญรับหน้าฝน “ดูแลบ้านให้ปลอดภัย รับมือไหวแม้ฝนกระหน่ำ” มาดูกันว่าจุดไหนเป็นจุดเสี่ยง เพื่อเตรียมรับมือกับทุกปัญหาที่จะมาพร้อมกับสายฝนกันค่ะ โดยเริ่มกันที่โครงสร้างหลักของบ้าน รวมไปถึงส่วนประกอบต่างๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้น้ำรั่วซึมเข้าบ้านได้ ตลอดจนการต่อเติมและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

  1. เริ่มตั้งแต่หลังคา ฝ้า ผนัง
    3 จุดสำคัญที่มักเป็นปัญหาอยู่ทุกๆ ปี “หลังคารั่ว” นับเป็นปัญหาคลาสสิกในช่วงหน้าฝนเลยก็ว่าได้ ซึ่งผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะพบกับปัญหาหลังจากฝนตกลงมาแล้ว ดังนั้นเราต้องหมั่นสำรวจว่ามีจุดไหนบนหลังคาบ้างที่มีรอยแตกร้าว มีคราบตะไคร่น้ำ หรือสังเกตจากคราบน้ำบนฝ้าเพดานหรือผนังก็ได้ ถ้าเห็นรอยน้ำเป็นด่างเป็นดวง ประเมินได้ว่าเกิดจากความชื้น ควรรีบตรวจสอบและซ่อมแซมแก้ไขทันที ปัจจุบันมีนวัตกรรมอย่างระบบครอบหลังคาอบแห้ง และระบบครอบผนังสำเร็จรูป ซึ่งเป็นตัวช่วยชั้นดีไม่ให้น้ำรั่วซึมเข้ามาได้
  2. เรื่องพื้นๆ สำคัญเสมอ
    ช่วงที่ฝนตกติดต่อกัน บริเวณพื้นที่น้ำฝนกระเซ็นใส่อย่างต่อเนื่องมักเกิดคราบตะไคร่น้ำและเปียกชุ่ม เสี่ยงต่อการลื่นล้มได้ง่าย เราจึงต้องให้ความสำคัญตั้งแต่การเลือกวัสดุสร้างบ้าน ถ้าเป็นชานบ้าน เฉลียง และทางเดินนอกอาคาร ควรเลือกวัสดุปูพื้นหรือกระเบื้องเนื้อหยาบ ไม่ลื่นง่ายเมื่อเปียกน้ำ สำหรับพื้นในอาคารบ้านเรือน ต้องเช็ดทำความสะอาดให้แห้งอยู่เสมอ ส่วนพื้นนอกอาคารหากมีตะไคร่น้ำจับต้องใช้แปรงขัด เพื่อความสะอาดของบ้านและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย
  3. รางน้ำสิ่งที่ควรมี
    เตรียมรางน้ำฝนให้พร้อมใช้งาน หนึ่งในอุปกรณ์สำคัญสำหรับการจัดการน้ำฝน และป้องกันไม่ให้น้ำไหลลงรอบๆ ตัวบ้านจนกระเซ็นมาถูกผนังและพื้นเสียหาย ช่วยระบายน้ำฝนให้ไหลไปในทิศทางที่เหมาะสม และกักเก็บน้ำฝนไว้ใช้ประโยชน์อื่นๆ ในช่วงเวลานี้ ควรตรวจสอบประสิทธิภาพการระบายน้ำของรางน้ำฝน ทำความสะอาดกำจัดเศษใบไม้ เศษขยะต่างๆ ออกให้หมด หากเราละเลยตรงจุดนี้ เมื่อฝนกระหน่ำ น้ำฝนที่คั่งค้างอยู่ในรางน้ำจะระบายไม่ได้ อาจเอ่อล้นรั่วซึมและไหลย้อนเข้ามาสู่ตัวบ้านได้ง่ายๆ
  4. ระบบท่อทุกส่วนของบ้าน
    ท่อระบายน้ำนั้นมีหลายแบบ ทั้งท่อระบายน้ำภายในบ้าน ท่อระบายน้ำออกข้างบ้านและบริเวณหน้าบ้าน ควรทำความสะอาดเพราะท่อระบายน้ำมักมีเศษใบไม้ หรือโคลนสะสมจนทำให้ท่อระบายน้ำเกิดการอุดตัน ตักเศษดินเศษโคลนออกจากท่อเพื่อเป็นทางระบายน้ำได้สะดวก และที่สำคัญอีกส่วนของบ้านคือ ระเบียงหรือเฉลียงที่ต้องล้างและทำความสะอาดเช่นกัน
  5. ชายคากันสาด
    การต่อเติมชายคาหรือกันสาดนั้นเราสามารถทำได้กับประตูบ้าน หน้าต่าง ผนังหรือส่วนใดก็ตามที่ฝนสามารถสาดเข้าไปถึง ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์ภายในบ้านเราเปียกชื้น การต่อเติมกันสาดถือว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันความเสียหายที่จะตามมาทั้งนี้การติดตั้งกันสาด สิ่งที่ต้องคำนึงเป็นอันดับแรกคือ น้ำหนักของกันสาดซึ่งโครงสร้างบ้านสามารถรองรับได้ กันสาดมีลักษณะการใช้งานอยู่ด้วยกัน 2 แบบ แบบแรกคือใช้งานถาวร มีอายุการใช้งานยาวนานคงทน เสียค่าซ่อมแซมน้อย แต่ส่วนใหญ่มีน้ำหนักมากและค่าก่อสร้างสูง ได้แก่ แบบเหล็กอลูมิเนียม คอนกรีตเสริมเหล็ก กระเบื้องกระดาษ ไวนิล โพลีคาร์บอเนต และไฟเบอร์กลาส ฯลฯ ส่วนแบบใช้งานชั่วคราว อายุการใช้งานไม่นาน ต้องซ่อมแซมบ่อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่มีน้ำหนักเบา ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติกว่า โดยสามารถติดตั้งรื้อถอนได้รวดเร็วรวมถึงราคาถูกกว่า เช่น แบบมู่ลี่ม้วนไม้ไผ่ ผ้าใบในลักษณะมู่ลี่หรือใช้โครงเหล็ก
  6. ย้ายเฟอร์นิเจอร์
    ถึงเวลาเฟอร์นิเจอร์เอ้าท์ดอร์ทั้งหลายต้องมูฟ แม้ว่าเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้จะทนทานต่อแสงแดดสายฝน แต่เมื่อโดนฝนเป็นเวลานานๆ เข้า จะทำให้เฟอร์นิเจอร์เสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด ดังนั้นเพื่อป้องกันการชำรุดเสียหาย เราควรย้ายเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้เพื่อหลบฝน หรือหาผ้าใบมาคลุมเมื่อฝนตกก็ได้ แค่นี้เราก็สามารถยืดอายุการใช้งานของใช้ต่างๆ ภายนอกบ้านได้แล้ว
  7. ตัดแต่งกิ่งไม้ใหญ่
    ควรสังเกตกิ่งไม้ใหญ่หรือต้นไม้ที่อยู่ติดกับหลังคาบ้านหรือตัวบ้าน เพราะกิ่งไม้ใหญ่ๆ อาจจะเป็นปัญหาให้กับบ้านของเราได้ เมื่อเกิดพายุ ลมแรง กิ่งไม้เหล่านี้อาจจะหักหรือโค่นล้มลงมาทับหรือฟาดกับตัวบ้านจนเกิดความเสียหาย ฉะนั้นเราควรที่จะจัดการกับกิ่งไม้ใหญ่ โดยการตัดทอนตกแต่งไม่ให้เป็นปัญหา
awsa

A PASSION FOR AESTHETICS

A PASSION FOR AESTHETICS

“สุนทรียศาสตร์แห่งการอยู่อาศัยและใช้ชีวิต คือ สิ่งที่มนุษย์ถวิลหามาครอบครอง” ทุกคนรู้ ลูกบ้านรู้ และอารียา รู้ดีที่สุด Aesthetic Design & Premium Quality จึงเป็นแก่นหลักของงานออกแบบที่ไร้ขีดจำกัดของ Areeya Property ที่คู่ขนานกันไปอย่างแนบแน่นกับแนวความคิดที่เน้นความยั่งยืน และวิสัยทัศน์แห่งโลกอนาคต โดยหยิบยื่นประสบการณ์สุนทรียะ (Aesthetic Experience) อันเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการรับรู้ความงามทั้งจากธรรมชาติและผลงานศิลปะทุกแขนง ซึ่งทําให้รู้สึกเพลิดเพลินหรือประทับใจ มีองค์ประกอบอยู่ 3 ประการคือ ความงาม (Beauty) ความแปลกตา (Picturesqueness) และความน่าทึ่ง (Sublimity)
วันนี้เราขอนำเสนอผลงานที่มีชั้นเชิงทางสถาปัตยกรรมเจ๋งๆ ที่โดดเด่นทั้งรูปลักษณ์และเต็มเปี่ยมด้วยสุนทรียะในบริบทที่แตกต่างกันไป และไม่ว่าเทรนด์การออกแบบของโลกจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด ความรื่นรมย์ยังคงถูกสอดแทรกไว้เสมออย่างกลมกลืมในทุกยุคทุกสมัย

– Hotel Barceló Torre de Madrid ความขี้เล่นซุกซนในโทนสีพาสเทล

โรงแรมที่รุ่มรวยไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรมโดย Jaime Hayon นักออกแบบชาวสเปน ซึ่งเป็นที่รู้จักดีถึงอารมณ์ขันอันเป็นเอกลักษณ์ในงานออกแบบโดยมาพร้อมกับความชำนาญทางศิลปะชั้นสูง ด้วยสไตล์อันโดดเด่นของเขา จึงไม่เป็นที่แปลกใจเลยว่าผลงานที่ออกมาจะน่าตื่นตาตื่นใจ โรงแรมแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1957 และตอนนี้ได้กลายมาเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ เป็นหน้าเป็นตาของเมืองที่มีกลิ่นอายแห่งศิลปะไปเรียบร้อยแล้ว งานของ Jaime เป็นเสมือนผืนผ้าใบที่มีชีวิต ทุกซอกทุกมุมรวมทั้งผนังจรดเพดานเต็มไปความคิดสร้างสรรค์ พื้นที่ทั้งหมดทั้งโอ่โถงกว้างใหญ่และสง่างาม ในขณะเดียวกันก็อ่อนน้อม มีอารมณ์ขันและความเฉียบแหลม ฉากหลังต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผนังทาสีพาสเทลสุดคิ้วท์ พื้นหินอ่อนสีขาว และแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านเข้ามาทางช่องหน้าและผนังกรุกระจกขนาดใหญ่ ช่วยขับเน้นสีสันของเฟอร์นิเจอร์และของประดับตกแต่งให้โดดเด่นออกมาได้เป็นอย่างดี
การนำสัญลักษณ์ต่างๆ มาสะท้อนประวัติศาสตร์อันน่าประทับใจของเมืองนี้ในมุมมองที่ทันสมัย รวมไปถึงองค์ประกอบอื่นๆ เช่น รายละเอียดทางสถาปัตยกรรมทำให้นึกถึงซุ้มโค้งแบบโรมันและอิทธิพลของสไตล์มัวร์ ศิลปะจากทองเหลืองตามหน้าต่างและภาพบนฝาผนังที่ Jaime สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษจากศิลปินสื่อผสม ล้วนแต่สะท้อนมรดกทางวัฒนธรรมอันหลากหลายของสเปน อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ถูกแสดงออกมาได้อย่างสมดุลและลงตัว “ผมทุ่มเทเต็มที่ในการสร้างสรรค์พื้นที่พิเศษแห่งนี้ขึ้นมา เพื่อให้มันเป็นตัวแทนของภาพลักษณ์แบบใหม่ของประเทศสเปน ที่แตกต่างออกไปจากความสวยงามแบบดั้งเดิม” Jaime กล่าว

– QISHE COURTYARD จากบ้าน “พัง” มากสู่บ้าน “ปัง”มาก

นี่คือตัวอย่างความร่วมสมัยอันน่าทึ่ง บ้านจีนซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านวัฒนธรรมดั้งเดิมของกรุงปักกิ่ง กลับมามีชีวิตชีวาเเละเอื้อต่อการใช้สอยของคนยุคใหม่อีกครั้ง โดยการออกแบบและรีโนเวตของทีมสถาปนิก ARCHSTUDIO
ตัวอาคารของบ้านประกอบด้วยอาคาร 7 หลัง และคอร์ตยาร์ด 3 คอร์ตที่แทรกอยู่ภายในมีสภาพทรุดโทรมมาก โครงสร้างเเละองค์ประกอบต่างๆ มีความเสียหายเกือบทั้งหมด เหลือเพียงคานไม้เเละซุ้มประตูเเบบจีนที่ยังคงใช้งานได้ สถาปนิกจึงพยายามเก็บรักษาเอกลักษณ์ที่เหลืออยู่ไว้ แล้วเพิ่มฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตเข้าไป โดยใช้ “ระเบียงแบบฟรีฟอร์ม” และองค์ประกอบหลักของสถาปัตยกรรมจีนดั้งเดิมเป็นตัวเชื่อมอาคารทั้ง 7 หลัง ระเบียงที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่ระเบียงตรงๆ อย่างที่เราคุ้นเคย เเต่กลับเป็นระเบียงทรงโค้งที่บิดไปมา เเละมีรูปทรงแตกต่างกันออกไป เพื่อนำเสนอมุมมองและการใช้งานของแต่ละพื้นที่ซึ่งไม่เหมือนกัน เกิดเป็นการผสมผสานระหว่างตัวบ้านกับภูมิทัศน์ล้อมที่มีลูกเล่นน่าสนใจ นอกจากความโค้งจะถูกใช้กับรูปทรงของระเบียงแล้ว ยังนำมาใช้กับผนังกั้นภายในแบบกระจกใสในส่วนของต่างๆ ของตัวบ้านอีกด้วย
ขณะที่คอร์ตยาร์ดกลางกลุ่มอาคารกลายเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมขนาดใหญ่ เมื่อเลื่อนประตูออกพื้นที่ภายในก็จะถูกหลอมรวมไปกับคอร์ตยาร์ดด้านนอก ส่วนในแง่ของวัสดุ เพื่อให้เชื่อมโยงกับของเก่ามากที่สุด สถาปนิกได้เลือกเก็บโครงไม้สนเดิมที่ยังใช้งานได้ไว้ แล้วใช้ลามิเนตไม้ไผ่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนไม้แต่มีความคงทนสูง มาออกแบบเป็นส่วนของประตู หน้าต่าง ระเบียง และเฟอร์นิเจอร์ ภายใต้บรรยากาศที่ดูกลมกลืนไปกับความเก่าเเก่ได้อย่างลงตัว

– CRIMSON ROOM บาร์ลับที่จะปลุกความเป็นแกสบี้ในตัวคุณ

แจ๊สบาร์ม่านแดงซึ่งตั้งอยู่ภายในโครงการ Velaa Sindhorn Village ย่านสวนลุม หากใครไม่เคยมาที่นี่ อาจต้องเดินวนหากันอยู่หลายรอบสักหน่อย เพราะหน้าร้านมีเพียงป้ายตั้งพื้นขนาดเล็กสีแดงตัดกับผนังไม้เดินลายด้วยสแตนเลสสีทองตลอดผืน พร้อมประตูทางเข้าหนึ่งบาน พาคุณย้อนเวลากลับไปสู่ยุค Jazz Age หรือช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
ภายในคุมโทนด้วยสีแดงทั้งห้องตัดกับสีทองอร่าม จัดจ้านด้วยการเลือกใช้ผ้ากำมะหยี่มาเป็นวัสดุบุเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มความโก้หรูรับกับราวสแตนเลสเงาวิบวับ ท็อปโต๊ะหินอ่อน และแชนเดอร์เลียร์ห้อยระย้ากลางเวที เพดานด้านบนสูงโออ่า บรรยากาศสุดอลังการราวกับฉากในหนังฮอลลีวู้ดอย่างไรอย่างนั้น บ่งบอกถึงค่านิยมและสังคมสุดเหวี่ยงในยุค 1920s ที่เต็มไปด้วยความหรูหราฟูฟ่าของแฟชั่น และการออกงานสังคม ผ่านบรรยากาศแบบเธียร์เตอร์หรือโรงละคร ซึ่งมีพื้นที่เเบบลดหลั่นกันลงไป ไล่ตั้งแต่ส่วนของบาร์ด้านบนสุดไปยังโซนที่นั่งแบบครึ่งวงกลมที่มีความเป็นส่วนตัว ทั้งยังได้อารมณ์เหมือนนั่งดูหนังในโรงละครแบบไม่บดบังมุมมองไปยังเวทีเบื้องล่าง ส่วนเมนูของเครื่องดื่มนั้นถูกไล่ลำดับไปตามแชปเตอร์ของมหรสพ เพื่อสร้างอารมณ์และประสบการณ์ในการดื่ม เริ่มจากช่วงโหมโรงกับค็อกเทลดื่มง่าย เน้นความสดชื่นสำหรับบิ้วด์อารมณ์ เตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ช่วงการแสดงจริงกับค็อกเทลรสชาติที่แรงขึ้น กระตุ้นให้คุณเพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรีแจ๊ส ก่อนจะปิดท้ายการแสดงด้วยค็อกเทลรสหอมหวานเจือกลิ่นผลไม้ ส่งความสดชื่นผ่อนคลายก่อนกลับบ้าน

– The Samsen Street Hotel ที่พักสุดชิคราคาหลักร้อย

โรงแรมระดับสามดาวที่ปรับปรุงจากอาคารเดิมซึ่งเคยเป็นโรงแรมม่านรูดมาก่อน ความสามารถในการนำเอาอัตลักษณ์แบบ “Very Thai” มาถ่ายทอดอย่างสนุกสนานและมีชีวิตชีวา กับการประยุกต์ใช้พื้นที่อันจำกัดให้เป็น Co-Space Living ได้อย่างชาญฉลาด ทั้งในแง่ของความโดดเด่นสวยงามทางสถาปัตยกรรมและฟังก์ชั่นที่แยบยลในทุกตารางนิ้ว CHAT Architects ได้ตกตะกอนความคิดในการบอกเล่านิยามของกรุงเทพฯ อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านงานออกแบบ The Samsen Street Hotel

“นั่งร้าน” คือ โจทย์หลักที่สถาปนิกเลือกนำมาใช้เป็นพระเอกของงาน เพราะนั่งร้านคืออุปกรณ์ชิ้นสำคัญในงานก่อสร้างที่เราเห็นกันจนชินตาในเมืองไทย โดยสถาปัตยกรรมได้ทำหน้าที่แสดงคาแรคเตอร์ของโรงแรม เป็นลูกเล่นทั้งด้านภาพลักษณ์และการใช้งาน รวมถึงบ่งบอกเอกลักษณ์ความเป็นเมืองแบบสตรีทๆ ของกรุงเทพฯ โดยนั่งร้านที่เห็นได้รับการออกแบบให้เรียงต่อกันแบบแนวตั้ง เพื่อใช้เป็นทั้งฟาซาดและระเบียงที่นั่งห้อยขาได้ โดยมีทั้งที่หันหน้าเข้าสู่ส่วนกลางของโรงแรมซึ่งเป็นโรงหนังกลางแปลงและหันออกสู่เพื่อนบ้านโดยรอบ นอกจากนี้นั่งร้านยังทำหน้าที่เป็นระเบียงชายคาให้กับทางเดินด้านล่างและพื้นที่อเนกประสงค์ สำหรับใช้เป็นทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหารสตรีทฟู้ด และพื้นที่นั่งเล่นของเเขกผู้มาใช้บริการ
อีกหนึ่งดีเทลสำคัญที่อดกล่าวถึงไม่ได้ นั่นคือการเลือกใช้ “สีเขียว” เป็นสีหลักในการออกแบบ เนื่องจากสีเขียวพาสเทลมักแฝงอยู่ในรายละเอียดของบ้านไทยยุคเก่าเสมอ นั่นเท่ากับเป็นการหลอมรวมงานสถาปัตยกรรมให้เข้ากับบริบทของเมือง สร้างความเป็นกันเองพร้อมกับตัวอาคารที่เป็นจุดสนใจได้อย่างมีมิติ รวมไปถึงการใช้กราฟิก ฟอนท์ภาษาไทยและโปสเตอร์หนังไทยสมัยก่อนที่ผสานไปกับการออกแบบภายใน

awsa

Architecture Post COVID-19

Architecture Post COVID-19

สถาปัตยกรรมบ้านและเมืองหลังโควิด-19 จะเปลี่ยนไปอย่างไร? เป็นอีกหนึ่ง “New Normal” ที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจ เพราะในอนาคตอันใกล้บ้านจะกลายเป็นปัจจัยสี่ที่มีความสำคัญมากๆ คนที่ไม่เคยมีบ้านจะอยากมีบ้านมากขึ้น และให้ความสำคัญกับรายละเอียดของการออกแบบบ้าน ทั้งในแง่ฟังก์ชั่น ประโยชน์ใข้สอยที่ตอบรับกับ lifestyle ที่ปลอดภัยจากเชื้อโรค ปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ และผู้คนจะโหยหาธรรมชาติมากขึ้น อยากมีสวนในบ้าน มีพื้นที่ผ่อนคลายที่เป็นส่วนตัว และมุมถ่ายรูปสวยๆ ไว้อวดเพื่อนทางโซเชียล เหนือสิ่งอื่นใด คือ บ้านที่อยู่สุขสบายอย่างแท้จริง เพราะสถานการณ์นี้ทำให้คนต้องอยู่บ้านมากกว่าเดิม และเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อการอยู่อาศัยไปอย่างสิ้นเชิง

– ผลกระทบในเชิงฟังก์ชั่น ความสะดวกสบายในทุกมิติ
ในแง่ของฟังก์ชั่นและรูปแบบอาคาร เริ่มจากทางเข้าบ้านจะต้องมีพื้นที่สำหรับล้างรถ เพื่อล้างสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่อาจติดมาจากการเดินทาง ก่อนเข้าสู่ตัวบ้านอาจจะมีพื้นที่ล้างมือล้างเท้าคล้ายบ้านไทยในอดีตที่มีบ่อล้างเท้าหรือตุ่มน้ำที่หน้าบันได พอเดินเข้าบ้านมี Changing Room สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือซักผ้าเสียก่อน รูปแบบบ้านจึงต้องเป็นบ้านที่มีความยืดหยุ่นสูง มีพื้นที่เอนกประสงค์กว้างขวาง ปรับเปลี่ยนพื้นที่เป็นห้องเรียนออนไลน์ได้ Work From Home ได้ พื้นที่ในการทำอาหารรวมที่ใช้งานได้สะดวก ตลอดจนพื้นที่สวนขนาดกะทัดรัดไว้เป็นมุมพักผ่อน ที่สามารถรองรับการการใช้ชีวิตในบ้านในระยะเวลานานๆ มีความสุนทรียะในทุกๆ กิจกรรมด้วยบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา เนื่องจากเวลาที่เราอยู่กับที่นานๆ จะเกิดภาวะตึงเครียด โดยเฉพาะบ้านที่อยู่อาศัยกันหลายคน สุดท้ายแล้วบ้านควรจะกลมกลืนไปกับธรรมชาติ บ้านที่อยู่สบายจะสร้างความสุขและเติมพลังชีวิตได้ ธรรมชาติจะช่วยให้เราผ่อนคลายและหายใจได้เต็มปอด ส่งผลดีต่อสุขภาพทั้งกายและใจ

– Smart Home คำตอบสำหรับบ้านในอนาคต
ภายใต้แนวคิด Sustainable Design โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการออกแบบ การก่อสร้างและการบริหารการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าภายในตัวบ้าน คือทำอย่างไรที่จะใช้องค์ประกอบจากธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในขณะเดียวกันก็ต้องดูแลธรรมชาติให้อยู่กับเราไปได้นานๆ สามารถตรวจสอบการทำงานต่างๆ ได้ทั้งระบบ โดยเฉพาะเรื่องความสะอาดและอากาศบริสุทธิ์ ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีหลายๆ อย่างมาใช้งาน มีผู้ช่วยทำความสะอาดอย่างหุ่นยนต์ดูดฝุ่น หุ่นยนต์ถูพื้น การใช้อุปกรณ์เหล่านี้ทำให้เห็นความสำคัญของการออกแบบ Floor Plan เพื่อให้หุ่นยนต์ต่างๆ ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ดีไซน์ไร้การสัมผัสเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรง ระบบอัตโนมัติในบ้านจะถูกนำมาใช้มากขึ้น เพื่อลดการสัมผัสและการแพร่เชื้อโรค อาทิ ประตูและระบบเปิดปิดไฟฟ้าผ่านสมาร์ทโฟน

– เกษตรวิถีและบ้านยุคดั้งเดิมในรูปโฉมใหม่
เทรนด์การสร้างบ้านเกษตรวิถีชีวิตพอเพียงจะได้รับความนิยมสูงขึ้น เพราะเมื่อถึงวิกฤตจริงๆ เราจะเห็นได้ชัดว่า การปลีกชีวิตอยู่อย่างสมถะและสันโดษจะตอบโจทย์ทุกช่วงเวลาได้ดีกว่า สำหรับการอยู่อาศัยภายในเมืองบนพื้นที่เล็กๆ ก็สามารถใช้วิถีชีวิตแบบพึ่งพาตนเองได้เช่นกัน เพียงแค่แบ่งสัดส่วนของพื้นที่สำหรับปลูกผักไว้รับประทานเอง ไม่ว่าจะเป็นบนดาดฟ้า ระเบียง และพื้นที่เล็กๆ รอบตัวบ้าน แม้ปัจจุบันจะมีธุรกิจ Food Delivery และเทคโนโลยีออนไลน์ช่วยให้การใช้ชีวิตช่วงวิกฤตเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การทำอาหารทานเองย่อมปลอดภัยและอุ่นใจกว่า บ้านจึงควรมีห้องครัวที่เหมาะกับการเตรียมอาหาร มีพื้นที่เก็บอาหารแห้งรวมทั้งครัวไทยแบบเปิดโปร่ง

– Universal Design โซลูชั่นสำหรับพื้นที่คนเมือง
ชวนมาดูแนวคิดสำคัญๆ อย่าง Universal Design ที่ว่าด้วยการออกแบบเพื่อคนทุกกลุ่ม โดยการปรับกระบวนทัศน์ใหม่ให้กับงานออกแบบสถาปัตยกรรม ทั้งบ้าน แหล่งชุมชนโดยรอบ และพื้นที่สาธารณะในเมือง ที่จะช่วยให้วงการสถาปัตยกรรมปรับตัวให้เท่าทันกับโจทย์ใหม่ๆ ในศตวรรษที่ 21 นี้ เป็นการออกแบบที่จะช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยคำนึงถึงความต้องการอันแตกต่างหลากหลาย ไม่ว่าจะมีความสามารถในการดำรงชีวิตแตกต่างกันอย่างไร ไม่ว่าจะมีสถานะต่างกันอย่างไร หรือไม่ว่าจะมีอายุและความแตกต่างทางร่างกายอย่างไร งานออกแบบอาคารสถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับความเท่าเทียมกัน

ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์กับการออกแบบให้มีความยืดหยุ่น โดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะที่ต้องรองรับคนจำนวนเยอะๆ อาทิ อาคารขนาดใหญ่อย่างท่าอากาศยาน โรงแรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า สถานบันเทิง สถานที่ออกกำลังกาย หรือสถานประกอบการขนาดต่างๆ การออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคาร อาทิ Touchless Technology หรือการออกแบบให้มีปุ่มลิฟต์ระดับต่ำที่สามารถกดควบคุมได้ด้วยเท้า การใช้ระบบเสียงเพื่อควบคุมลิฟต์ การสมาร์ทโฟนเพื่อควบคุมระบบไฟฟ้าภายในห้อง ไปจนถึง Self-cleaning Restroom ห้องน้ำที่มีระบบทำความสะอาดตัวเอง การเลือกใช้วัสดุปิดผิวที่เรียบเป็นมันวาว เช่น โลหะ อย่างทองแดง (Copper) ลดการเกาะติดของเชื้อโรค คือเน้นไปที่การส่งเสริมสุขภาวะที่ดี อาคารที่ใช้ระบบปิด ระบบระบายอากาศต้องมีประสิทธิภาพในการระบายเชื้อโรคออกจากอาคารได้อย่างรวดเร็ว หรือการใช้แสง UV ภายในอาคารเพื่อฆ่าเชื้อโรค

อันที่จริง Universal Design เอื้อให้การออกแบบทางสถาปัตยกรรมเว้นระยะห่างทางกายภาพและเชิงสังคมอยู่แล้ว เมื่อเข้าสู่มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม แต่คนยังต้องการส่งอาหาร การออกกำลังกาย และการพบปะสันทนาการกัน หน้าที่ของการออกแบบทางสถาปัตยกรรมจึงต้องทำให้การใช้พื้นที่ส่วนกลางของชุมชนและย่านที่อยู่อาศัย สามารถรองรับการออกมาใช้พื้นที่สาธารณะได้เป็นอย่างดี

awsa

7 แพลตฟอร์มสู่ความยั่งยืน สินค้าเกษตรส่งตรงสู่ผู้บริโภค

7 แพลตฟอร์มสู่ความยั่งยืน สินค้าเกษตรส่งตรงสู่ผู้บริโภค
ช่วงที่ผ่านมาเราเห็นหลายๆ คนโชว์ฝีมือเชฟกันเต็มโซเชียลมีเดีย จึงคิดว่าน่าจะมีคนที่อยากได้พืชผักผลไม้สดๆ ส่งตรงถึงบ้าน ‘สินค้าเกษตรออนไลน์’ คือ สินค้าเกษตรที่มุ่งมั่นส่งตรงสู่ผู้บริโภคโดยเหล่าสตาร์ทอัพไทยไอเดียเจ๋ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนได้อย่างหลากหลาย เราจึงนำมาบอกต่อ เพราะนอกจากจะได้ช้อปผลผลิตแบบ ‘รู้แหล่งปลูก’ แล้ว ยังช่วยระบาย ‘สินค้าเกษตร’ ในช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด–19 ระบาด เป็นการสร้างโอกาสในวิกฤตให้เกษตรกรไทยในอีกรูปแบบหนึ่ง

– ฟาร์มโตะ (FARMTO) ช่องทางการขายผลผลิตเกษตรรูปแบบใหม่ที่เชื่อมเกษตรกรและผู้บริโภคเข้าหากันผ่านวิธีการร่วมเป็นเจ้าของผลผลิตการเกษตร เพื่อให้ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคได้ช่วยเหลือและดูแลคุณภาพผลผลิตไปด้วยกัน
หากผู้บริโภคต้องการตรวจสอบผลผลิตก็สามารถเดินทางมาเยี่ยมชมและติดตามขั้นตอนต่างๆ ได้ เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวไรซ์เบอรี่ และเมื่อถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว เกษตรกรจะจัดส่งผลผลิตให้ผู้บริโภคตามที่อยู่ที่ลงทะเบียนไว้ รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้เกษตรกรได้ตั้งราคาขายผลผลิตด้วยตัวเองเพื่อแก้ปัญหาภาระหนี้สินและราคาผลผลิตตกต่ำ ทำให้เกษตรกรได้พัฒนาและเรียนรู้ที่จะสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเองในอนาคต นอกจากนี้ เกษตรกรยังสามารถนำแนวคิดดังกล่าวมาต่อยอดใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรได้อีกด้วย

– ครอปเปอร์แซด (Cropperz) แพลตฟอร์มที่จะทำให้เกษตรกรไทยสามารถเข้าถึง ‘ข้อมูลความต้องการของตลาด’ และช่วยยกระดับภาคธุรกิจให้สามารถพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ควบคุมราคาและปริมาณได้ตรงตามความต้องการของตลาด และทำให้สามารถทราบว่าจะมีพืชเกษตรชนิดใดออกช่วงไหน โดยข้อมูลนี้จะช่วยสนับสนุนการสร้างตลาดกับกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะโรงงานแปรรูปที่ต้องการวัตถุดิบเข้าสู่สายการผลิต ซึ่งจะทำให้ทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการมีผลผลิตออกมาอย่างต่อเนื่อง

– เอิร์ทออร์แกนิก (Earth Organic) มุ่งเน้นที่กลุ่มสินค้าเกษตรปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ มีการควบคุมคุณภาพแบรนด์สินค้าร่วมกับเกษตรกร เน้นอัตลักษณ์จากท้องถิ่น ส่งตรงถึงผู้บริโภคด้วยการขนส่งที่มีคุณภาพ

– ฟาร์มบุ๊ค (Farmbook) ตลาดเกษตรออนไลน์ที่มีระบบนิเวศสังคมเกษตรให้แก่เกษตรกรผู้ผลิต ผู้ให้บริการ ผู้จัดจำหน่าย ผู้ซื้อและผู้บริโภค มารวมตัวกันเพื่อสร้างการเชื่อมโยงหลากหลายด้าน (Multisided Markets) โดยสามารถเชื่อมกลุ่มคนจากทั่วทุกมุมโลกที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตไว้ด้วยกันได้ รวมทั้งยังมีข้อมูลตลาดที่ชัดเจน ทุกขั้นตอนในการซื้อ-ขายจึงทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

– เฟรชเก็ต (Freshket) บางคนอาจจะคุ้นชื่อหรือเคยสั่งซื้อไปแล้ว เป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมและจำหน่ายอาหารสดในรูปแบบของ ‘ตลาดสดออนไลน์สำหรับร้านอาหารและผู้บริโภค’ โดยสามารถเชื่อมต่อกับร้านอาหารและผู้บริโภคได้ตลอด 24 ชั่วโมง

– เนเจอร์ฟู้ด (Naturefood) แอปพลิเคชันสำหรับการซื้อขายข้าวอินทรีย์และสินค้าเกษตรปลอดภัย ซึ่งมีบริการส่งถึงบ้านและบริการส่งออกทั่วโลกแบบ One Stop Service ทั้งยังมีการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA เพื่อร่วมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าตกต่ำ ช่วยยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของเกษตรกร รวมถึงช่วยให้ผู้บริโภคปลายทางมีสุขภาพที่ดีด้วย

– มีแซ่ด (MeZ) ศูนย์กลางเชื่อมโยงและแบ่งปันผลไม้คุณภาพจากเกษตรกร ที่พร้อมส่งผลไม้จากสวน ผ่านการคัดสรรและใส่ใจในทุกขั้นตอนการเพาะปลูก

awsa

Creative Workspace Ideas

Creative Workspace Ideas
จากปรากฏการณ์ New Normal ในช่วงโควิด-19 ตลอดจนวิถีชีวิตหลังจากนี้ที่จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อรูปแบบการทำงานอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และคาดว่าเทรนด์การทำงานแบบ work from home จะกลายเป็นเรื่องปกติในที่สุด เมื่อบริษัทต่างๆ เริ่มให้อิสระในการทำงานกับพนักงานมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาออฟฟิศทุกวัน ถึงแม้ว่าตอนนี้หลายคนจะออกไปทำงานที่ออฟฟิศกันแล้วก็ตาม
การจัดพื้นพี่ทำงานภายในบ้านให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและเพิ่มบรรยากาศเพื่อสร้างความ productivity ให้แก่มนุษย์ออฟฟิศทั้งหลายที่ไม่คุ้นชินกับการ work from home เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ท้าทายไม่น้อยทีเดียว งานออกแบบจึงกลายมาเป็นโซลูชั่นที่สำคัญภายใต้โจทย์ “มุมๆ ไหนของบ้านก็ทำงานได้” ทั้งยังเป็นการแบ่งพื้นที่ให้ใช้งานอย่างคุ้มค่า ด้วยไอเดียง่ายๆ ที่สามารถเนรมิตพื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัว เรามีเคล็ดลับจัดพื้นที่ทำงานและมีสไตล์มาฝากกันค่ะ

Minimalism
หากชอบความเรียบง่ายสไตล์มินิมัลซึ่งเป็นที่นิยมของคนยุคใหม่ การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ให้เน้นวัสดุธรรมชาติ ที่มีองค์ประกอบน้อยชิ้นทว่าเต็มเปี่ยมด้วยฟังก์ชั่น ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเรียบเนี้ยบ สไตล์มินิมัลจะช่วยลดความรู้สึกวุ่นวายใจและอารมณ์ที่พลุ่งพล่านลงได้ มีสติในกระบวนการทางความคิดทุกขั้นตอน โดยอาจเลือกใช้โทนสี Monochrome อย่างสีขาวดำ ทำให้มุมทำงานมีความเป็นมืออาชีพ ทั้งความสมาร์ทและความเท่ที่กลมกลืน หรือถ้าคุณไม่ชอบสีขาวดำ สีเอิร์ธโทนที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายสบายตา หรือสีพาสเทลสุดเทรนดี้ซึ่งช่วยเพิ่มชีวิตชีวาได้เป็นอย่างดี โทนสีเหล่านี้จะทำให้คุณให้มีสมาธิในการทำงานยิ่งขึ้น อาจเพิ่มความสนุกสนานด้วยลูกเล่นต่างๆ ที่จะเติมเต็มการทำงานของคุณได้อย่างน่าสนใจ

Double Function
มุมเดียวใช้ได้ถึง 2 ฟังก์ชั่น ถ้าการทำงานของคุณไม่ได้ใช้อุปกรณ์ใดๆ มากนัก การนำโต๊ะกลางสำหรับรับประทานอาหารปรับเปลี่ยนมาใช้สำหรับแบ่งพื้นที่เป็นโต๊ะทำงานบ้างก็เป็นไอเดียที่ดี การจัดสรรสเปซอย่างพื้นที่ห้องรับแขก โดยใช้พื้นที่หลังโซฟาหรือใช้เป็นโซนกั้น รวมไปถึงพื้นที่ข้างเตียงขนาดกะทัดรัด ตลอดจนพื้นที่ริมระเบียงซึ่งให้บรรยากาศที่ผ่อนคลายมากกว่าเดิมและใกล้ชิดกับธรรมชาติ เพราะสิ่งสำคัญของ Workspace คือแสงสว่างที่เพียงพอและความปลอดโปร่ง ดังนั้นพื้นที่ที่ติดกับหน้าต่างหรือกระจกบานใหญ่จึงเป็นทำเลที่ดีในการจัดโต๊ะทำงาน ทั้งนี้คอนโดและทาวน์โฮมในปัจจุบัน มักออกแบบให้มี Bay Window หรือช่องหน้าต่างที่ทำมุมกับผนังทำให้เห็นวิวทิวทัศน์ได้กว้างขึ้น และมีพื้นที่ค่อนข้างมาก สามารถจัดโต๊ะทำงานบริเวณนี้ได้ จะได้นั่งทำงานแบบสัมผัสแสงธรรมชาติและพักสายตาจากความเหนื่อยล้า
ไอเดียเหล่านี้เป็นการประหยัดพื้นที่ และยังสามารถใช้งานร่วมกันได้หลายๆ คน เป็นเสมือนพื้นที่แบบ Co-working ขนาดย่อม ที่มีความยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามความต้องการ

PegBoard Decorating
สำหรับใครที่มีอุปกรณ์บนโต๊ะทำงานเยอะ ลองใช้ PegBoard มาช่วยในการจัดระเบียบข้าวของต่างๆ ทั้งยังสามารถปรับเป็น wall art ส่วนตัวขนาดมินิในสไตล์ของคุณ ช่วยกระตุ้นไอเดียใหม่ๆ ในการทำงาน โดยเฉพาะคนทำงานสายครีเอทีพ PegBoard ถือเป็นตัวช่วยที่ดีทีเดียว นอกจากนี้ อาจหาชั้นโปร่งๆ ช่วยในการจัดเก็บหรือฉากกั้นผนังแบบมีรูสำหรับแขวนหรือติดได้ เพื่อสร้างเลเยอร์ให้ห้องดูมีมิติ
คุณสามารถใส่ความเป็นตัวเองลงไปได้เต็มที่เมื่อเป็นมุมทำงานในบ้าน ลองเพิ่มความเฉียบด้วยการเลือก storage ที่มีโครงสร้างและฟังชันก์เจ๋งๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบโชว์หรือปิดมิดชิดจะช่วยเพิ่มชั้นเชิงให้กับพื้นที่ได้ดีและเพิ่มสเปซในการทำงานได้มากขึ้นอีกด้วย

Small Space Big Idea
สำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด การเลือกใช้โต๊ะและเก้าอี้ทำงานแบบโปร่งจะช่วยให้พื้นที่นั้นดูโล่งกว้าง โดยคุณสามารถเพิ่มความดิบเท่ด้วยโต๊ะและเก้าอี้สไตล์อินดัสเทรียลลอฟต์ ที่แฝงความอบอุ่นของไม้เอาไว้ อีกหนึ่งไอเดียเก๋ๆ สำหรับการจัด workspace ในบ้านที่มีพื้นที่น้อยนั่นก็คือ โต๊ะทำงานติดผนังที่มีรูปลักษณ์เหมือนชั้นวางของ โดยออกแบบให้ท็อปโต๊ะเว้นระยะห่างระหว่างชั้นวางของอย่างเหมาะเจาะ ส่วนชั้นบนก็ใช้เป็นพื้นที่เก็บหนังสือหรืออุปกรณ์สำนักงานอื่นๆ ส่วนการใช้โต๊ะแบบ Multi-function ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี อย่างชั้นวางของที่สามารถเปิดบานพับออกมาเป็นโต๊ะได้หรือโต๊ะติดผนังที่สามารถพับเก็บได้

Under the stairs
น่าจะเป็นพื้นที่ทำงานในฝันของหลายๆ คน หากพื้นที่ใต้บันไดบ้านคุณมีความโปร่งโล่ง ใช้พื้นที่ตรงนั้นให้เป็นประโยชน์แม้จะถูกปิดกั้นขอบเขต แต่ด้วยขนาดที่กะทัดรัดก็ให้ความเป็นส่วนตัวสูง ตอบโจทย์การใช้งานได้ดี แต่อาจจะต้องติดโคมไฟเพื่อเพิ่มแสงสว่างให้เพียงพอกับการใช้งาน สร้างชั้นวางของใกล้ๆ ด้วยขายึดผนัง ช่วยจัดระเบียบให้เป็นโต๊ะที่น่าใช้งานขึ้น
ส่วนใครที่ชื่นชอบ Workspace แบบเป็นสัดส่วนก็อาจใช้เทคนิคการแบ่งพื้นที่ด้วยบานเลื่อนแบบใสหรือกระจกแทนการกั้นประตูทึบ เพื่อให้ Workspace ยังคงเชื่อมโยงกับพื้นที่อื่นภายในบ้าน และไม่ทำให้เกิดบรรยากาศเคร่งขรึมจนเกินไป หรือหากบ้านของคุณมีมุมเล็กๆ ที่ขนาบข้างด้วยผนังก็สามารถเนรมิตเป็นพื้นที่ทำงานได้ด้วยการติดโต๊ะทำงานแบบ Build – in ในแบบที่คุณชอบ เพียงเท่านี้คุณก็มีพื้นที่ทำงานที่เป็นสัดส่วนแล้ว

awsa

Save Energy, Save Money & Save Earth

เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มตัวแล้ว หากบ้านของคุณไม่ได้ผ่านการออกแบบบ้านให้สอดรับกับธรรมชาติภายใต้สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวเกือบตลอดทั้งปี เมื่อไม่มีการวางแผนงานก่อสร้างให้ดี บ้านที่คาดหวังไว้ว่าจะเป็นสถานที่ให้เป็นร่มเงา อาจกลายเป็นเตาอบดีๆ ได้เช่นกัน วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับวัสดุกันความร้อนที่หาซื้อได้ง่าย มีจำหน่ายตามศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้างทั่วไป พร้อมอัปเดตนวัตกรรมล้ำๆ ที่ใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้กลายเป็นบ้านแห่งอนาคตอย่างแท้จริง รับประกันได้ว่าอุณหภูมิภายในบ้านของคุณจะเย็นสบาย และประหยัดการใช้พลังงานกว่าบ้านทั่วไปอย่างแน่นอน
มาดูกันว่า 5 ไอเท็มเด็ดๆ ที่เป็นวัสดุกันความร้อนประหยัดไฟเบอร์ 5 มีอะไรกันบ้าง


หลังคาสะท้อนความร้อน
วัสดุหลังคาหรือกระเบื้องหลังคาที่มีการเคลือบสีสะท้อนความร้อนมาให้ จะสามารถป้องกันแสงแดดได้ดีกว่ากระเบื้องหลังคาที่ไม่ได้ผ่านการเคลือบสี แต่หากวัสดุหลังคาที่ติดตั้งไม่มีคุณสมบัติดังกล่าวก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเดี๋ยวนี้มีแผ่นสะท้อนความร้อนติดตั้งใต้หลังคาเป็นเสมือนเกราะป้องกัน ยกตัวอย่างเช่น หลังคาคอนกรีต SCG รุ่น Neustile X-Shield Heat BLOCK ด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุดบนผืนกระเบื้องสุดเนี้ยบในเฉดสีเข้ม ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับบ้านสไตล์โมเดิร์นในปัจจุบัน โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสะท้อนรังสีความร้อนได้ดีกว่าสูตรเดิมถึง 3.5 เท่า ทำให้ประหยัดค่าไฟจากเครื่องปรับอากาศสูงสุด 15% ตลอดจนการเคลือบสีสูตรใหม่ เพิ่มพลังการยึดเกาะของชั้นสีและชั้นเคลือบของกระเบื้องหลังคาทำให้สีสวยทนทานยาวนานกว่าถึง 3 เท่า


โถงหลังคาสูงโปร่งมีฉนวนกันร้อน
โถงหลังคาเปรียบเสมือนพื้นที่กักเก็บความร้อนก่อนกระจายเข้าสู่ภายในบ้าน ยิ่งโถงหลังคามีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่พื้นที่กักเก็บความร้อนจะยิ่งมากขึ้น แต่หากมีพื้นที่กักเก็บน้อยความร้อนจะไหลผ่านเข้าภายในบ้านได้อย่างรวดเร็ว โดยปกติบ้านทั่วไปจะนิยมทำฝ้าเพดานเพื่อความสวยงาม นอกจากความสวยงามแล้ว ฝ้าเพดานยังเป็นส่วนป้องกันความร้อนจากโถงหลังคาได้อีกชั้นด้วย และหากต้องการเพิ่มประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ควรมีติดตั้งฉนวนกันร้อน “Stay Cool” ฉนวนใยแก้วที่ถูกออกแบบมาสำหรับติดตั้งเหนือฝ้าเพดานโดยเฉพาะ มีคุณสมบัติป้องกันความร้อนที่จะผ่านเข้ามา เนื้อฉนวนรอบด้านหุ้มด้วยแผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์จึงทนทานและทำหน้าที่ช่วยสะท้อนความร้อนออกไป ยิ่งฉนวนมีความหนามากก็ยิ่งกันความร้อนได้ดี ช่วยเพิ่มศักยภาพในการกันร้อนได้อีกหลายเท่าตัว


ฝ้าชายคาระบายอากาศได้
ฝ้าชายคาที่ดีควรเป็นฝ้าที่สามารถระบายอากาศได้ เพื่อให้มวลอากาศร้อนภายในโถงหลังคาได้ถ่ายเทอยู่เสมอ และยังเป็นช่องลมให้อากาศใหม่ได้เข้ามาแทนที่อากาศร้อนเดิม จุดที่ต้องระมัดระวังในการนำฝ้าชายคาที่มีรูระบายอากาศมาใช้ รูดังกล่าวไม่เพียงแค่เป็นช่องลมเท่านั้น แต่อาจจะเป็นช่องทางเข้าของสัตว์และแมลงต่าง ๆ ได้ จึงแนะนำให้หาตะแกรงมาติดทับไว้อีกชั้น หรือเลือกใช้ฝ้าระบายอากาศที่มีตะแกรงป้องกันติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน เพิ่มความสะดวกให้กับงานติดตั้ง ทั้งนี้ฝ้าชายคาสมาร์ทบอร์ดก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ นอกจากจะมีหลายรุ่นหลายแบบที่ให้ความสวยงานด้วยแท็กเจอร์ที่แตกต่างกัน และสามารถเลือกได้ตรงตามสไตล์ของบ้านเเล้ว ยังมีคุณสมบัติเด่นในด้านทนความชื้น แข็งแรงทนทาน ปลวกไม่กิน เป็นวัสดุที่ผสมผสานความเเข็งแกร่งเเละยืดหยุ่นในเนื้อเดียวกัน


สีทาผนังสะท้อนความร้อน
สีทาผนังบ้านที่เหมาะกับบ้านเย็นควรเลือกสีโทนอ่อน เพราะสีโทนอ่อน เช่น สีขาว สีครีมหรือสีใดๆ ที่มีความอ่อนใกล้เคียงสีขาว จะมีคุณสมบัติสะท้อนความร้อนได้ดีกว่าสีโทนเข้ม ส่วนสีโทนเข้ม เช่น สีเทา ดำ หรือสีใดๆ จะมีคุณสมบัติดูดซับความร้อน แต่หากต้องการทาสีบ้านด้วยสีโทนเข้ม แนะนำให้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์สีทาบ้านที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน สีชนิดดังกล่าวจะมีส่วนผสมของเซรามิก มีความเกลี้ยงเรียบเนียนของผิวสีที่ดีกว่าสีทั่วไป จึงสามารถสะท้อนความร้อนได้ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์สีที่ได้รับฉลากเบอร์ 5 อาทิ สีเบเยอร์คูลซุปเปอร์ชิลด์ และที่เก๋สุดๆ คือการปรับโทนสีลดความร้อน ผ่าน TOA SuperShield เพียงแค่คลิ๊กเข้าไปที่เว็บไซต์ คุณก็สามารถเลือกได้ว่าสีใดเหมาะกับบ้าน แถมยังช่วยคำนวณอัตราการประหยัดไฟจากเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ยังสามารถบอกรุ่นและชนิดของสีเพื่อให้เจ้าของบ้านสามารถไปซื้อสีได้อย่างถูกต้อง โดยจะมีตัวเลขค่า R แสดงอยู่ในทุกสี โดยตัวเลขค่า R ยิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงว่ากันความร้อนได้มากขึ้นเท่านั้น
โดยได้นำค่าการคำนวนดังกล่าวมาจาก Energy Plus ซึ่งเป็น Program ที่พัฒนาและสนับสนุนโดยกระทรวงพลังงาน สหรัฐอเมริกา ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวจะคำนวณบนพื้นฐานอาคารที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ มีจำนวน 4 ห้องนอน 2 ชั้น และมีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 220 ตารางเมตร โดยมีผู้พักอาศัยอยู่จำนวนทั้งสิ้น 4 คนและใช้เครื่องปรับอากาศที่มีการปรับอุณหภูมิไว้ที่ 25 องศาเซลเซียส


ผนังบ้านเย็นด้วยอิฐมวลเบา
ข้อดีของอิฐมวลเบา คือ ด้วยขนาดก้อนที่ใหญ่สามารถก่อผนังได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่ต้องใช้แรงคนงานมากช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันอิฐมวลเบาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทย เป็นอิฐมวลเบา Q-CON มีขนาด 20 ซ.ม. x 60 ซ.ม. และมีความหนาให้เลือกตั้งแต่ 7.5 ซม. – 25 ซม. ยิ่งมีตัวเลขความหนามาก คุณสมบัติกันความร้อนจะยิ่งมากขึ้น โดยค่าเฉลี่ยของอิฐมวลเบา Q-CON สามารถกันความร้อนได้ดีกว่าอิฐมอญ 4-8 เท่า จึงช่วยลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอกสู่ภายในอาคาร ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากขนาดเครื่องปรับอากาศที่เล็กลงและลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 30%

วัสดุต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้แนะนำกันโดยไม่มีหลักฐานอ้างอิง แต่ทุกวัสดุล้วนผ่านมาตรฐานการรับรองจากกระทรวงพลังงาน ได้รับฉลาก Energy Saving เบอร์ 5 ความหมายของฉลากดังกล่าว จึงคล้ายๆ กับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน วัสดุก่อสร้างก็เช่นเดียวกัน เมื่อสามารถช่วยให้อุณหภูมิภายในบ้านเย็นขึ้นได้ ผู้พักอาศัยสบายกายสบายใจ และไม่ต้องกังวลกับค่าไฟสิ้นเดือนอีกต่อไป

awsa

Ingenious Small Space Living

Ingenious Small Space Living 

ทีมสถาปนิกจาก A Little Design ปรับโฉมสตูดิเก่าบนพื้นที่ขนาด 17.6 square metre ในไต้หวัน ให้กลายเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นน่าอยู่อาศัยและสะดวกสบายต่อการใช้ชีวิต จนได้รับรางวัล Small interior of the year 2019 จาก Dezeen เว็บไซต์ดีไซน์อันโด่งดัง

ด้วยการออกแบบในสไตล์ Modern Minimalist เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่แออัดคับแคบ โจทย์อันท้าทายนี้จำเป็นต้องใช้องค์ประกอบทั้งหมดให้เกิดคุณค่าสูงสุด ภายในอพาร์ทเม้นท์จึงโปร่งโล่งด้วยโทนสีขาวสบายตา โทนสีไม้ธรรมชาติและแสงที่สาดส่องเข้ามาได้ การใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Build-In ผ่านดีเทลที่แฝงฟังชั่นก์ต่างๆ ไว้อย่างแยบยล ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น ลดทอดการปรุงแต่งเพื่อขยายความกว้าง เป็นการใช้พื้นที่แนวตั้งด้วยเพดานสูง 3.4 metres โดยแบ่งการใช้งานได้อย่างมีชั้นเชิง ทั้งห้องนั่งเล่นที่มีความยืดหยุ่น โซฟาซึ่งสามารถปรับเป็นที่ทำงานขนาดเล็กโดยใช้  fold-out desk หรือโต๊ะพับติดผนัง ขณะที่ฝาผนังส่วนต่างๆ ถูกนำมาใช้ประโยชน์ด้วยไอเดียที่เรียบง่ายแต่สามารถตอบรับกับผู้อยู่อาศัยได้เต็มที่ นอกจากนี้ ยังมีชั้นลอยสำหรับห้องนอนขนาดกะทัดรัด  ตรงทางขึ้นมีโต๊ะไว้เป็นมุมเก๋ๆ สำหรับนั่งชิล ส่วนบริเวณใต้บันไดและพื้นที่บนประตูทางเข้าห้องน้ำล้วนสอดแทรกการใช้สอยไว้แทบทุกตารางนิ้ว  และห้องน้ำ พื้นที่ซักล้างตลอดจนห้องครัวนั้นมีความเชื่อมโยงเข้าด้วยกันอย่างลื่นไหล

จากทักษะงานดีไซน์อันยอดเยี่ยมและเทคนิคการจัดการพี้นที่ขนาดเล็กมากๆ นี่คือความพยายามอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาและเสนอตัวเลือกหรือรูปแบบใหม่ๆ ในการอยู่อาศัยของคนเมืองอย่างแท้จริง

awsa

Innovative Ways to Build ECo Friendly Home

Innovative Ways to Build ECo Friendly Home

The Nest (The Next Eco-Sustainable Technology for Home)รับเทรนด์บ้านยุคใหม่ ประหยัดพลังงานกับ Energy Plus หลังแรกในอาเซียน ที่ออกแบบบ้านให้สอดคล้องและสามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุดจากสภาพภูมิอากาศ สามารถผลิตไฟฟ้าได้เองมากกว่าปริมาณที่ใช้ พร้อมด้วยระบบ Backup Power System ที่ช่วยให้บ้านยังคงมีไฟฟ้าใช้ตามจุดที่สำคัญในขณะที่ไฟฟ้าดับ นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ อาทิเช่น ระบบการระบายอากาศ ระบบป้องกันความร้อน ระบบสร้างอากาศหมุนเวียน และการนำแสงธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ รวมถึงการจัดการการใช้น้ำภายในบ้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการนำกลับมาใช้ใหม่และการนำน้ำฝนและน้ำจาก Condensing Unit ของเครื่องปรับอากาศมาใช้ ทำให้ The Nest เป็นบ้านต้นแบบในการประหยัดพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

SolarECO System ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา มั่นใจด้วย SolarFIX นวัตกรรมการยึดแผงโซลาร์เซลล์แบบใหม่ ที่คิดค้นและพัฒนาให้สามารถติดตั้งโดยไม่ต้องสอดงัดหรือเจาะกระเบื้องที่หน้างาน จึงป้องกันปัญหาการรั่วซึมจากการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์แบบเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ  พร้อมทั้งระบบสำรองไฟ (Green Power Plug) เพื่อใช้ภายในบ้านเมื่อไฟฟ้าดับหรือไฟตก และระบบขายไฟคืนรัฐบาลที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนสูงนานถึง 25 ปี

Active AIRflow™ System กลไกการถ่ายเทอากาศและระบายความร้อนภายในตัวบ้านและโถงหลังคา สร้างคุณภาพอากาศที่ดีและความสบายในการอยู่อาศัย ลดการสะสมเชื้อโรค ความอับชื้นภายในบ้าน รวมทั้งลดความเสี่ยงในการเกิดอาการภูมิแพ้ นอกจากนี้ ระบบยังช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องปรับอากาศดีขึ้นจากอุณหภูมิห้องที่เย็นเร็วขึ้น จึงช่วยลดการใช้ไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศ อีกทั้งระบบนี้ยังใช้พลังงานสะอาดจากโซลาร์เซลล์เป็นพลังงานหลักจึงไม่สิ้นเปลืองการใช้ไฟฟ้า

WINDSOR Soffit System ระบบฝ้าชายคาวินด์เซอร์ นวัตกรรมใหม่สำหรับการระบายอากาศและลดความร้อนใต้ชายคา ที่ออกแบบให้มีรูระบายอากาศในตัวและไม่มีช่องระหว่างแผ่นฝ้า จึงไม่ต้องติดมุ้งกันแมลง และด้วยคุณสมบัติของวัสดุที่เป็นไวนิลสูตรพิเศษจึงทนต่อแสงแดด รังสี UV ความชื้นจากฝน และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ด้วยแนวคิดที่ออกแบบมาเป็นระบบจึงทำให้ติดตั้งง่าย และสามารถมั่นใจในคุณภาพจากการรับรองประสิทธิภาพการระบายอากาศจากศูนย์วิจัยทางอาคาร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

awsa

ดีไซเนอร์ระดับโลกผู้สร้างงาน “ดีไซน์” ให้เป็นสิ่งจำเป็นอันธรรมดาสามัญ

ดีไซเนอร์ระดับโลกผู้สร้างงาน “ดีไซน์” ให้เป็นสิ่งจำเป็นอันธรรมดาสามัญ 

Naoto Fukasawa เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ Creative Director หัวก้าวหน้าของ MUJI แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สายมินิมัลที่ผู้คนค่อนโลกหลงใหลในเสน่ห์ของความง่ายงามที่แฝงไว้ด้วยปรัชญาสุดล้ำลึก แนวคิดในการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ได้กลายเป็นเทรนด์ที่โด่งดังและแพร่หลายไปทั่วโลก เขาแจ้งเกิดด้วยผลงาน Iconic Design อย่าง Wall Mounted CD Player เครื่องเล่นซีดีหน้าตาเรียบเก๋ ที่เล่นสนุกกับความรู้สึกของผู้ใช้งานได้อย่างชาญฉลาด จนกลายเป็นงานดีไซน์ระดับปรากฏการณ์ และเป็นหนึ่งในคอลเล็คชั่นสะสมถาวรของพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่แห่งนิวยอร์ค (MoMA) ส่งผลให้ Fukasawa เป็นดีไซเนอร์ระดับท็อบฟอร์มของวงการออกแบบโลก

นอกจากจากการออกแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับใช้สอยในชีวิตประจำวันและเฟอร์นิเจอร์แล้ว เขายังขยายพื้นที่ไปยังงานสถาปัตยกรรมและการออกแบบภายในซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันเป็นซิกเนเจอร์ที่หนักแน่นในการออกแบบซึ่งเน้นฟังชั่นเป็นหลัก ดีไซน์เรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ และพยายามให้ดีไซน์เป็นส่วนหนึ่งของฟังชั่นได้อย่างกลมกลืน

A Philosophy of Simplicity

ภายใต้แนวคิด ”การออกแบบคือสิ่งจำเป็น” การสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ควรตอบสนองความต้องการที่ขาดหาย และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสิ่งต่างๆ นั้นดีขึ้นนั้น ตลอดจนรักษาการใช้งานแบบเดิมแต่เพิ่มความสะดวกให้มากขึ้น  โดยปราศจากการปรุงแต่งที่ไร้ประโยชน์ และไม่จำเป็นต้องสรรหาองค์ประกอบอื่นๆ มาใส่จนล้นเพียงเพื่อแสดงตัวตนของนักออกแบบ  เพราะนั่นคือเนื้อร้ายสำหรับหัวใจของการออกแบบ  ประกอบกับแนวคิด “การไม่ต้องคิด” (Without Thought)  อันโด่งดังของ Fukasawa ว่าด้วยพฤติกรรมอันเป็นจิตใต้สำนึกของมนุษย์ที่สามารถเข้าถึงแก่นสารและคุณค่าแท้จริงของสิ่งต่างๆ ผ่านการออกแบบ คนเราไม่ควรต้องใช้ความคิดเกี่ยวกับวัตถุที่ตนใช้อยู่ แต่สัญชาตญาณของพวกเขาจะค้นพบวิธีการใช้งานอย่างเป็นธรรมชาติ

เขาเชื่อว่าความสวยงามที่แท้จริงของการออกแบบนั้นสัมผัสได้ด้วยใจ คนอาจชอบเพราะรูปลักษณ์แต่คนจะรักเพราะการใช้งาน สำหรับตัวเขาแล้วมันคือการดีไซน์บรรยากาศรอบตัว (ambient) และดีไซน์นั้นเป็นส่วนหนึ่งในการเติมช่องว่างโดยไม่ทำลายความเชื่อมโยงที่มีอยู่ แต่คือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ทุกอย่างอยู่ร่วมกันได้ งานออกแบบที่ดีจึงควรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสิ่งแวดล้อม

Fukasawa มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบที่ผสมผสานฟังก์ชั่นกับรูปแบบที่พอเพียงอย่างแท้จริง แต่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้อย่างที่สุด ไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุและพฤติกรรมการใช้งานเท่านั้นที่เขาคำนึงถึง แต่รวมไปถึงพื้นที่ความสัมพันธ์ของการก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา ซึ่งในกระบวนการนี้เองที่เป็นจุดกำเนิดของผลิตภัณฑ์ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณลักษณะของวัตถุที่เรียบง่ายและน้อยชิ้น หรือเรียกกันว่า Tatazumai

awsa

5 Smart Home Gadgets สำหรับบ้านในอนาคต

5 Smart Home Gadgets สำหรับบ้านในอนาคต

ทุกวันนี้ Smart Gadgets มีการพัฒนาให้ฉลาดและอำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้อุปกรณ์รอบตัวของเรานั้นสามารถทำงานเชื่อมต่อและควบคุมได้อย่างอัจฉริยะ  Smart Gadgets จึงทำหน้าที่เสมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวประจำบ้านได้เป็นอย่างดี สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตอันล้ำสมัยของผู้อยู่อาศัยที่สอดรับกับสังคมยุคดิจิทัล

1.Google Home ลำโพงอัจฉริยะที่ทำงานด้วยคำสั่งเสียง (voice-activated speaker) ไม่ว่าคุณจะตั้งคำถามหรือสั่งให้ค้นหา และทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้เพียงแค่ใช้คำสั่งเสียงเช่นเดียวกับฟีเจอร์ OK Google ที่รู้จักกันในสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ ยังสามารถสั่งการ Smart Device ต่าง ๆ ที่ติดตั้งภายในบ้าน ด้วยดีไซน์เรียบง่ายทรงกระบอกขนาดเล็กกระทัดรัด บริเวณด้านบนจะมีแสง 4 สีเก๋ๆ ตามสไตล์ Google ส่วนแท่นด้านล่างจะเป็นลำโพงที่สามารถฟังเพลงและเปลี่ยนสีได้

2.หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่จะเปลี่ยนการวิธีการทำความสะอาดบ้านของคุณตลอดไป ปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อ อาทิเช่น Roomba รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับแท่นกำจัดขยะอัตโนมัติ ผสานการทำงานของระบบทำความสะอาดที่ทรงพลังร่วมกับการเซ็นเซอร์รอบตัว และแผนที่อัจฉริยะที่สามารถเรียนรู้และจดจำพื้นที่ภายใน ให้คุณเลือกห้องที่จะทำความสะอาดและเวลาที่ต้องการด้วยคำสั่งเสียง เพื่อการทำความสะอาดพื้นบ้านอย่างสมบูรณ์แบบ

3.Belkin WeMo ปลั๊กไฟที่จะช่วยคลายความกังวลในขณะที่คุณออกไปข้างนอก แก้ปัญหาการลืมปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าซึ่งทำให้สิ้นเปลืองพลังงานและค่าใช้จ่าย อุปกรณ์ชิ้นนี้จะช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นตัวกลางระหว่างเต้าเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าและเต้ารับไฟฟ้าภายในบ้าน โดยสามารถสั่งเปิด-ปิดผ่านทางมือถือสมาร์ทโฟนของคุณได้อย่างง่ายดาย

4.Sleep Number Smart Bed  ด้วยระบบอัจฉริยะที่ช่วยวิเคราะห์เวลานอนของแต่ละคน ปรับสภาพเตียงให้รองรับกับน้ำหนัก กระทั่งตรวจสอบระบบการเต้นของหัวใจขณะนอนและปรับรูปแบบเตียงอัตโนมัติให้เหมาะสมที่สุด ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำในโลกอนาคตที่จะเข้ามาช่วยให้สุขภาพของคุณดีขึ้น เพราะการนอนคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด

5.iKettle กาต้มน้ำล้ำยุคตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งดีไซน์เรียบเท่อัดแน่นด้วยคุณสมบัติที่สร้างความแปลกใหม่ให้แก่ชีวิตประจำวัน โดยการต้มน้ำผ่านระบบ Wi-Fi ควบคุมการทำงานจากแอปพลิเคชั่นในมือถือที่ตั้งอุณหภูมิได้ตามต้องการ และมีระบบเปิดเตือนเมื่อต้มน้ำสุก  อีกทั้งยังสามารถเป็นนาฬิกาปลุกตอนเช้าพร้อมกับกาแฟร้อน ๆ ต้อนรับเช้าวันใหม่ อุปกรณ์ตัวนี้จะทำให้คุณประหยัดเวลาในช่วงเช้าไปได้เยอะทีเดียว

awsa