10 ทริกการตกแต่งบ้านให้น่าอยู่ ตอบโจทย์การอยู่อาศัยได้ลงตัว

การมีลักษณะบ้านที่ดี ทำให้ครอบครัวมีความสุข

การสร้างบ้านคือการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิต ดังนั้น การเลือกแบบบ้านและออกแบบพื้นที่ใช้สอยจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง บ้านที่ดีไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ต้องตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้อาศัยได้อย่างลงตัว จึงเป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ใฝ่ฝัน แต่บ้านที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร ? มาไขข้อข้องใจไปพร้อมกัน ในบทความนี้เราจะพาไปสำรวจองค์ประกอบต่าง ๆ ว่าบ้านที่น่าอยู่ควรมีลักษณะอย่างไร พร้อมแนะนำทริกการตกแต่งบ้านให้น่าอยู่

บ้านที่น่าอยู่ควรมีลักษณะอย่างไร ?

บ้านไม่ได้เป็นเพียงที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่แห่งความสุขและความอบอุ่นของครอบครัว การสร้างบ้านที่น่าอยู่จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความสวยงาม ความสะดวกสบาย หรือความปลอดภัย เพื่อให้บ้านเป็นที่พักผ่อนและเติมพลังให้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น เรามาดูกันว่าลักษณะบ้านที่ดีเป็นอย่างไรบ้าง

  • วัสดุก่อสร้างมีความแข็งแรง : บ้านที่ดีต้องสร้างจากวัสดุคุณภาพสูง ที่ทนทานต่อสภาพอากาศสามารถใช้งานได้ยาวนาน และมีมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าซ่อมแซมในระยะยาว
  • พื้นที่ใช้สอยลงตัว : ทุกพื้นที่ในบ้านควรมีประโยชน์ใช้สอยสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องครัว ห้องรับแขก หรือแม้แต่พื้นที่เก็บของ การออกแบบพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งานจะช่วยให้การอยู่อาศัยสะดวกสบายมากขึ้น
  • จัดวางเฟอร์นิเจอร์เป็นระเบียบ : เฟอร์นิเจอร์ควรมีการจัดวางอย่างเป็นระเบียบและเข้าถึงได้สะดวกสบาย การจัดวางที่ดีจะช่วยให้พื้นที่ดูกว้างขวางและเป็นระเบียบมากขึ้น
  • แสงและอากาศถ่ายเท : บ้านควรได้รับแสงธรรมชาติอย่างเพียงพอ และมีการระบายอากาศที่ดี เพื่อให้บ้านโปร่งสบาย
  • สิ่งแวดล้อมที่ดี : สภาพแวดล้อมที่ดีจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่างมาก เช่น ทำเลที่ตั้งเดินทางสะดวก บรรยากาศโดยรอบบ้านเงียบสงบ มีความเป็นส่วนตัวเพียงพอ ไม่รู้สึกอึดอัด เพื่อให้เหมาะแก่การพักผ่อนมากที่สุด

ทริกการตกแต่งบ้านให้น่าอยู่

การตกแต่งบ้านให้น่าอยู่ ไม่ใช่แค่การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้สวยงาม แต่ยังรวมถึงการสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยด้วย โดยขอแนะนำทริกง่าย ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้กับบ้านของทุกคนให้น่าอยู่มากขึ้น ดังนี้

  1. วางแผนผังของบ้านให้ชัดเจน เป็นสัดส่วน : การแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจนจะช่วยให้บ้านเป็นระเบียบและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. เปิดห้องรับแสง : การเปิดให้แสงธรรมชาติเข้าถึงทุกมุมของบ้านจะช่วยให้บ้านดูสว่าง กว้างขวาง และมีชีวิตชีวามากขึ้น เช่น การมีหน้าต่างขนาดใหญ่หรือช่องแสงจะช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าถึงทุกมุมของบ้าน
  3. จัดตู้ให้เรียบร้อย : การจัดระเบียบตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของ หรือชั้นวางของต่าง ๆ จะช่วยให้บ้านดูเป็นระเบียบและสะอาดตามากขึ้น
  4. หาภาชนะมาใส่สำหรับของจุกจิก : การใช้กล่อง ตะกร้า หรือภาชนะต่าง ๆ เพื่อเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ จะช่วยลดความรกรุงรังและทำให้บ้านดูเป็นระเบียบมากขึ้น
  5. มีพื้นที่สีเขียวสร้างความร่มรื่น : การเพิ่มต้นไม้สีเขียวในบ้านช่วยสร้างบรรยากาศที่สดชื่น ผ่อนคลาย และช่วยฟอกอากาศภายในบ้าน โดยอาจจัดมุมสวนเล็ก ๆ ในบ้านหรือวางกระถางต้นไม้ตามจุดต่าง ๆ
  6. สายไฟต้องมีระเบียบ : การจัดการสายไฟให้เป็นระเบียบจะช่วยให้บ้านดูสะอาดตาและปลอดภัยมากขึ้น
  7. เฟอร์นิเจอร์ไม่ต้องเยอะ : ใช้เฟอร์นิเจอร์ให้ลงตัวกับขนาดของห้อง ไม่เบียดเสียดกันจนเดินไม่ได้มีดีไซน์สวยงาม มีฟังก์ชันการใช้งานและสไตล์ที่สอดคล้องกับการตกแต่งของบ้าน จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้แก่ห้องได้
  8. ทางเข้า-ออกต้องสะดวก : ออกแบบทางเข้า-ออกบ้านให้สะดวกและเป็นระเบียบ โดยจัดพื้นที่สำหรับวางรองเท้า ชั้นแขวนเสื้อ หรือตู้เก็บของใกล้ทางเข้า เพื่อให้การเข้า-ออกบ้านเป็นไปอย่างราบรื่น
  9. ขยันทำความสะอาด : การทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้บ้านสะอาดน่าอยู่ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ อีกด้วย
  10. จัดวางสวนหย่อมหน้าบ้านให้น่าอยู่ : สวนหน้าบ้านเป็นสิ่งแรกที่ผู้มาเยือนจะเห็น การจัดสวนให้สวยงามจะสร้างความประทับใจแรกพบและเพิ่มบรรยากาศที่น่าอยู่ให้แก่บ้าน โดยเลือกพันธุ์ไม้ที่เหมาะกับสภาพอากาศและดูแลรักษาง่าย

การตกแต่งบ้านให้น่าอยู่โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ

ประโยชน์ของการจัดและตกแต่งบ้าน

  • บ้านที่เป็นระเบียบจะช่วยลดความเครียดและสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย
  • สภาพแวดล้อมที่ดีจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
  • การตกแต่งบ้านเป็นการแสดงออกถึงรสนิยมและความเป็นอัตลักษณ์ของเรา ทำให้บ้านเป็นพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง
  • บ้านที่สวยงามจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่เจ้าของบ้าน และสร้างความประทับใจให้แก่แขกที่มาเยี่ยม
  • การตกแต่งบ้านอย่างมีสไตล์และการดูแลรักษาอย่างดีจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่บ้านในระยะยาว

ดังนั้น การจัดและตกแต่งบ้านที่ดีจึงไม่ใช่แค่การทำให้บ้านดูสวยงาม แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย

หากสนใจต้องการตกแต่งบ้านให้น่าอยู่ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เข้ามาปรึกษาที่อารียา พรอพเพอร์ตี้ บ้านสั่งสร้างสุดพรีเมียม ที่ใส่ใจในทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง การออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนในครอบครัว ไปจนถึงการสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ด้วยทีมงานมืออาชีพ สร้างบ้านในฝันให้เสร็จเร็ว ทันใจ

มาสร้างบ้านเดี่ยวที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนในครอบครัว พร้อมเสริมคุณภาพในการอยู่อาศัย สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

 

แหล่งอ้างอิง

  1. 10 เทคนิคการตกแต่งบ้านให้น่าอยู่. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 จาก https://www.bydecora.com/10-เทคนิคการตกแต่งบ้านให้น่าอยู่/
  2. ลักษณะบ้านที่ดี ควรเป็นอย่างไร เพื่อบ้านสวย น่าอยู่. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 จาก https://www.jorakay.co.th/blog/owner/other/good-house-style-what-should-be-for-a-beautiful-home-to-live
awsa

แต่งบ้านมินิมอลด้วยโทนสีขาว-ดำ ความเรียบง่าย ที่แฝงความเท่และมีสไตล์

แต่งบ้านมินิมอลด้วยโทนสีขาว-ดำ

โทนสีขาว-ดำ คู่สีที่นิยมในการแต่งบ้านอย่างมากในตอนนี้ การใช้สีขาว – สีดำนั้น สื่อได้ถึงความเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความเท่ มีสไตล์ ดูมีอะไรให้น่าค้นหา วันนี้อารียาฯ จะชวนมาดูทริกการแต่งบ้านมินิมอลด้วยโทนสีขาว-ดำ เพื่อให้ทุกคนสามารถนำทริกเหล่านี้ไปปรับใช้กับการแต่งบ้านมินิมอลตามสไตล์ของตัวเองกันได้เลย

แต่งบ้านมินิมอลด้วยโทนสีขาว-ดำ สำหรับห้องนอน

1. แต่งบ้านมินิมอลด้วยโทนสีขาว-ดำ สำหรับห้องนอน

การแต่งบ้านมินิมอลด้วยโทนสีขาว-ดำ เริ่มที่โซนห้องนอน ซึ่งห้องนอนเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ผู้อยู่อาศัยต้องการใช้เวลาในการพักผ่อนมากที่สุด แนะนำให้เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สีดำ ตัดกับผ้าปูที่นอนและผ้าม่านสีขาว ยิ่งช่วยเพิ่มความเรียบหรู และที่สำคัญสีโทนเข้มยังสามารถช่วยรักษาบรรยากาศของความสงบ ทำให้นอนหลับสบาย นอนเต็มอิ่มตลอดคืนแน่นอน

แต่งบ้านมินิมอลด้วยโทนสีขาว-ดำ สำหรับโซนนั่งและโซนรับประทานอาหาร

2. แต่งบ้านมินิมอลด้วยโทนสีขาว-ดำ สำหรับโซนนั่งเล่นและโซนรับประทานอาหาร

มาถึงพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน อย่างโซนนั่งเล่น และโซนรับประทานอาหาร ที่เป็นพื้นที่ Open Space เชื่อมต่อกัน เพื่อเป็นจุดรวมตัวของคนในบ้าน ไม่ว่าจะนั่งเล่น พักผ่อน ดูทีวี หรือรับประทานอาหาร การแต่งบ้านสำหรับพื้นที่โซนนี้ จึงควรเลือกใช้โทนสีขาวเป็นหลัก และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์หลักชิ้นใหญ่เป็นสีดำ อย่างโซฟา โคมไฟ โต๊ะรับประทานอาหาร ก็จะยิ่งช่วยให้บรรยากาศของห้องดูเรียบง่ายแต่เท่ คุมโทน Black & White อยู่ ไม่หนัก ไม่เบาจนเกินไป เหมาะสมกับทุกคนในครอบครัว 

แต่งบ้านมินิมอลด้วยโทนสีขาว-ดำ สำหรับมุมส่วนตัวในบ้าน

3. แต่งบ้านมินิมอลด้วยโทนสีขาว-ดำ สำหรับมุม Mini Bar ในบ้าน

หากใครมีมุมหรือพื้นที่ส่วนตัวในบ้าน มาแต่งบ้านมินิมอลด้วยโทนสีขาว-ดำ กัน อย่างมุม Mini Bar ในบ้าน ควรเลือกใช้ผนังโทนสีขาว ตัดบางส่วนด้วยสีดำ และผสานเข้าคู่กับเฟอร์นิเจอร์ Built-in สีดำสุดเท่ หรือจะใช้สีดำเป็นพื้นหลังและเพิ่มสีขาวเข้าไปเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับสไตล์และความชอบของผู้อยู่อาศัย แต่ไม่ว่าจะแต่งบ้านแบบไหน โทนสีขาว-ดำ ก็ยังคงสร้างความโดดเด่นและความหรูหราให้กับมุมส่วนตัวที่เป็นความสุขเล็ก ๆ ในบ้านได้    

ถ้าชอบความมินิมอลที่แตกต่าง โดดเด่น ไม่เหมือนใคร มาพร้อมกับดีไซน์และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ และความเป็นส่วนตัวอย่างสุดทาง ต้องบ้านโครงการ AREN2 เท่านั้น! บ้านสไตล์ Modern Minimal ภายใต้ตอนเซ็ปต์ MADLY MINIMAL² | เรียบให้ลึก โครงการใหม่ล่าสุดจากอารียา พรอพเพอร์ตี้ ลองเข้าไปชมรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมกันได้เลยที่ https://areeya.co.th/brand/aren-2/

หรือคลิกดูโครงการบ้านมินิมอลอื่น ๆ จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ เพิ่มเติมได้ที่ www.areeya.co.th บ้านมินิมอลหลากหลายสไตล์ รองรับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย บนทำเลศักยภาพ ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของทุกคนในครอบครัว

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://tostemthailand.com/2023/06/21/the-inspiring-of-black-white/
https://www.baanlaesuan.com/18544/ideas/040915-ideas

awsa

เลือกสีบ้านถูกโฉลกตามวันเกิด เสริมให้ชีวิตปังรอบด้าน

เลือกสีบ้านถูกโฉลกตามวันเกิด เสริมชีวิตให้ปังรอบด้าน

ใครที่เพิ่งซื้อบ้านใหม่ หรือต้องการทาสีบ้านใหม่ การเลือกสีบ้านนอกจากจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสม และเลือกให้เข้ากับการตกแต่งบ้านแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญ ก็คือการเลือกสีบ้านถูกโฉลกตามวันเกิดที่ถูกหลักฮวงจุ้ย เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลแก่เจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย วันนี้อารียาฯ มีสีบ้านถูกโฉลกมาแนะนำให้เลือกกัน

สีบ้านถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันอาทิตย์

สีบ้านถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันอาทิตย์

ผู้ที่เกิดในวันจันทร์ สามารถเลือกสีบ้านถูกโฉลกได้ดังนี้

การงาน : สีแดง สีแสด สีเหลืองเข้ม สีส้ม สีทอง

สุขภาพ : สีเหลืองอ่อน สีขาว สีเทาอ่อน

ความรัก : สีดำสลัว สีเทาเข้ม

การเงิน : สีดำ สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม

สีที่ควรหลีกเลี่ยง : สีน้ำเงิน สีคราม สีฟ้า

สีบ้านถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันจันทร์

สีบ้านถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันจันทร์

ผู้ที่เกิดในวันจันทร์ สามารถเลือกสีบ้านถูกโฉลกได้ดังนี้

การงาน : สีเหลืองอ่อน สีขาว สีเทาอ่อน สีเทาเข้ม สีดำสลัว

สุขภาพ : สีชมพู สีโอลด์โรส สีแดงอ่อน

ความรัก : สีน้ำเงิน สีคราม สีฟ้า

การเงิน : สีแสด สีเหลืองเข้ม สีทอง

สีที่ควรหลีกเลี่ยง : สีแดงสด

สีบ้านถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันอังคาร

ผู้ที่เกิดในวันจันทร์ สามารถเลือกสีบ้านถูกโฉลกได้ดังนี้

การงาน : สีชมพู สีโอลด์โรส สีแดงอ่อน สีน้ำเงิน สีคราม สีฟ้า

สุขภาพ : สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่

ความรัก : สีแดง

การเงิน : สีดำสลัว สีเทาเข้ม

สีที่ควรหลีกเลี่ยง : สีเหลืองอ่อน สีขาว สีเทาอ่อน

สีบ้านถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันพุธ

สีบ้านถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันพุธ

ผู้ที่เกิดในวันพุธ จะแบ่งเป็นวันพุธกลางวัน และวันพุธกลางคืน สามารถเลือกสีบ้านถูกโฉลกได้ดังนี้

ผู้ที่เกิดวันพุธกลางวันจะนับตั้งแต่เวลาเกิด 06.00 – 17.59 น.

การงาน : สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่ สีแดง

สุขภาพ : สีดำ สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม

ความรัก : สีเหลืองอ่อน สีขาว สีเทาอ่อน

การเงิน : สีน้ำเงิน สีคราม สีฟ้า

​สีที่ควรหลีกเลี่ยง : สีชมพู สีโอลด์โรส

ผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืนจะนับตั้งแต่เวลาเกิด 18.00 – 05.59 น. ของเช้าวันพฤหัสบดี

การงาน : สีดำสลัว สีเทาเข้ม สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่

สุขภาพ : สีน้ำเงิน สีคราม สีฟ้า

ความรัก : สีดำ สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม

การเงิน : สีชมพู สีโอลด์โรส สีแดงอ่อน

สีที่ควรหลีกเลี่ยง : สีแสด สีเหลืองเข้ม สีทอง

สีบ้านถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันพฤหัสบดี

สีบ้านถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันพฤหัสบดี

ผู้ที่เกิดในวันพฤหัสบดี สามารถเลือกสีบ้านถูกโฉลกได้ดังนี้
การงาน : สีแสด สีเหลืองเข้ม สีทอง สีชมพู สีโอลด์โรส

สุขภาพ : สีดำสลัว สีเทาเข้ม

ความรัก : สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่

การเงิน : สีเหลืองอ่อน สีขาว สีเทาอ่อน

สีที่ควรหลีกเลี่ยง : สีดำ สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม

สีบ้านถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันศุกร์

สีบ้านถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันศุกร์

ผู้ที่เกิดในวันศุกร์ สามารถเลือกสีบ้านถูกโฉลกได้ดังนี้
การงาน : สีน้ำเงิน สีคราม สีฟ้า สีดำ สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม

สุขภาพ : สีแดง

ความรัก : สีแสด สีเหลืองเข้ม สีทอง

การเงิน : สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่

สีที่ควรหลีกเลี่ยง : สีดำสลัว สีเทาเข้ม

สีบ้านถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันเสาร์

สีบ้านถูกโฉลกสำหรับคนเกิดวันเสาร์

ผู้ที่เกิดในวันเสาร์ สามารถเลือกสีบ้านถูกโฉลกได้ดังนี้
การงาน : สีดำ สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม สีเหลืองอ่อน สีขาว สีเทาอ่อน

สุขภาพ : สีแสด สีเหลืองเข้ม สีทอง

ความรัก : สีชมพู สีโอลด์โรส สีแดงอ่อน

การเงิน : สีแดง

สีที่ควรหลีกเลี่ยง : สีเขียวอ่อน สีเขียวแก่

 

อย่างไรก็ตามการเลือกสีบ้านถูกโฉลกตามวันเกิดก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละบุคคล ลองเลือกสีที่ส่งเสริมดวง โชคลาภ การงาน หรือความรัก เลือกสีในด้านที่ต้องการแล้วปรับเฉดให้ตรงกับสไตล์การตกแต่งบ้านที่เป็นตัวเอง สำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านที่รองรับการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้ถูกโฉลกตามความต้องการได้ ดูโครงการบ้านจากอารียาฯ ได้เลย คลิกดูได้ที่ www.areeya.co.th บ้านที่ตอบโจทย์ครบทุกการอยู่อาศัยของทุกคนในบ้าน

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://globalhouse.co.th/globalidea/detail/701

awsa

ในวันที่ลาบูบู้เข้ามายึดบ้าน ต้องจัดการยังไง ?

ในวันที่ลาบูบู้เข้ามายึดบ้าน ต้องจัดการยังไง ?

ลาบู ลาบู ลาบู ลาบู้ลาบู ~ Art Toys Labubu มีคาแรกเตอร์ดีไซน์เป็นเอลฟ์เพศหญิง ฟันแหลม หูยาว ตัวเล็กแต่สูง ไม่ใช่กระต่ายอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน รวมถึงยังมีนิสัยซุกซน จิตใจดี และชอบช่วยเหลือผู้อื่น น่ารักขนาดนี้ เชื่อว่าหลาย ๆ บ้าน คงมีลาบูบู้เก็บสะสมไว้หลายตัว!

ทำความรู้จัก ที่มาของ Art Toys

Art Toys คือผลงานที่สร้างขึ้นโดยศิลปิน และมักมีจำนวนจำกัด ทำให้มีราคาสูง โดยเกิดขึ้นครั้งแรก ๆ ในช่วงทศวรรษที่ 1990 โดยศิลปินชาวฮ่องกงที่ชื่อ เรย์มอนด์ ชอย เป็นชุดผลงานของสะสมในชื่อ Qee ซึ่งมีลักษณะคล้ายเลโก้ที่เป็นตัวคน แต่มีหัวเป็นทั้งคนและสัตว์

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ Art Toys เข้าถึงผู้คนมากขึ้น คือการเกิดขึ้นของ POP MART ร้านค้าปลีกสัญชาติจีน สู่การปรับตัวมุ่งขายแต่ของเล่น ของสะสม หรือ Art Toys โดยมีกุญแจสำคัญ คือการขายในลักษณะ “กล่องสุ่ม” ร่วมกับการจับมือกับศิลปินและแบรนด์ดัง

ลาบูบู้ หนึ่งในตัวละครของอาณาจักร The Monster

เปิดประวัติ ลาบูบู้ Art Toys ตัวตึงจากค่าย Pop Mart

ลาบูบู้ (Labubu) Art Toys ที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้ หน้าตาคล้ายกับปีศาจ ตาโต ฟันแหลม ขนนุ่ม มาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ถือกำเนิดโดยศิลปินชาวฮ่องกง ‘Kasing Lung’ ศิลปินผู้สร้างผลงานอันโด่งดังทั่วโลก

‘Kasing Lung’ ชาวฮ่องกง ที่เติบโตในประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เมื่อโตขึ้นเขาตัดสินใจเข้าเรียนที่ Academy of Fine Arts เมื่อจบออกมาได้กลับมาทำงานที่ฮ่องกงอีกครั้ง ในฐานะนักออกแบบโฆษณา แต่ด้วยปัญหาหลาย ๆ ด้าน ทำให้เขาต้องย้ายกลับไปเนเธอร์แลนด์ และเริ่มออกแบบหนังสือนิทานสำหรับเด็ก แม้ว่าในช่วงแรกเขาจะถูกปฏิเสธ แต่ในที่สุดเขาก็ได้รับรางวัลชนะเลิศ World Illustration Awards ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในเบื้องต้นของเขาได้

ต่อมา เขาได้รับคำเชิญจาก “โฮเวิร์ด ลี” เจ้าของบริษัท Art Toys ในฮ่องกง ก่อนที่จะได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานและออกแบบ Art Toys จนกระทั่งเขาได้ออกแบบ The Monsters Series และถือกำเนิดลาบูบู้ ก่อนจะออกแบบร่วมกันกับทาง Pop Mart และกลายเป็นตุ๊กตาคาแรกเตอร์ชื่อดังในปัจจุบัน

สำหรับสายจุ่ม เมื่อเก็บสะสมจนลาบูบู้และ Art Toys จนเต็มบ้าน จากบ้านมินิมอลก็แทบจะกลายเป็นมินิมาร์ต จะมีวิธีจัดการปรับเปลี่ยนพื้นที่บ้านอย่างไรดี? ให้ของสะสมกับพื้นที่ในบ้านสมดุลกัน

ปรับพื้นที่บ้านรองรับของสะสม

1. กำหนดพื้นที่เฉพาะสำหรับ Art Toys และของสะสม

  • เลือกพื้นที่เฉพาะ: ตัดสินใจเลือกพื้นที่ในบ้านที่คุณต้องการใช้สำหรับจัดเก็บของสะสม อาจเป็นห้องหนึ่งหรือมุมใดมุมหนึ่งในห้องที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน
  • ปรับพื้นที่ให้เหมาะสม: หากคุณเลือกใช้พื้นที่ที่มีอยู่แล้ว ให้ปรับแต่งพื้นที่นั้นให้เหมาะสม เช่น การติดตั้งชั้นวางของ การเพิ่มไฟส่องสว่าง หรือการทาสีผนังเพื่อให้พื้นที่ดูเป็นระเบียบและน่าเก็บของสะสมมากขึ้น

2. หาชั้นวางและตู้เก็บของ

  • ชั้นวางของแบบแขวน: หากพื้นที่มีจำกัด การติดตั้งชั้นวางของแบบแขวนบนผนังจะช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของ และทำให้มองเห็นของได้อย่างเด่นชัด
  • ตู้เก็บของแบบใส: ตู้ที่มีประตูหรือกระจกใสจะช่วยป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกจากการเกาะบนของสะสม และยังดูสวยงามมีสไตล์ มองเห็นของสะสมภายในได้ชัดเจนอีกด้วย

3. ใช้พื้นที่แนวตั้งในบ้านอย่างเต็มที่

  • ชั้นวางแบบสูงถึงเพดาน: การใช้ชั้นวางที่สูงถึงเพดานช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของสะสมในแนวตั้งโดยไม่ต้องใช้พื้นที่ในแนวราบมากนัก
  • ใช้ประโยชน์จากประตูและมุมห้อง: ติดตั้งชั้นวางของหรือที่เก็บของบริเวณหลังประตูหรือตามมุมห้องเพื่อใช้พื้นที่ให้เต็มประสิทธิภาพ

4. ใช้เฟอร์นิเจอร์แบบมัลติฟังก์ชัน

  • เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีพื้นที่เก็บของ: เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันการเก็บของ เช่น โต๊ะกลางที่มีลิ้นชัก หรือเตียงที่มีพื้นที่เก็บของใต้เตียง เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับเก็บของสะสม
  • ใช้โต๊ะหรือชั้นวางที่ปรับระดับได้: เฟอร์นิเจอร์ที่สามารถปรับระดับหรือขยายได้จะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่สำหรับของสะสมได้ตามต้องการ

ในวันที่ลาบูบู้เข้ามายึดบ้าน ต้องจัดการยังไง?

เมื่อลาบูบู้เริ่มเข้ามายึดพื้นที่ในบ้าน จะจัดการยังไงดี? อารียาฯ แนะนำให้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ว่าง หรือห้องอเนกประสงค์ในบ้าน ดีไซน์ให้กลายเป็นห้องจัดเก็บลาบูบู้ หรือ Art Toys ตัวโปรดได้แบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะต่อเติมตู้ Built-in ให้เป็นที่อยู่ของลาบูบู้โดยสามารถแบ่งเป็นสัดส่วนได้ตามใจ หรือจะดีไซน์ทำเป็นเหมือนนิทรรศการขนาดย่อมสำหรับโชว์ Art Toys ตัวแรร์ไอเทมที่อยากอวด

โครงการบ้าน และทาวน์โฮม จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่รองรับฟังก์ชัน Multi-purpose Area เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันและดีไซน์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน คลิกดูบ้านหลากหลายโครงการจากอารียาฯ เพิ่มเติมได้ที่ www.areeya.co.th บ้านทำเลดี บนทำเลศักยภาพที่ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของทุกคนในบ้าน

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://marketeeronline.co/archives/362443
https://www.thaipbs.or.th/now/content/1049
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2780851

awsa

ฮวงจุ้ยห้องทำงานในบ้าน จัดยังไงช่วยเสริมงานให้ปัง

ฮวงจุ้ยห้องทำงานในบ้าน จัดยังไงให้เสริมงานให้ปัง

การจัดฮวงจุ้ยห้องทำงานในบ้าน ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี แต่ยังสามารถเสริมสร้างความสำเร็จในหน้าที่การงานของคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ! ฮวงจุ้ยห้องทำงานที่ดีสามารถเพิ่มพลังงานบวกและกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้น โดยการจัดการพื้นที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับหลักฮวงจุ้ย จะสามารถสร้างพื้นที่ทำงานที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ วันนี้อารียาฯ จะมาแนะนำวิธีการจัดฮวงจุ้ยห้องทำงานที่สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จ และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

หลักการจัดฮวงจุ้ยห้องทำงาน

การจัดฮวงจุ้ยห้องทำงานที่ดีนั้นจะช่วยเสริมพลังงานบวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งสามารถเริ่มจัดได้แบบง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก

ฮวงจุ้ยห้องทำงานกับตำแหน่งโต๊ะ

การวางโต๊ะทำงานในตำแหน่งที่เหมาะสม

  • หันหน้าไปทางประตู: โต๊ะทำงานควรตั้งหันหน้าไปทางประตูห้อง เพื่อให้มองเห็นคนที่เข้ามา และรู้สึกถึงการมีอำนาจควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ
  • หลีกเลี่ยงการนั่งหันหลังให้ประตู: การนั่งหันหลังให้ประตูอาจทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย และยังลดประสิทธิภาพการทำงานลงอีกด้วย
  • ไม่ควรนั่งติดหรือชิดกับเสา: การจัดโต๊ะทำงานติดกับเสาจะส่งผลให้มีแต่เรื่องเครียด ๆ เข้ามา หากขยับปรับเปลี่ยนไม่ได้ ก็ลองหาภาพวิวมาติดไว้เพื่อเป็นการแก้ฮวงจุ้ยได้เหมือนกัน

ทิศทางการวางโต๊ะทำงานตามความเชื่อฮวงจุ้ย

  • หันหน้าไปทางทิศเหนือ: นำพาโชคลาภในด้านอาชีพการงาน
  • หันหน้าไปทางทิศตะวันออก: เสริมความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาตัวเอง และความเจริญรุ่งเรืองเติบโต
  • หันหน้าไปทางทิศตะวันตก: ช่วยในด้านความสำเร็จ และการทำงานเป็นทีม
  • หันหน้าไปทิศใต้: จะได้รับพลังในเรื่องอำนาจชื่อเสียงบารมี

การเลือกรูปทรงโต๊ะทำงานให้เหมาะกับหลักวงจุ้ย

ฮวงจุ้ยห้องทำงานกับรูปทรงโต๊ะ

1. โต๊ะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า

ช่วยเสริมความมั่นคง สื่อถึงความแข็งแรงและความมั่นใจ ช่วยให้คุณรู้สึกถึงการควบคุมและความเป็นระเบียบ

แต่ต้องระวังตรงมุมแหลมของโต๊ะ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามุมโต๊ะไม่ได้แหลมเกินไป เพราะอาจสร้างพลังงานที่ไม่ดีและทำให้รู้สึกเครียดมากขึ้นได้

2. โต๊ะทรงกลม

ช่วยเสริมความสัมพันธ์ที่ดีและกระตุ้นการสื่อสารที่เป็นบวก เพราะไม่มีมุมแหลมที่ทำให้เกิดพลังงานลบ ช่วยให้พลังงานไหลเวียนได้ดี ช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบและเป็นมิตร แต่อาจมีพื้นที่ใช้งานน้อยกว่าโต๊ะทรงอื่น ๆ ทำให้ต้องให้ความสำคัญในการจัดสิ่งของให้เป็นระเบียบมากขึ้น

3. โต๊ะทรงโค้งมน

โต๊ะที่มีมุมโค้งมนช่วยลดพลังงานที่แหลมคม และช่วยให้รู้สึกถึงความสงบและผ่อนคลาย สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตรในพื้นที่ทำงาน

4. โต๊ะทรงไม้ธรรมชาติ

โต๊ะที่ทำจากไม้ธรรมชาติจะช่วยเสริมความอบอุ่นและพลังงานที่ดี ช่วยให้รู้สึกเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและสร้างความสงบในการทำงาน แต่โต๊ะไม้ต้องการการดูแลรักษาเป็นพิเศษเพื่อให้คงทนและดูสวยงามอยู่เสมอ

5. โต๊ะทรงอสมมาตร

สามารถใช้ในพื้นที่ที่มีขนาดจำกัด ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับพื้นที่ได้ตามต้องการ ดูมีสไตล์ มีการออกแบบที่ไม่ซ้ำใคร แต่ควรระวังการจัดวางที่อาจทำให้เกิดความไม่สมดุลในพื้นที่ทำงาน

การจัดแสงสว่างสำหรับห้องทำงานที่ตรงตามหลักฮวงจุ้ย

ฮวงจุ้ยห้องงานกับแสงสว่าง

สำหรับการจัดแสงสว่างเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญของหลักฮวงจุ้ย เพราะแสงถือว่าเป็นการเสริมพลังงานในการทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวัน หรือกลางคืน การจัดห้องทำงานควรได้รับแสงสว่างให้เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นแสงจากธรรมชาติ หรือแสงจากโคมไฟ เพราะนอกจากจะดีต่อหลักฮวงจุ้ยแล้ว ยังดีต่อการมองเห็นในเวลาทำงานด้วย ป้องกันการเกิดสุขภาพตามมาภายหลัง

 

สำหรับบ้านไหนที่มีห้องอเนกประสงค์ หรือพื้นที่ห้องนอนที่ไม่ได้ใช้งาน ก็สามารถนำมาปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานในบ้านได้เช่นกัน ตอบโจทย์คนที่ Wok from Home สุด ๆ แต่อย่าลืมที่จะวางแผนและจัดระเบียบให้ดี เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากพื้นที่ที่มีอยู่ และอย่าลืมที่จะจัดฮวงจุ้ยห้องทำงานในบ้านเพื่อเสริมงานให้ปัง เพราะการใช้หลักฮวงจุ้ยในการจัดห้องทำงานไม่เพียงแค่ทำให้พื้นที่ทำงานดูดี แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสำเร็จและความสุขในชีวิตการทำงานอย่างยั่งยืน  

 

นอกจากนี้สภาพแวดล้อมโดยรอบบริเวณบ้านก็จะช่วยส่งเสริมชีวิตและความสุขที่ดีในการทำงานอีกด้วย สำหรับใครกำลังมองหาสภาพแวดล้อมดี ๆ รอบบริเวณบ้านที่ช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานให้ดีขึ้น ลองพิจารณาบ้านจากอารียาฯ ที่มีหลากหลายโครงการ หลายสไตล์ สนใจดูโครงการบ้านของอารียาฯ คลิก                          
                                            

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://35thousand.com/en-gb/blogs/personal-growth/how-to-feng-shui-your-home-office

https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/salary-man/feng-shui.html

https://cwtower.com/th/lifestyle/office-decorating-tips/

 

awsa

เผยเคล็ดลับจัดห้องนอน เพิ่มพลังงานบวก ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอน

เคล็ดลับจัดห้องนอน เพิ่มพลังงานบวก ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอน

ห้องนอน เป็นพื้นที่ที่ทุกคนในบ้านใช้เวลาอยู่มากที่สุด ถือว่าเป็นแหล่งรวมของพลังงาน ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว การจัดพื้นที่ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอนก็จะยิ่งก่อให้เกิดพลังงานบวก เรียกว่า ‘พลังชี่’ ที่เปรียบเสมือนลมหายใจของมังกร เป็นพลังที่ดีจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว นำมาซึ่งความสุข ความสำเร็จ และความสมดุลในชีวิต วันนี้อารียาฯ เลยจะมาแนะนำหลักการจัดห้องนอนตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอน ที่ไม่ว่าใครก็สามารถนำไปปรับใช้ได้ง่าย ๆ เลย

4 เคล็ดลับจัดห้องนอนตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอน

เลือกใช้สีห้องนอน ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอน

1. เลือกใช้สีห้องนอน ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอน

เลือกสีห้องนอนให้ตรงกับวันเกิด

การเลือกสีห้องนอนตามวันเกิด ส่วนใหญ่มักจะอิงตามวันเกิดของเจ้าของห้อง เนื่องจากตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอนเชื่อว่าสีที่เหมาะสมและถูกโฉลก จะยิ่งช่วยเสริมดวงและดึงดูดพลังงานที่ดีให้กับผู้ที่อยู่อาศัย

คนที่เกิดวันอาทิตย์

  • สีที่แนะนำ: สีขาว, สีเทาควันบุหรี่
  • สีที่ควรหลีกเลี่ยง: สีแดง

คนที่เกิดวันวันจันทร์

  • สีที่แนะนำ: สีครีม, สีเหลืองอ่อน, สีเขียวอ่อน
  • สีที่ควรหลีกเลี่ยง: สีเหลืองสด, สีแดงสด, สีส้มสด

คนที่เกิดวันอังคาร

  • สีที่แนะนำ: สีฟ้าอ่อน, สีเขียวอ่อน
  • สีที่ควรหลีกเลี่ยง: สีฟ้าสด, สีเขียวสด

คนที่เกิดวันพุธ (กลางวัน)

  • สีที่แนะนำ: ใช้ 2 โทนสีตัดกัน เช่น สีฟ้า-สีขาว, สีส้ม-สีขาว
  • สีที่ควรหลีกเลี่ยง: เลี่ยงการใช้สีเข้มสีเดียว เช่น สีดำ

คนที่เกิดวันพุธ (กลางคืน)

  • สีที่แนะนำ: สีชมพูอ่อน, สีเขียวอ่อน
  • สีที่ควรหลีกเลี่ยง: สีขาว

คนที่เกิดวันพฤหัสบดี

  • สีที่แนะนำ: สีส้มอ่อน, สีพีช, สีฟ้า, สีน้ำตาล
  • สีที่ควรหลีกเลี่ยง: สีส้มสด

คนที่เกิดวันศุกร์

  • สีที่แนะนำ: สีเหลืองอ่อน, สีเขียวอ่อน, สีฟ้าอ่อน, สีพีช, สีขาว
  • สีที่ควรหลีกเลี่ยง: เลี่ยงการใช้สีสดและสีเข้ม

คนที่เกิดวันเสาร์

  • สีที่แนะนำ: สีเทาควันบุหรี่, สีเขียวอ่อน, สีขาว
  • สีที่ควรหลีกเลี่ยง: สีฟ้า

การเลือกสีตามวันเกิดสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจและความสบายใจในการอยู่อาศัยในห้องนอนได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ควรพิจารณาถึงความชอบส่วนตัวและความเหมาะสมกับการตกแต่งห้องด้วย ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอนแล้ว ควรเลือกใช้สีโทนอ่อน สบายตา เป็นสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น สงบ เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และควรเลี่ยงสีที่เข้มเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความรู้สึกเครียดและอึดอัดได้นั่นเอง

วางตำแหน่งเตียงนอน ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอน

2. การวางตำแหน่งเตียงนอน ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอน

ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอนแล้ว ควรเลือกใช้เตียงนอนที่เหมาะสมกับสรีระ หัวเตียงจะต้องมีพนักพิงแข็งแรงเพื่อเสริมความมั่นคงและปลอดภัย และไม่ตั้งให้อยู่ตรงกับประตู หน้าต่าง และบานกระจกขนาดใหญ่ เพราะถือ เป็นตำแหน่งที่ไม่ดี เป็นช่องลมที่ทำให้พลังงานไหลผ่านอย่างรวดเร็ว จะยิ่งเกิดความไม่สงบ และเตียงนอนไม่ควรอยู่ในตำแหน่งใกล้ผนังห้องครัว ห้องน้ำ และผนังที่แตกร้าว เพราะถือเป็นพลังงานลบที่รบกวนการพักผ่อน อีกทั้งตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอนยังเชื่อว่า ตำแหน่งทิศของเตียงนอนส่งผลต่อผู้พักอาศัยเป็นอย่างมาก โดยแต่ละทิศก็จะช่วยเพิ่มพลังงานในเรื่องที่ต่างกันไป ใครเน้นด้านไหนก็ลองเลือกกันดูเลย

จัดวางเฟอร์นิเจอร์ และตกแต่งห้องนอน ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอน

3. การจัดวางเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งห้องนอน ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอน

  • เลือกวางเฉพาะเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น จัดวางให้เป็นระเบียบ ให้เหลือพื้นที่โปร่งโล่งภายในห้อง ช่วยให้นอนหลับได้สบายขึ้น ไม่ควรมีสิ่งของเยอะจนเกินไปเพราะจะทำให้ห้องดูรกสายตาและรู้สึกอึดอัด
  • เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีมุมโค้งมน จะช่วยทำให้ห้องดูนุ่มนวล ช่วยลดพลังงานที่แข็งกระด้าง อีกทั้งยังปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย
  • เลือกตกแต่งห้องนอนด้วยแจกันดอกไม้ หรือรูปภาพที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงรูปภาพที่ซับซ้อน แนว Abstract และหลีกเลี่ยงดอกไม้ที่มีหนาม เพราะจะยิ่งดึงดูดพลังงานความวุ่นวาย ทำให้นอนหลับได้ไม่สนิท
  • เลือกใช้ไฟโทนสีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น อย่างแสง Warm white และ Cool white หลีกเลี่ยงการใช้ไฟแสง Daylight สีขาวสว่าง หรือสีสันฉูดฉาด เพราะจะทำให้เสียสมดุลในการนอน
  • ไม่วางสิ่งของไว้ใต้เตียง หมั่นเคลียร์พื้นที่ใต้เตียงให้สะอาดอยู่เสมอ และไม่ควรมีสิ่งของวางขวางบริเวณเตียงนอน เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคและฝุ่น และยังเป็นการช่วยให้พลังงานไหลเวียนได้ดีอีกด้วย
  • หลีกเลี่ยงการวางกระจกเงาบริเวณเตียงนอน เพราะกระจกเงาถือเป็นตัวสะท้อนพลังงานที่ไม่ดี เงาที่สะท้อนจากกระจกจะรบกวนสายตา ยิ่งทำให้นอนหลับยาก
  • หลีกเลี่ยงสิ่งของอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือในห้องนอน และไม่ควรมีมุมทำงานในห้องนอนด้วย เพราะห้องนอนเป็นพื้นที่สำหรับการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจให้พร้อมมีพลังในวันต่อไป ไม่ควรมีพลังงานอื่นมารบกวนขณะนอนหลับ ดังนั้นจึงควรแบ่งแยกห้องทำงานกับห้องนอนให้ชัดเจน

เลือกทิศทางห้องนอน ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอน

4. การเลือกทิศทางสายลมและแสงแดด ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอน

  • เลือกทิศห้องนอนที่มีความโล่ง โปร่งสบาย ให้ห้องนอนมีการถ่ายเทอากาศดี เพื่อรักษาความสดชื่น ทำให้ห้องนอนสบาย น่าอยู่ตลอดเวลา ไม่อึดอัด
  • เลือกทิศห้องนอนที่มีแสงธรรมชาติส่องถึง ให้ห้องนอนได้รับแสงธรรมชาติในช่วงเช้าและกลางวัน เพื่อเสริมพลังงานบวก และไม่รู้สึกร้อนขณะนอนหลับในตอนกลางคืน

การจัดห้องนอนตามหลักฮวงจุ้ยไม่ได้เป็นเพียงแค่การตกแต่งเท่านั้น แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่ช่วยเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิต การปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามหลักฮวงจุ้ยห้องนอน สามารถนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้ ลองนำหลักการเหล่านี้ไปใช้กันดู เพื่อจะได้สัมผัสกับพลังงานบวกที่เพิ่มขึ้นในทุก ๆ เช้าวันใหม่

ใครกำลังมองหาที่อยู่อาศัย แต่ไม่อยากเหนื่อยที่ต้องมาคอยปรับแต่งให้ตรงตามหลักฮวงจุ้ย ลองดูบ้านและทาวน์โฮมจาก อารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่มีหลากหลายโครงการ หลากหลายทำเลคุณภาพให้เลือก มาพร้อมดีไซน์และฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อย่างครบครัน ตรงตามหลักฮวงจุ้ยการอยู่อาศัย ดูรายละเอียดโครงการต่าง ๆ เพิ่มเติม ที่นี่

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://www.theroom460.com/article/24/ฮวงจุ้ยห้องนอน-ฮวงจุ้ยเตียงนอน-บิ้วอินห้องนอนอย่างไรถูกหลัก

https://www.maneerin.co.th/สีห้องนอนตามฮวงจุ้ย

https://www.thairath.co.th/horoscope/belief/2700466

https://www.toagroup.com/th/blogs/toa-home-idea-painting/303/auspicious-room-colors

 

 

awsa

แนะนำการแต่งบ้านสไตล์วินเทจ เปลี่ยนบ้านให้เก๋ไม่เหมือนใคร เหมือนอยู่บ้านในฝัน

แนะนำการแต่งบ้านสไตล์วินเทจ เหมือนอยู่บ้านในฝัน

ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่กลิ่นอายความเป็นวินเทจก็ยังคงอยู่กับเราในทุก ๆ ช่วงเวลา ไม่ว่าสไตล์การแต่งตัว เฟอร์นิเจอร์ สิ่งของเครื่องใช้ หรือแม้แต่ที่บ้านที่อยู่อาศัยก็ตาม วันนี้ อารียาฯ จะมาแชร์ทริกการแต่งบ้านสไตล์วินเทจ ให้คลาสสิก ไม่ซ้ำใคร รับรองว่ารู้สึกเหมือนได้ใช้ชีวิตอยู่บ้านในฝันอย่างแน่นอน

แต่งบ้านสไตล์วินเทจ สำหรับห้องนอน

1. เปลี่ยนห้องนอนให้กลายเป็นวินเทจสไตล์ ชวนหลงใหลในทุกค่ำคืน

ตกแต่งห้องนอนด้วยการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ เตียง โต๊ะ ที่ทำจากไม้ อาจจะหาของตกแต่งเก๋ ๆ อย่างแจกันดอกไม้มาวางข้างเตียง และลองเลือกโคมไฟสไตล์วินเทจสีอบอุ่นมาประดับ ช่วยเพิ่มอารมณ์อ่อนหวานผ่อนคลาย และดูคลาสสิก ส่วนโทนสีควรเลือกใช้โทนสีสว่างอย่างสีขาว สีครีม ตัดกับสีโทนเย็นอย่างสีฟ้าและสีเขียวพาสเทล สีสันที่ชวนฝัน ตอบโจทย์ความผ่อนคลายได้อย่างลงตัว

แต่งบ้านสไตล์วินเทจ สำหรับห้องนั่งเล่นพักผ่อน

2. แต่งบ้านสไตล์วินเทจ สำหรับมุมห้องนั่งเล่น

ชวนมาแต่งบ้านสไตล์วินเทจ สำหรับมุมห้องนั่งเล่นให้ดูมีกลิ่นอายย้อนยุค เพียงแค่เลือกโซฟาผ้าสีอ่อนจับคู่กับโต๊ะไม้สไตล์คลาสสิก เพิ่มกรอบรูปดอกไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และแจกันดอกไม้หวาน ๆ สีพาสเทลเข้ามาประดับ เสริมความละมุนให้ได้บรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างกลิ่นอายของสไตล์วินเทจ เข้ากับความอ่อนหวานได้อย่างลงตัว ทำให้กับบ้านของคุณดูมีสไตล์ได้ไม่น้อย

แต่งบ้านสไตล์วินเทจ สำหรับห้องครัวและโซนรับประทานอาหาร

3. แต่งห้องครัว และโซนรับประทานอาหารให้อบอุ่นด้วยสไตล์วินเทจ

แต่งบ้านสไตล์วินเทจ ให้กับห้องครัวและโซนรับประทานอาหารในบ้าน ให้ดูอบอุ่นเข้ากับสไตล์วินเทจ ด้วยการเลือกใช้สีขาวสบายตา ตัดกับสีน้ำตาล ด้วยตู้ โต๊ะ เก้าอี้ และเฟอร์นิเจอร์ไม้ เพิ่มความคลาสสิกให้กับลุคของบ้านโดยรวม ให้คุณได้ใช้เวลารับประทานอาหารกับครอบครัวท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นในทุก ๆ มื้อ

แต่งบ้านสไตล์วินเทจ สำหรับพื้นที่โล่งข้างบ้านให้เป็นมุมอเนกประสงค์

4. เปลี่ยนพื้นที่โล่งให้กลายเป็นมุมอเนกประสงค์สุดเก๋

เติมความหวานละมุนให้พื้นที่อเนกประสงค์ ด้วยการแต่งบ้านสไตล์วินเทจ กับฟังก์ชันห้องบานกระจก ให้แสงธรรมชาติส่องเข้ารอบด้าน พร้อมเสริมเติมแต่งภายในห้องด้วยดอกไม้สีพาสเทลในตระกร้าหวาย แมตช์กับชุดโต๊ะกลมหวาย พร้อมเก้าอี้ ไว้สำหรับการนั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ จิบชายามบ่าย หรือจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมงานอดิเรกในวันหยุดสุดสัปดาห์

หากต้องการบ้านสไตล์วินเทจแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความคลาสสิก อารียาฯ มีโครงการที่ตกแต่งบ้านสไตล์วินเทจมาแนะนำ อย่างโครงการ ‘เดอะ วิลเลจ’ บ้านแนวคิดใหม่ ในสไตล์ American Cottage ให้ความเป็นส่วนตัวทุกหลัง กับดีไซน์ที่ผนังบ้านเป็นอิสระไม่ติดใคร มาพร้อมพื้นที่ความสุขรองรับการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันเป็นห้องอเนกประสงค์สำหรับการทำตามความฝัน หรือทำงานอดิเรก ท่ามกลางสวนสีเขียวรอบโครงการ คลิกดูรายละเอียดโครงการ เดอะ วิลเลจ เพิ่มเติม ที่นี่

หรือลองดูโครงการอื่น ๆ จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ เพิ่มเติมได้ที่ www.areeya.co.th บ้านคุณภาพ หลากหลายโครงการ บนทำเลศักยภาพ ที่ตอบโจทย์ครบทุกการอยู่อาศัยของทุกคนในบ้าน

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://www.central.co.th/e-shopping/15-ideas-for-vintage-home-decor

https://areeya.co.th/villagetown/thevillage-chaiyaphruek-wongwaen/

https://nocnoc.com/blog/10-ideas-for-shabby-chic-living-room/

awsa

สินเชื่อบ้าน ‘รีไฟแนนซ์’ กับ ‘รีเทนชั่น’ คืออะไร ? เลือกแบบไหนคุ้มกว่า ?

สินเชื่อบ้าน รีไฟแนนซ์ รีเทนชั่น ตัดสินใจเลือกแบบไหนดี?

ในยุคที่อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การบริหารจัดการสินเชื่อบ้านกลายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับผู้กู้สินเชื่อ เมื่อเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้าน สินเชื่อคอนโด มีการปรับตัว การพิจารณาทางเลือกที่ดีที่สุดระหว่างการรีไฟแนนซ์ (Refinance) และการรีเทนชั่น (Retention) จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

อารียาฯ ชวนผู้กู้สินเชื่อบ้าน สินเชื่อคอนโดทุกคน มาทำความเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละทางเลือก เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการตัดสินใจให้คุณเลือกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง ช่วยทำให้สินเชื่อบ้านของคุณมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุดในยุคปัจจุบัน

ทำความรู้จัก รีไฟแนนซ์ กับ รีเทนชั่น คืออะไร ? ต่างกันอย่างไร ?

รีไฟแนนซ์ (Refinance)

คือ กระบวนการที่ผู้กู้สินเชื่อทำการยกเลิกสินเชื่อเดิมที่มีอยู่ และทำการสมัครสินเชื่อใหม่กับธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ได้เงื่อนไขทางการเงินที่ดีกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง การชำระหนี้รายเดือนที่ลดลง หรือการเปลี่ยนแปลงระยะเวลาการชำระหนี้

ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์

  • ประเมินสถานะการเงิน: ตรวจสอบสถานะการเงินของตนเอง รวมถึงการคำนวณความคุ้มค่าของการรีไฟแนนซ์
  • เปรียบเทียบข้อเสนอจากธนาคารต่างๆ: ตรวจสอบและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขจากธนาคารหรือสถาบันการเงินหลายแห่ง
  • ยื่นขอสินเชื่อใหม่: ทำการสมัครสินเชื่อใหม่กับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่มีข้อเสนอที่ดีที่สุด
  • ปิดสินเชื่อเดิม: เมื่อสินเชื่อใหม่ได้รับการอนุมัติ ใช้เงินจากสินเชื่อใหม่ในการชำระหนี้สินเชื่อเดิมทั้งหมด
  • ชำระหนี้ตามเงื่อนไขใหม่: เริ่มการชำระหนี้ตามเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อใหม่

รีเทนชั่น (Retention)

คือ กระบวนการที่ผู้กู้สินเชื่อทำการเจรจากับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าของสินเชื่อเดิม เพื่อปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสินเชื่อโดยไม่ต้องทำการยกเลิกสินเชื่อเดิมและสมัครสินเชื่อใหม่ การรีเทนชั่นมักเกิดขึ้นเมื่อธนาคารต้องการรักษาลูกค้าเดิมและป้องกันไม่ให้ลูกค้าไปทำการรีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่น

ขั้นตอนการรีเทนชั่น

  • ตรวจสอบเงื่อนไขสินเชื่อเดิม: ตรวจสอบเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อเดิมเพื่อประเมินความคุ้มค่าของการรีเทนชั่น
  • เปรียบเทียบข้อเสนอ: ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขจากธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่นเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเจรจา
  • เจรจากับธนาคารเดิม: ติดต่อธนาคารเดิมและเจรจาขอปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสินเชื่อตามที่ต้องการ
  • ทำข้อตกลงใหม่: หากการเจรจาประสบความสำเร็จ ทำการลงนามในข้อตกลงใหม่ที่ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสินเชื่อ
  • ปฏิบัติตามเงื่อนไขใหม่: เริ่มการชำระหนี้ตามเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ได้เจรจาไว้

เทียบข้อดี ข้อเสีย ของรีไฟแนนซ์ กับรีเทนชั่น

เปรียบเทียบความต่าง ข้อดี-ข้อเสีย ของรีไฟแนนซ์ กับ รีเทนชั่น

  ข้อดี ข้อเสีย
รีไฟแนนซ์ ·       สามารถเลือกเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยได้หลากหลายธนาคาร

·       ได้อัตราดอกเบี้ยในเรทต่ำ

·       ต้องจัดเตรียมเอกสารการยื่นกู้ใหม่ทั้งหมด

·       มีค่าธรรมเนียมในการรีไฟแนนซ์ที่ต้องจ่าย เช่น การจัดการสินเชื่อตามสัญญาใหม่ 0-3%

รีเทนชั่น ·       ไม่ต้องเสียเวลายื่นเอกสาร เตรียมเอกสารแค่คู่สัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชน

·       มีเพียงแค่ค่าธรรมเนียมการรีเทนชั่น

1-2% ของวงเงินกู้เท่านั้น

·       ระยะเวลาในการอนุมัติรวดเร็ว

·       อัตราดอกเบี้ยอาจลดลงเพียงเล็กน้อย โดยอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

 

จะเห็นได้ว่า รีเทนชั่น มีความสะดวกในการขอลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่า ส่วนการรีไฟแนนซ์ จะมีโอกาสในการเลือกอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้หลากหลายกว่า โดยผู้กู้สินเชื่อควรเลือกอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในเงื่อนไขที่ดีที่สุด และอาจขอคำปรึกษากับสถาบันการเงินที่กู้อยู่เดิมก่อนเพื่อขอเปรียบเทียบดอกเบี้ยของ รีเทนชั่น ก่อนที่จะดำเนินการ รีไฟแนนซ์ ก็ได้

หากถามว่าควรเลือกตัดสินใจว่าจะ รีไฟแนนซ์ หรือ รีเทนชั่น ดี คำตอบนั้นขึ้นอยู่กับการวางแผนและสถานการณ์ทางการเงินของผู้กู้สินเชื่อแต่ละคน จะเห็นได้ว่า รีเทนชั่น มีความสะดวกในการขอลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่า ส่วนการรีไฟแนนซ์ จะมีโอกาสในการเลือกอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้หลากหลายกว่า โดยผู้กู้สินเชื่อควรเลือกอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในเงื่อนไขที่ดีที่สุด และอาจขอคำปรึกษากับสถาบันการเงินที่กู้อยู่เดิมก่อนเพื่อขอเปรียบเทียบดอกเบี้ยของรีเทนชั่น ก่อนที่จะดำเนินการรีไฟแนนซ์ ก็ได้

อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ สินเชื่อบ้าน สินเชื่อคอนโด อัปเดตล่าสุด 2567

ธนาคาร อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี* วงเงินกู้สูงสุด ระยะเวลากู้ (ปี)
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 3.50% 90% 30 ปี
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 3.70% 100% 40 ปี
ธนาคารกรุงไทย 3.33% 100% 40 ปี
ธนาคารกรุงเทพ 3.33% 100% 40 ปี
ธนาคารไทยพาณิชย์ 3.42% 100% 30 ปี
ธนาคารกสิกรไทย 3.67% 100%

30 ปี

 

 

ข้อมูลอ้างอิงจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย (วันที่ 4 กรกฎาคม 2567)

*อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

สามารถเปรียบเทียบและคำนวณอัตราดอกเบี้ยบ้านและคอนโด จากธนาคารชั้นนำต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง ที่ https://areeya.co.th/loan-calculator/

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :

https://advicecenter.kkpfg.com/th/money-matter/refinance-retention

https://www.moneybuffalo.in.th/real-estate/homeloan-refinance

https://www.pptvhd36.com/wealth/economic/209473

awsa

ป้องกันก่อนบานปลาย! กับ 7 วิธีดูแลบ้านหน้าฝน

การดูแลบ้านหน้าฝน ต้องรีบป้องกันก่อนปัญหาจะเกิด เพื่อรับมือไม่ให้บ้านพัง ทรุดโทรม หรือน้ำรั่วซึม จะยิ่งเป็นปัญหาที่ทำให้เจ้าของบ้านหนักใจ อารียาฯ มีทริกดี ๆ มาให้ทุกคนนำไปป้องกันบ้าน ก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย กับ 7 วิธีรับมือและการดูแลบ้านหน้าฝน

ดูแลบ้านหน้าฝน หมั่นสังเกตรอยร้าวหลังคา ฝ้า ผนัง

1. ดูแลบ้านหน้าฝน ต้องหมั่นสังเกตรอยร้าวหลังคา ฝ้า ผนัง

การตรวจดูรอยรั่วซึม และรอยแตกร้าวภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นหลังคา ฝ้า ผนัง และรอยต่อของวัสดุต่าง ๆ หากเจอปัญหารอยร้าว ควรรีบซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน เพราะถ้าหากยังไม่แก้ไขแล้วฝนตก อาจเกิดปัญหาน้ำรั่วซึม ทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ บานปลายตามมาได้

ดูแลบ้านหน้าฝน หมั่นเคลียร์รางน้ำ และล้างท่อระบายน้ำ

2. ดูแลบ้านหน้าฝน ต้องหมั่นเคลียร์รางน้ำ และล้างท่อระบายน้ำ

หมั่นเคลียร์ทำความสะอาดรางน้ำฝน ไม่ให้มีเศษใบไม้ไปอุดตันขวางทางน้ำไหลลง เพราะเวลาฝนตกหนัก ๆ อาจทำให้น้ำไหลย้อนเข้าบ้าน​ และควรล้างท่อระบายน้ำทั้งส่วนที่มองเห็นอย่างบริเวณปากท่อ และส่วนที่มองไม่เห็นอย่างท่อระบายน้ำในผนังหรือใต้ดิน ควรทำความสะอาดอย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน เพื่อป้องกันท่อระบายน้ำอุดตัน

ดูแลบ้านหน้าฝน ทำความสะอาดพื้นเป็นประจำ ทั้งก่อนและหลังฝนตก

3. ดูแลบ้านหน้าฝน ควรหมั่นทำความสะอาดพื้นเป็นประจำ ทั้งก่อนและหลังฝนตก

เมื่อฝนตก คราบดินที่พัดมากกับละอองน้ำฝนจะทำให้พื้นบ้านด้านนอกเป็นคราบสกปรก ไม่น่ามอง ยิ่งปล่อยเอาไว้ให้น้ำท่วมขังจนตะไคร่จับ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้ง่ายอีกด้วย และหากปล่อยไว้นาน คราบเหล่านี้จะยิ่งติดแน่นฝังลึก ทำความสะอาดยาก และนอกจากนี้ควรทำร่องยาแนวพื้นให้ใหม่อยู่เสมอ จะทำให้ไม่เกิดปัญหาน้ำเข้าไปยังใต้พื้นบ้านได้ด้วย

ดูแลบ้านหน้าฝน ทาสีบ้านให้สวยใหม่อยู่เสมอ

4. ดูแลบ้านหน้าฝน ด้วยการทาสีบ้านให้สวยใหม่อยู่เสมอ

เพราะเวลาที่ฝนสาดมาที่ผนังบ้านจะทำให้สีบ้านยิ่งซีด โทรม และเกิดชื้อราได้ง่าย ควรเลือกใช้สีทาบ้านที่มีคุณภาพ ไม่หลุดร่อนง่าย และป้องกันเชื้อราจากความชื้นได้ ยิ่งโดยเฉพาะส่วนที่ทำจากไม้ ยิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ จะยิ่งช่วยให้บ้านน่ามองดู ไม่เก่า และไม่ทรุดโทรม

ดูแลบ้านหน้าฝน หมั่นตัดแต่งกิ่งไม้

5. ดูแลบ้านหน้าฝน ต้องหมั่นตัดแต่งกิ่งไม้

ในช่วงหน้าฝนควรตัดแต่งดูแลกิ่งไม้เป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงที่ลมแรงเป็นพิเศษ ทำให้เศษใบไม้ กิ่งไม้ ร่วงเกลื่อนกลาด และควรระวังกิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัวบ้าน เพราะหากเกิดพายุหรือฝนตกหนัก อาจจะเกิดอันตรายต่อคนในบ้านได้ และยังอาจทำให้ตัวบ้านเกิดความเสียหายได้อีกด้วย

ดูแลบ้านหน้าฝน เติมกันสาด

6. ดูแลบ้านหน้าฝน ด้วยการเติมกันสาด ต่อชายคาช่วยบังฝน

กันสาดสามารถช่วยบังน้ำฝนไม่ให้สาดเข้าตัวบ้าน และที่สำคัญยังเป็นการป้องกันการเกิดคราบเชื้อรา หรือคราบตะไคร่น้ำตามประตู หน้าต่าง หรือผนังบ้าน ในจุดที่ต้องโดนน้ำฝนบ่อย ๆ การติดตั้ง ต่อเติมกันสาดบริเวณชายค้าบ้านจึงถือเป็นตัวช่วยป้องกันไม่ให้น้ำฝนสาดโดนตัวบ้านโดยตรง ลดโอกาสที่ตัวบ้านจะผุพัง

ดูแลบ้านหน้าฝน หมั่นดูแลสวนรอบบ้านไม่ให้รก

7. ดูแลบ้านหน้าฝน ต้องหมั่นดูแล จัดสวนรอบบ้านไม่ให้รก

ช่วงหน้าฝน ต้นไม้หรือหญ้าในสวนมักจะเติบโตได้ไว ซึ่งจะกลายเป็นแหล่งรวมที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษ ดังนั้นเจ้าของบ้านต้องไม่ปล่อยให้ต้นไม้หรือหญ้าสูงรก พร้อมตกแต่งสวนด้วยสวนหิน หรือสวนกระถางที่เคลื่อนย้ายได้ง่าย อีกทั้งต้องหมั่นคอยเช็กไม่ให้มีน้ำขัง เพื่อลดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ไม่ให้เป็นแหล่งกำเนิดโรคต่าง ๆ   

เมื่อเรารับมือดูแลบ้านหน้าฝน เพื่อป้องกันปัญหาบ้านในหน้าฝนได้อย่างถูกวิธี ก่อนจะเกิดปัญหาบานปลาย บ้านก็จะไม่ชำรุด โทรม หรือผุพัง และยังเป็นการลดความเสี่ยงที่บริเวณบ้านจะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค เชื้อรา ที่มากับความชื้น หากทำตาม 7 วิธีนี้ ก็จะช่วยให้เจ้าของบ้านทุกท่านป้องกันปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงที

หมดห่วง! กับปัญหาบานปลาย ลองดูโครงการบ้านและทาวน์โฮมคุณภาพ จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ บ้านทำเลดี บนทำเลศักยภาพ ลดความกังวลเรื่องปัญหาต่าง ๆ ไปได้เยอะ เพราะงานก่อสร้างคุณภาพ และโปรแกรมตรวจเช็กบ้านฟรี! Areeya Home Health Check On Tour ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยทุกครอบครัวรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจตลอดการอยู่อาศัย คลิกดูโครงการต่าง ๆ หลากหลายทำเล ได้ที่ www.areeya.co.th

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://www.thaiwatsadu.com/th/articles/home-maintenance-rainy-season

https://www.the1.co.th/the1today/articles/7145

https://nocnoc.com/blog/how-to-protect-your-home-during-rainy-season/

awsa

แต่งบ้านให้ดูธรรมชาติ ด้วยไม้มงคลปลูกในบ้าน

ไม้มงคลปลูกในบ้าน

ถ้าพูดถึง ‘ไม้มงคลปลูกในบ้าน’ ยุคนี้คนไทยส่วนมากมักนำมาปลูกในบ้านเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับผู้อยู่อาศัย อีกทั้งยังนำมาตกแต่งห้องต่างๆ ให้ตรงเทรนด์ตามแบบฉบับ Pinterest ได้อีกด้วย วันนี้ อารียาฯ เลยได้รวบรวมไม้มงคลปลูกในบ้าน อาทิ ต้นโอลีฟ ยางอินเดีย พลูด่าง เฟิร์นข้าหลวง ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ฯลฯ มาแนะนำ มาดูกันเลยว่าไม้มงคลปลูกในบ้านต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยตกแต่งบ้านออกมาให้ดูสวยงาม เพิ่มความเป็นธรรมชาติให้บ้านได้อย่างไรบ้าง

แต่งบ้านให้ดูธรรมชาติ ด้วยไม้มงคลปลูกในบ้าน

ต้นไม้มงคลปลูกในบ้าน จะยิ่งช่วยทำให้แต่ละโซนของบ้านดูสดชื่น แจ่มใส ร่มรื่น มีชีวิตชีวา

ไม้มงคลปลูกในบ้าน ปลูกในห้องรับแขก คลายร้อนได้ดี

ไม้มงคลปลูกในบ้าน ปลูกในห้องรับแขก คลายร้อนได้ดี

ไม้มงคลปลูกในบ้านที่นิยมใช้มาตกแต่งในห้องนั่งเล่น ที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ได้แก่

  • ต้นลิ้นมังกร เพราะเป็นพืชที่เลี้ยงดูแลง่าย แข็งแรง และเติบโตได้กับทุกสภาพอากาศ
  • ต้นหมากเหลือง นิยมปลูกไว้ภายในบ้าน โดยเฉพาะห้องนั่งเล่น เพื่อเพิ่มสีสันและบรรยากาศให้ห้องนั่งเล่นน่ามองยิ่งขึ้น 
  • พืชตระกูลเฟิร์น ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้าน ที่สำคัญเป็นต้นไม้ที่ทำให้บ้านเย็น ช่วยเพิ่มความชื้น แถมยังฟอกอากาศได้ จึงทำให้ภายในห้องนั่งเล่นรวมไปถึงทุกห้องภายในบ้านมีอากาศบริสุทธิ์ หายใจได้เต็มปอด เหมือนได้นั่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ 

จัดมุมไม้มงคลปลูกในห้องนอน

จัดมุมไม้มงคลปลูกในห้องนอน 

ลองจัดโซนไม้มงคลไว้ในห้องนอนให้ดูมีความพิเศษ ด้วยการใช้ขาตั้งกระถางต้นไม้ สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย และทำความสะอาดง่าย การใช้ขาตั้งกระถางต้นไม้มีความสูงหลายขนาด การจัดสวนต้นไม้เล็กๆ ในห้องนอนจะดูมีมิติมากขึ้น ถ่ายรูปมุมไหนก็โดนใจ พร้อมตื่นเช้ามารับแสงแดดยามเช้าพร้อมกับต้นไม้สีเขียว มองดูแล้วสดชื่น

แต่งห้องน้ำจากไม้มงคลปลูกในบ้าน ช่วยดูดซับกลิ่น

ตกแต่งห้องน้ำด้วยต้นไม้มงคลปลูกในบ้านก็ช่วยเพิ่มบรรยากาศความเป็นธรรมชาติภายในบ้าน และยังช่วยดูดซับกลิ่นเหม็นอับ เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ 

วิธีการเลือกต้นไม้สำหรับตกแต่งห้องน้ำ

1. เลือกต้นไม้ที่ดูแลง่าย และต้องการแสงน้อย

เนื่องจากห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่แสงแดดส่องถึงน้อย ควรเลือกต้นไม้ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม เช่น ต้นไม้จำพวกพลูชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพลูด่าง พลูงาช้าง หรือพลูฉลุ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดี และสามารถเลี้ยงอยู่ในน้ำได้

2. เลือกต้นไม้แต่งห้องน้ำที่ทนต่อความชื้น

ห้องน้ำมีความชื้นสูง อาจทำให้ต้นไม้บางชนิดนั้นเกิดอาการรากเน่าได้ง่าย โดยควรเลือกต้นไม้ที่เติบโตได้ภายใต้ความชื้น และต้นไม้ที่สามารถดูดซับความชื้นได้ดี เช่น ต้นเดหลี ต้นมอนสเตอร่า และต้นเฟิร์นบอสตัน

3. เลือกต้นไม้แต่งห้องน้ำที่มีสีสันสวยงาม และมีกลิ่นหอม

การเลือกต้นไม้ที่ช่วยเพิ่มสีสันและมีกลิ่นหอม จะยิ่งทำให้บรรยากาศภายในห้องน้ำนั้นสวยงาม สดชื่น และต้นไม้ประเภทไม้ดอกที่แนะนำให้นำมาปลูกในห้องน้ำ ได้แก่ ต้นเดหลีดอกสีขาวกลิ่นหอมเย็น หรือต้นกล้วยไม้ที่มีสีสันโดดเด่นกลิ่นหอมละมุน

เมื่อเราเลือกไม้มงคลปลูกในบ้านที่เหมาะกับการตกแต่งบ้านของเราได้แล้ว ก็อย่าลืมที่จะเลือกโครงการบ้านที่มีแนวคิดและการออกแบบที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์คนรักธรรมชาติอย่างแท้จริง

COMO BOTANICA II โครงการบ้านแนวคิดธรรมชาติ จากอารียาฯ

ออกแบบชีวิต ให้ชิดธรรมชาติ กับโครงการ COMO BOTANICA II บ้านสไตล์ Urban Botanical ให้คุณได้ใกล้ชิดธรรมชาติในทุกๆ วัน พร้อมสวนส่วนตัวทุกหลังและฟังก์ชันที่รังสรรค์มาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัย

ดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม คลิก

COMO BIANCA II โครงการบ้านแนวคิดธรรมชาติ จากอารียาฯ

สัมผัสชีวิตสไตล์ Minimal Eco-Living เต็มรูปแบบก่อนใคร กับโครงการ COMO BIANCA II บ้านสไตล์ Minimal Eco Living ที่ให้ผู้อยู่อาศัยทุกคนได้พบกับความเรียบง่ายในรูปแบบของตัวเอง พร้อมเส้นสายสถาปัตยกรรม ฟังก์ชันการใช้สอยที่ถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวันที่ผสมผสานความมินิมอล และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม คลิก

คลิกดูโครงการอื่นๆ จากอารียาฯ เพิ่มเติมได้ที่ www.areeya.co.th บ้านคุณภาพ ดีไซน์ถึง บนทำเลศักยภาพที่ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของทุกคนในบ้าน

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : 

https://nocnoc.com/blog/10-trees-to-cool-in-livingroom/

https://homeday.co.th/10-ideas-for-planting-inbedroom/

https://th.my-best.com/52296

https://home.kapook.com/view232409.html

 

awsa