รู้ก่อนซื้อบ้าน ! ราคาบ้านขึ้นปีละเท่าไร ตรวจสอบอย่างไร ?

“ราคาบ้าน” เป็นสิ่งที่คนอยากซื้อบ้านให้ความสนใจ โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อราคาบ้านมีแนวโน้มขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความกังวลว่าราคาจะยังคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนเลยอาจสงสัยว่าราคาบ้านเฉลี่ยในประเทศเพิ่มขึ้นปีละเท่าไร หรือเพิ่มขึ้นปีละกี่เปอร์เซ็นต์

บทความนี้จึงอยากมาช่วยไขข้อสงสัย พร้อมแนะนำวิธีการตรวจสอบราคาประเมินที่ดินด้วยตนเองอย่างง่าย ๆ ตอบโจทย์คนกำลังหาข้อมูลก่อนซื้อบ้านแน่นอน !

ราคาบ้านขึ้นปีละเท่าไร

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาบ้าน

ราคาที่ดิน

โดยทั่วไปแล้ว ทำเลที่ดินที่มีศักยภาพ หรือ อยู่ในย่านใจกลางเมือง ย่อมมีราคาสูงและมีจำนวนจำกัด ส่งผลให้ราคาบ้านในบริเวณนั้นสูงตามไปด้วย

ประเภทของบ้าน

ประเภทของบ้านก็ส่งผลต่อราคาเช่นกัน เพราะบ้านในแต่ละประเภท มีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกัน เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยที่ไม่เหมือนกัน

  • บ้านเดี่ยว : โดยทั่วไปจะมีพื้นที่มากกว่าประเภทอื่น ๆ มาพร้อมกับความเป็นส่วนตัวสูง ราคาของบ้านเดี่ยวจะขึ้นอยู่กับขนาด ฟังก์ชันการใช้งาน และความหรูหราของบ้าน
  • ทาวน์โฮม : มีพื้นที่น้อยกว่าบ้านเดี่ยว แต่ยังคงความเป็นส่วนตัว ราคาของบ้านจะขึ้นอยู่กับขนาด ฟังก์ชันการใช้งาน และทำเลที่ตั้ง
  • คอนโดมิเนียม : เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคนโสด คู่รัก หรือครอบครัวขนาดเล็ก ที่ต้องการความสะดวกสบาย ปลอดภัย และต้องการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาด ฟังก์ชันการใช้งาน วิว ชั้นที่ตั้ง และสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ

ขนาดของบ้าน

โดยทั่วไปแล้ว บ้านที่มีขนาดใหญ่กว่า ย่อมมีราคาสูงกว่า เนื่องจากต้องใช้ทรัพยากรในการก่อสร้างมากกว่า และรองรับฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย

อัตราเงินเฟ้อ

เงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อราคาบ้านโดยตรง เนื่องจากในภาวะเงินเฟ้อ อำนาจซื้อของเงินลดลง ราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงงานมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างอาคารพักอาศัยเพิ่มสูงขึ้น

การประเมินราคาบ้านจากธนาคาร พิจารณาจากอะไรบ้าง ?

การประเมินราคาบ้านจะพิจารณาจากปัจจัยหลัก ๆ 3 ประการ ดังนี้

1. ราคาประเมินของกรมธนารักษ์

เป็นราคากลางที่กรมธนารักษ์ประเมินไว้ ซึ่งสามารถใช้เป็นราคาอ้างอิงได้ โดยปัจจุบันสามารถค้นหาราคาประเมินที่ดินหรือบ้านผ่านเว็บไซต์ของกรมฯ ด้วยตนเอง โดยราคาประเมินมักจะต่ำกว่าราคาซื้อขายและราคาตลาดค่อนข้างมาก

2. ราคาตลาดและทำเล

ราคาของทรัพย์สินชนิดเดียวกันในละแวกหรือทำเลใกล้เคียงกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการและสิ่งอำนวยความสะดวกในบริเวณนั้น ๆ ราคาตลาดจะกำหนดโดยผู้ขาย นักลงทุน และผู้ซื้อ ในบางพื้นที่ราคาตลาดอาจสูงกว่าราคาประเมินของกรมธนารักษ์ได้ถึง 20-40%

3. ปัจจัยเสริมอื่น ๆ

เช่น ลักษณะของบ้าน ขนาดบ้านและที่ดิน อายุบ้าน โครงสร้างและวัสดุก่อสร้าง สภาพบ้าน รวมถึงเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ในโฉนด ปัจจัยเหล่านี้ล้วนช่วยกำหนดราคาบ้าน

ราคาบ้านขึ้นปีละเท่าไร ?

สำหรับราคาบ้านที่ขยับสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี หลัก ๆ แล้วมีปัจจัยมาจากราคาประเมินที่ดินที่ปรับเพิ่มขึ้นและการปรับขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำ

ทั้งนี้ จากประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่รอบปี 2566-2569 ของกรมธนารักษ์ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป มีรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของราคาบ้าน ดังนี้

  1. ภาพรวมทั่วประเทศ ราคาประเมินที่ดินรอบใหม่ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 8%
  2. สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ ราคาประเมินที่ดินปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 3%
  3. ทำเลที่มีราคาประเมินที่ดินแพงที่สุดในกรุงเทพฯ ได้แก่ บริเวณกลางเมืองตามแนวรถไฟฟ้า อาทิ ถนนสีลม เพลินจิต วิทยุ และพระราม 1 บริเวณหน้าสยามสแควร์ถึงถนนเพลินจิต ซึ่งมีราคาประเมินที่ดินสูงถึง 1,000,000 บาทต่อตารางวา
  4. นอกจากนี้ ราคาประเมินที่ดินในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ยังได้รับการปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมีรายละเอียดตามที่ระบุไว้ในเอกสารประกอบ สามารถตรวจสอบเบื้องต้นบนเว็บไซต์ของกรมธนารักษ์ได้เลยที่ https://assessprice.treasury.go.th/

ดังนั้น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในปี พ.ศ. 2567 รวมถึงราคาประเมินที่ดินรอบใหม่ และราคาที่ดินในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ปรับเพิ่มขึ้น ทั้งหมดประกอบกัน คาดว่าจะทำให้ราคาบ้านในปี 2567 นี้ จำเป็นต้องปรับเพิ่มขึ้น 5-10% จากปีก่อนหน้า

ช่องทางตรวจสอบราคาประเมินที่ดินด้วยตนเอง

สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจสอบราคาประเมินที่ดินด้วยตนเอง สามารถประเมินได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

  • เว็บไซต์ของกรมธนารักษ์ https://assessprice.treasury.go.th/
  • แอปพลิเคชันของกรมธนารักษ์ “TRD Property Valuation” สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งในระบบ iOS และ Android
  • ศูนย์บริการข้อมูลของกรมธนารักษ์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 0-2270-0360-63 และ 0-2059-4999

เมื่อสรุปแล้ว ราคาบ้านในประเทศไทยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 5-10% ในปี 2567 จากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่วางแผนซื้อบ้าน แนะนำให้ตรวจสอบราคาประเมินที่ดินผ่านช่องทางต่าง ๆ ข้างต้น ก็จะช่วยประกอบการตัดสินใจซื้อบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

หากรอซื้อบ้าน ราคาอาจเพิ่มมากขึ้น เข้ามาเลือกดูโครงการบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ ทำเลดี เดินทางสะดวกได้ที่โครงการของอารียา พรอพเพอร์ตี้ มีหลากหลายทำเลให้เลือกตามความต้องการ ตอบโจทย์การอยากมีบ้านในฝันของทุกคน นัดหมายเพื่อเข้าชมหรือสนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ Line: @areeyahome

 

แหล่งอ้างอิง

  1. ทำไมราคา “ที่ดิน” ถึงไม่มีวันลดลง ?. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567
  2. ระบบเผยแพร่ราคาประเมินทรัพย์สิน. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567
  3. การประเมินราคาบ้าน พิจารณาจากอะไรบ้าง ?. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567
  4. ปัจจัยใดบ้าง ส่งผลให้ ราคาบ้านและคอนโดพุ่งสูงขึ้น. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567
awsa

ไขคำตอบ ! บ้านควรหันทิศไหนให้ชีวิตดี เสริมฮวงจุ้ย

การเลือกซื้อบ้านเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต แต่นอกจากเรื่องของขนาด ฟังก์ชันการใช้งาน วัสดุ และราคาแล้ว ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่คนไทยให้ความสำคัญ นั่นคือเรื่องทิศทางของบ้าน ว่าควรหันหน้าบ้านไปทางทิศไหนดี เนื่องจากหลายคนเชื่อกันว่าทิศของบ้านที่ดีจะส่งผลต่อฮวงจุ้ย นำโชคลาภ และความเป็นอยู่ที่ดีมาสู่ผู้อยู่อาศัย บทความนี้จึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางที่เหมาะสมว่าบ้านควรหันทิศไหน เพื่อเป็นแนวทางให้สามารถเลือกบ้านที่ถูกโฉลก เหมาะกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย

เลือกบ้านให้หน้าบ้านหันทิศไหนดี

เลือกหน้าบ้านหันทิศไหนดี ?

การเลือกทิศทางของบ้านเป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่เพียงแต่ในเรื่องของฮวงจุ้ย แต่ยังรวมถึงปัจจัยด้านสภาพอากาศและความเป็นส่วนตัว ซึ่งแต่ละทิศก็ล้วนมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป

ทิศเหนือ

มีความเชื่อกันว่า การหันหน้าบ้านไปทางทิศเหนือจะเสริมความเจริญรุ่งเรือง อำนาจบารมี และหน้าที่การงาน แต่นอกเหนือจากเรื่องความเชื่อแล้ว การหันบ้านไปทางทิศเหนือ ยังจะโดนแดดน้อยกว่าทิศทางอื่น ๆ ทำให้บ้านมีอากาศที่เย็นสบาย ลมพัดโกรกเข้ามาง่าย

ทิศใต้

การหันหน้าบ้านไปทางทิศใต้ตามหลักฮวงจุ้ย เชื่อว่าจะช่วยในเรื่องของการรับทรัพย์ เสริมโชคลาภและความมั่งคั่ง อีกทั้งยังเป็นทิศที่มีอากาศพัดผ่านตลอดวัน แต่ในช่วงเที่ยงวัน ตัวบ้านอาจต้องรับแสงแดดค่อนข้างเยอะ จึงควรมีกันสาด ม่าน หรือต้นไม้ เพื่อพรางแสงแดดไว้ เรียกได้ว่าเป็นทิศที่ได้รับลมและแสงแดดอย่างครบถ้วน

ทิศตะวันออก

อยากเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการรับแสงตอนเช้า เปิดรับความเป็นสิริมงคล ต้องเลือกหันบ้านไปในทางทิศตะวันออก โดยจะได้รับแสงแดดอ่อน ๆ ในช่วงเช้าไปจนถึงกลางวัน เหมาะสำหรับคนที่ชอบตื่นมารับแสงแดดและทำงานบ้าน อย่างการซักผ้า ตากผ้า หรือทำงานบ้านอื่น ๆ โดยหลังเที่ยงเป็นต้นไปจะเริ่มเย็นสบายขึ้น เนื่องจากแสงแดดจะเริ่มคล้อยไปด้านหลังบ้านแทน ซึ่งในตามหลักฮวงจุ้ย มีความเชื่อกันว่าเป็นทิศที่ส่งผลต่อดีสุขภาพกายและใจ ทำให้ผู้อยู่อาศัยแข็งแรงแจ่มใส

ทิศตะวันตก

คนที่เริ่มใช้ชีวิตในตอนบ่ายต้องถูกใจกับทิศนี้ เนื่องจากทิศตะวันออกเป็นทิศที่แสงแดดจะส่องถึงในช่วงบ่าย โดยไม่รบกวนยามเช้า ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่า การหันหน้าบ้านทางทิศตะวันตกที่ได้รับแสงแดดปริมาณมาก จะเป็นเหมือนกับแสงไฟที่ส่องเฉิดฉายลงมายังผู้อยู่อาศัย ให้ได้รับชื่อเสียงและเกียรติยศ อีกทั้งยังเป็นทิศที่ได้รับแสงแดดเพียงพอจนไม่ต้องกังวลเรื่องความอับชื้นและเชื้อรา

เสริมฮวงจุ้ย บ้านควรหันทิศไหน

เสริมฮวงจุ้ย ! ส่องปัจจัยพิจารณาในการเลือกซื้อบ้านเพิ่มเติม

นอกจากการตรวจสอบว่าบ้านควรหันทิศไหนดีแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อบ้านเพื่อเสริมฮวงจุ้ยด้วย ดังนี้

โครงสร้างแข็งแรง มั่นคง

โครงสร้างบ้านที่ดี ถือเป็นรากฐานสำคัญตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อเสริมบ้านให้มีความแข็งแรง มั่นคง การเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างบ้าน จึงจำเป็นจะต้องเลือกวัสดุที่มีคุณภาพ หรือเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่มีความทนทาน และควรมีรูปทรงสมมาตร ไม่เว้าโค้ง หรือมีลักษณะเป็นเหลี่ยมมุมมากเกินไป เพราะมีความเชื่อว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของคนในบ้าน

ตำแหน่งของห้องภายในบ้าน

ตามหลักฮวงจุ้ย เชื่อกันว่าตำแหน่งของห้องภายในบ้าน ล้วนส่งผลต่อพลังงานและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อาศัย

  • ห้องรับแขก แน่นอนว่าควรตั้งอยู่บริเวณหน้าบ้านเพื่อให้สามารถต้อนรับแขกได้อย่างสะดวก รวมถึงควรตั้งอยู่ในทิศทางที่มีอากาศถ่ายเท ไม่เก็บความร้อน เพราะเป็นพื้นที่ที่คนทั้งบ้านจะได้ใช้เวลาร่วมกัน ทิศเหนือจึงเป็นทิศที่เหมาะสม
  • ห้องนอน ควรตั้งอยู่ทางทิศเหนือ หรือทิศตะวันออก เพื่อให้ได้รับแสงแดดอ่อน ๆ โดยไม่เกิดความร้อนสะสม
    ห้องน้ำและห้องครัว ตามหลักฮวงจุ้ยแล้วไม่ควรอยู่ใกล้ประตูบ้าน รวมถึงไม่ควรอยู่ติดกัน เพราะอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง อีกทั้งห้องน้ำและห้องครัว เป็นห้องที่จำเป็นต้องได้รับแสงแดดอย่างสม่ำเสมอเพื่อฆ่าเชื้อโรค ลดความอับชื้น จึงควรตั้งอยู่ในทิศตะวันตก ที่ได้รับแสงแดดอย่างเต็มที่ตลอดช่วงบ่าย

สภาพแวดล้อมที่ดี ไม่มีพลังงานลบ

นอกจากตัวบ้านแล้ว สภาพแวดล้อมของบ้านก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา โดยหลีกเลี่ยงทำเลที่มีพลังงานลบ เช่น ที่ทิ้งขยะ สุสาน ป่าช้า หรือสถานที่อโคจร โดยเลือกที่บริเวณรอบตัวบ้าน หรือในโครงการมีพื้นที่สีเขียวให้ร่มเง

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงได้ทราบกันแล้วว่าหน้าบ้านหันทิศไหนดีและมีปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเสริมฮวงจุ้ยอย่างไร หากใครกำลังมองหาตัวเลือกบ้านที่ถูกโฉลก ตรงใจ ในย่านที่เติบโตอย่างรวดเร็วและทำเลที่สงบเหมาะกับการพักอาศัย ขอแนะนำทาวน์โฮม นนทบุรี จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่มีหลากหลายโครงการ พร้อมบ้านหลากรูปแบบให้เลือกได้ตรงใจตามหลักฮวงจุ้ยที่ต้องการ สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ Line: @areeyahome

 

แหล่งอ้างอิง

awsa

บ้านหลังแรกต้องเสียภาษีไหม สามารถตรวจสอบได้ที่ไหน

สำหรับผู้ที่ซื้อบ้าน หรือมีชื่อเป็นเจ้าของบ้าน อาจจะสงสัยว่า เราจำเป็นต้องเสียภาษีที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างหรือไม่ และถ้าเป็นบ้านหลังแรกจะได้รับการยกเว้นหรือไม่ เจ้าหน้าที่จะแจ้งมาที่ไหน หรือเราสามารถตรวจสอบได้อย่างไร

บ้านหลังแรกต้องเสียภาษีไหม

ทำความรู้จักภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

นอกจากภาษีเงินได้ที่ผู้มีรายได้ต้องจ่ายเป็นประจำทุกปีแล้ว ยังมีภาษีประเภทอื่น ๆ ที่ต้องจ่ายเพิ่มเติมด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือที่มักเรียกสั้น ๆ ว่า ภาษีที่ดิน คือ การจัดเก็บภาษีตามมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีผู้ครอบครอง ส่วนผู้จัดเก็บคือองค์กรส่วนท้องถิ่น โดยจะนำเงินที่ได้ไปบำรุงท้องที่ และกระตุ้นให้ประชาชนใช้ประโยชน์ที่ดิน ไม่ปล่อยให้ที่ดินรกร้างว่างเปล่า นอกจากนี้ยังช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อีกด้วย

ประเภทของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ได้แบ่งประเภทและการจัดเก็บภาษีออกเป็น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้

  • ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ให้เก็บภาษีไม่เกิน 0.15% ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง*
  • ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย ให้เก็บภาษีไม่เกิน 0.3% ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง*
  • ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์อื่น ๆ นอกเหนือจากการทำเกษตรกรรมและเป็นที่อยู่อาศัย เช่น พาณิชยกรรมอุตสาหกรรม ร้านอาหาร โรงแรม สปา และอื่น ๆ ให้เก็บภาษีไม่เกิน 1.2% ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง*
  • ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งรกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ทำประโยชน์ ให้เก็บภาษีไม่เกิน 1.2% ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง*

*หมายเหตุ ราคาประเมินทุนทรัพย์ คือ ราคาที่ดินที่ประเมินโดยกรมธนารักษ์ โดยมากจะมีราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อขายในตลาด

บ้านหลังแรกต้องเสียภาษีเท่าไร

บ้านหลังแรกต้องเสียภาษีหรือไม่ ?

ที่จริงแล้ว เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทุกประเภท จำเป็นจะต้องเสียภาษีที่ดินก่อนเดือนเมษายนของทุกปี และสำหรับเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อการอยู่อาศัยต้องเสียภาษีในอัตรา 0.02-0.1% และมีเพดานสูงสุดอยู่ที่ 0.3% ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่

  • ผู้เสียภาษีที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยในรูปแบบบุคคลธรรมดา ผู้เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหลังเดียว
  • ผู้เสียภาษีที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยในรูปแบบบุคคลธรรมดา ผู้เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้างหลังเดียว
  • ผู้เสียภาษีที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยในรูปแบบบุคคลธรรมดา ผู้เป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง 2 หลังขึ้นไป

อัตราภาษีของบ้านที่อยู่อาศัยอัปเดตปี 2567

มูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง บ้าน (บ้านหลัก) บ้านและที่ดิน (บ้านหลัก) บ้านหลังอื่น
0 – 10 ล้านบาท ยกเว้นการจัดเก็บ ยกเว้นการจัดเก็บ 0.02%
>10 – 50 ล้านบาท 0.02% ยกเว้นการจัดเก็บ 0.02%
>50 – 75 ล้านบาท 0.03% 0.03% 0.03%
>75 – 100 ล้านบาท 0.05% 0.05% 0.05%
>100 ล้านบาท 0.1% 0.1% 0.1%

ช่วงเวลาที่ต้องชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

เจ้าหน้าที่จะดำเนินการส่งเอกสารให้แก่เจ้าของบ้านหรือผู้ครอบครองที่ดินภายในเดือนกุมภาพันธ์ โดยส่งเอกสารไปยังบ้านที่มีการเรียกเก็บภาษี และต้องชำระภายในเดือนเมษายนของทุกปี ไม่เช่นนั้นจะต้องโดนค่าปรับตามกฎหมาย

ค่าปรับการไม่ได้ชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเวลาที่กำหนด

  • ปรับ 10% ของจำนวนภาษีค้างชำระ ในกรณีที่จ่ายช้า แต่จ่ายก่อนที่จะได้รับหนังสือแจ้งเตือน
  • ปรับ 20% ของจำนวนภาษีค้างชำระ ในกรณีที่จ่ายช้า ตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งเตือน
  • ปรับ 40% ของจำนวนภาษีค้างชำระ ในกรณีที่จ่ายล่าช้าเกินกว่าที่หนังสือแจ้งเตือนระบุเอาไว้

ตรวจสอบว่าต้องเสียภาษีได้ที่ไหน ?

สามารถตรวจสอบได้ที่ฝ่ายรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่างเขตหรืออำเภอที่บ้านตั้งอยู่ หากไม่สะดวกไปด้วยตนเอง สามารถสอบถามไปในช่องทางออนไลน์ของแต่ละพื้นที่ได้เช่นเดียวกัน

ใครที่เป็นเจ้าของบ้านและที่ดิน แล้วสงสัยว่าตนเองต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้ที่ท้องที่ของตนเองได้เลย และสำหรับผู้ที่กำลังมองหาโครงการทาวน์โฮม หรือโครงการบ้านเดี่ยว สามารถนัดหมายเพื่อเข้าชมโครงการของอารียา พรอพเพอร์ตี้ มีหลากหลายทำเลให้เลือกตามความต้องการ ตอบโจทย์คนอยากมีบ้าน เดินทางสะดวก สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ Line: @areeyahome

 

แหล่งอ้างอิง

  1. มาตรการภาษีบ้านหลังแรก. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567
  2. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567
  3. ภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง 2567 (Update ล่าสุด). สืบค้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567
  4. เตรียมพร้อมทำความรู้จักกับ “ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ฉบับเข้าใจง่ายภายใน 5 นาที. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567
  5. คนกรุงฯอย่าลืมจ่ายภาษีที่ดิน เช็คช่องทางชำระ -อัตราภาษีที่ต้องจ่ายที่นี่. สืบค้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567
awsa

เตรียมตัวตรวจรับบ้านด้วยตัวเอง ! ควรตรวจอะไรบ้าง ?

สำหรับผู้ที่กำลังจะเป็นเจ้าของบ้านใหม่ การตรวจรับบ้านเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เพื่อให้มั่นใจว่าบ้านที่ได้มาจะมีสภาพสมบูรณ์และตรงตามที่ตกลงกันไว้ อีกทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่หากยังไม่รู้ว่าควรดูอะไรบ้าง เราเตรียม Checklist ในการตรวจรับบ้านมาให้แล้ว

การตรวจรับบ้าน ควรตรวจอะไรบ้างก่อนโอนกรรมสิทธิ์

ตรวจรับบ้านด้วยตัวเอง ควรเริ่มจากการตรวจอะไรบ้าง ?

1. เตรียมตัวให้พร้อม

การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปตรวจรับบ้าน จะช่วยให้สามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียดและครบถ้วน โดยมี Checklist อุปกรณ์ที่ควรเตรียมไปตรวจรับบ้าน ดังนี้

  • เอกสารสำคัญที่ต้องนำไปด้วย ได้แก่
    • สัญญาซื้อขายบ้าน ซึ่งจะระบุรายละเอียดของบ้าน เช่น ขนาดพื้นที่ จำนวนห้อง วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง รวมถึงข้อตกลงต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ตกลงไว้หรือไม่
    • แบบแปลนบ้าน ใช้สำหรับเปรียบเทียบกับสภาพจริงของบ้าน เพื่อตรวจสอบว่ามีการก่อสร้างตรงตามแบบแปลนหรือไม่
  • อุปกรณ์ที่ควรเตรียมไป ได้แก่
    • เทปวัด ใช้สำหรับวัดขนาดของห้อง ประตู หน้าต่าง เพื่อตรวจสอบความถูกต้องตามแบบแปลน
    • กระดาษ หรือเทปกาว สำหรับใช้มาร์กจุดที่ต้องการให้ช่างแก้ไข
    • ไฟฉาย ใช้สำหรับส่องดูในที่มืดหรือบริเวณที่แสงสว่างไม่เพียงพอ เช่น ใต้เฟอร์นิเจอร์ หรือรอยต่อของผนัง
    • กล้องถ่ายรูป ใช้บันทึกภาพจุดต่าง ๆ ของบ้าน โดยเฉพาะจุดที่มีปัญหาหรือต้องแก้ไข เพื่อใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงในภายหลัง
    • ไม้บรรทัดระดับน้ำ ใช้ตรวจสอบความเรียบของพื้น ผนัง และเพดาน
    • ไขควง สำหรับตรวจสอบการทำงานของสวิตช์ ปลั๊ก และอุปกรณ์ไฟฟ้า

2. ตรวจสอบให้ละเอียดและบันทึกข้อมูล

การตรวจรับบ้านเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนจะตัดสินใจย้ายเข้าอยู่อาศัย เพื่อช่วยให้สามารถมั่นใจได้ว่าบ้านหลังใหม่อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานและไม่มีปัญหาซ่อนเร้นที่อาจตามมาภายหลัง โดยมี Checklist สำหรับการตรวจรับบ้าน ดังนี้

Checklist ตรวจรับบ้าน ตรวจอะไรบ้าง

  • ภายนอกบ้าน
    • ตรวจสอบสภาพหลังคา มองหารอยรั่ว กระเบื้องแตกหรือหลุด
    • สำรวจผนังภายนอก โดยดูรอยแตกร้าว การทาสี และความเรียบร้อยของวัสดุตกแต่ง
    • ตรวจระบบระบายน้ำ โดยดูว่ารางน้ำ ท่อระบายน้ำ ต้องไม่มีการอุดตัน
    • สำรวจพื้นที่รอบบ้าน ไม่ว่าจะเป็นความลาดเอียงของพื้นดิน ความเรียบร้อยของรั้ว รวมถึงสภาพโดยรวมภายในสวน
  • โครงสร้างบ้าน
    • ตรวจสอบฐานราก มองหารอยแตกร้าว หรือการทรุดตัวที่อาจบ่งบอกถึงปัญหาโครงสร้าง
    • สำรวจเสาและคาน โดยพิจารณาการบิดเบี้ยวของเสาและคาน ว่าไม่เอียง ไม่แตกร้าว
    • ตรวจพื้น โดยตรวจสอบความเรียบ ความแข็งแรง และรอยแตกร้าวของพื้น
    • สำรวจผนัง โดยตรวจสอบรอยร้าว รอยเปื้อน หรือสีที่ลอก
  • ระบบน้ำ
    • ทดสอบแรงดันน้ำ เปิดก๊อกน้ำทุกจุดเพื่อตรวจสอบแรงดัน
    • ตรวจการรั่วซึม สังเกตรอยเปียกชื้นตามท่อและรอยต่อ
    • ทดสอบการระบายน้ำ โดยลองเปิดน้ำทิ้งไว้สักครู่เพื่อดูการระบาย
    • ตรวจสอบสุขภัณฑ์ ทดสอบการทำงานของชักโครก อ่างล้างหน้า ฝักบัว โดยพิจารณาถึงการรั่วซึมและความสะอาด
  • ระบบไฟฟ้า
    • ทดสอบสวิตช์และเต้ารับ โดยเปิดปิดไฟทุกดวง และทดสอบเต้ารับทุกจุด
    • ตรวจสอบตู้ควบคุมไฟฟ้า ดูความเรียบร้อยของการเดินสายและเบรกเกอร์
    • สำรวจการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น
    • ทดสอบระบบสัญญาณเตือนภัย หากมีการติดตั้ง
  • งานตกแต่ง
    • ตรวจสอบวัสดุปูพื้น โดยดูให้เรียบร้อย ไม่แตกร้าว ไม่หลุดล่อน เรียบเสมอกัน ลายเป็นไปในทิศทางที่ออกแบบไว้
    • สำรวจประตูและหน้าต่าง วงกบขอบเรียบสมบูรณ์ การเปิด-ปิด และการรัดแน่น โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่าง เข้าล็อกพอดี
    • ตรวจงานสี ว่ามีความเรียบร้อย ไม่มีรอยด่าง หรือการลอกล่อน
    • สำรวจฝ้าเพดาน โดยตรวจสอบความเรียบร้อยให้ดูเรียบเสมอกัน ไม่มีรอยรั่ว หรือคราบน้ำ

3. แจ้งผู้รับเหมา

หลังจากตรวจสอบบ้านอย่างละเอียดแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการแจ้งปัญหาที่พบให้ผู้รับเหมาทราบและติดตามการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนการโอนกรรมสิทธิ์ เพื่อให้บ้านอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานและตรงตามสัญญาที่ได้ทำไว้ โดยรวบรวมหลักฐานที่ได้จากการตรวจสอบ เช่น รูปถ่าย วิดีโอ หรือบันทึกข้อความ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วทำการระบุรายละเอียดของปัญหาแต่ละจุดให้ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อนำมาอ้างอิงในภายหลัง

ช่างผู้แลกำลังตรวจบ้านของอารียาฯ

หมดเรื่องปวดหัวกับปัญหาจุกจิกในการตรวจรับบ้าน เพียงเลือกซื้อโครงการบ้านเดี่ยวบนหลากหลายทำเลในกรุงเทพฯ ที่มีคุณภาพจาก อารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วว่าใช้วัสดุเกรดพรีเมียม ตรงตามสเปกทุกระบบ อยู่ในทำเลดี เดินทางสะดวก พร้อมโปรแกรมตรวจเช็กบ้านฟรี 27 รายการ * เช่น ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบน้ำประปาภายในบ้าน ความเรียบร้อยของบานประตู-หน้าต่าง และชุดครัว ฯลฯ สำหรับลูกบ้านทุกหลัง ทั้งที่อยู่ในระยะเวลารับประกัน และนอกระยะเวลารับประกัน เพื่อสร้างบ้านเดี่ยวในฝันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนในครอบครัว พร้อมเสริมคุณภาพในการอยู่อาศัย สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

 

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

 

แหล่งอ้างอิง

  1. Checklist 9 จุดสำคัญ ตรวจรับบ้านก่อนโอน. สืบค้นเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567
awsa

ซื้อบ้านหรือคอนโด ตัดสินใจเลือกซื้ออย่างไรให้ตอบโจทย์ดี ?

การตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโด เป็นหนึ่งในการลงทุนสำคัญที่สุดในชีวิต เพราะไม่เพียงแต่เป็นที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาอีกด้วย การเลือกที่อยู่อาศัยสักแห่งจึงต้องพิจารณาหลายปัจจัย ในบทความนี้จะพาไปเจาะลึกข้อดีกับข้อจำกัดของการซื้อบ้านและคอนโด เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบและตัดสินใจเลือกได้อย่างเหมาะสมที่สุด

เลือกซื้อบ้านหรือคอนโด จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเลือกไหนเหมาะกับเรา

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโด

การซื้อบ้านหรือคอนโดเป็นการลงทุนระยะยาวที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้น การตัดสินใจจึงต้องรอบคอบและพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ด้วยการคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น เงื่อนไขทางการเงิน กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และปัจจัยภายนอกอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อมูลค่าของทรัพย์สิน เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและลดความเสี่ยงในการลงทุน

1. งบประมาณ

การกำหนดวงเงินที่สามารถจ่ายได้จริงอย่างชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก โดยต้องคำนวณรวมทั้งราคาที่อยู่อาศัยและค่าใช้จ่ายแฝงต่าง ๆ ไว้ด้วย เช่น ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ค่าจดจำนอง ค่าส่วนกลาง (กรณีคอนโด) ค่าตกแต่งภายใน และค่าเฟอร์นิเจอร์ ที่สำคัญคือต้องประเมินความสามารถในการผ่อนชำระรายเดือน โดยไม่ควรเกิน 30-40% ของรายได้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระทางการเงินมากเกินไป

2. ทำเลที่ตั้ง

ทำเลที่ตั้ง เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและมูลค่าของทรัพย์สิน ก่อนจะตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโด ควรพิจารณาความสะดวกในการเดินทาง ทั้งระบบขนส่งสาธารณะและเส้นทางการจราจร รวมถึงความใกล้กับสถานที่สำคัญ เช่น ที่ทำงาน โรงเรียน โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้า สภาพแวดล้อมและบรรยากาศโดยรอบก็มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความเงียบสงบ ความปลอดภัย หรือมลภาวะในพื้นที่ นอกจากนี้ ควรประเมินศักยภาพการเติบโตของพื้นที่ในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลต่อมูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว

3. ขนาดและรูปแบบ

จะตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดดี ให้ดูที่การเลือกขนาดและรูปแบบของที่อยู่อาศัย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมกับจำนวนสมาชิกในครอบครัวทั้งปัจจุบันและอนาคต โดยพิจารณาจำนวนห้องนอน ห้องน้ำ และพื้นที่ใช้สอยให้เพียงพอ นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงรูปแบบการใช้งานพื้นที่ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ เช่น ต้องการพื้นที่ทำงาน พื้นที่สำหรับงานอดิเรก หรือพื้นที่สวน ที่สำคัญไม่ควรละเลยการตรวจสอบการออกแบบและวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างให้มีคุณภาพและปลอดภัย

4. สิ่งอำนวยความสะดวก

สิ่งอำนวยความสะดวกเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนหย่อม และที่จอดรถ ตลอดจนระบบรักษาความปลอดภัยก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรประเมิน เช่น กล้องวงจรปิด ระบบคีย์การ์ด หรือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะในกรณีของคอนโด ควรตรวจสอบคุณภาพของการบริหารจัดการโครงการด้วย เพราะจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว

5. เป้าหมายในระยะยาว

การพิจารณาเป้าหมายในระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ว่าจะซื้อบ้านหรือคอนโดดี โดยให้ชั่งน้ำหนักว่ามีความต้องการที่จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือเพื่อการลงทุน ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกทำเลและรูปแบบที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ควรประเมินโอกาสในการขายต่อหรือปล่อยเช่าในอนาคต หากมีแผนจะย้ายที่อยู่ และคำนึงถึงความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนหรือต่อเติมที่อยู่อาศัยในอนาคตด้วย

การตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น การวางแผนและศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณเลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว

บ้านหรือคอนโด แบบไหนตอบโจทย์กว่ากัน ?

บ้านหรือคอนโด สรุปจุดเด่นที่ตอบโจทย์ต่างกัน

หลังจากที่เราทราบถึงปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยแล้ว คำถามต่อมาที่หลายคนอาจสงสัยคือ ระหว่างบ้านและคอนโด แบบไหนจะตอบโจทย์ความต้องการได้ดีกว่ากัน ความจริงแล้ว ทั้งสองทางเลือกต่างก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป การตัดสินใจจึงขึ้นอยู่กับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล มาดูกันว่าแต่ละแบบมีจุดเด่นอย่างไรบ้าง

1. เลือกซื้อบ้าน

การเลือกซื้อบ้านเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมาก และชื่นชอบความเป็นส่วนตัว ทำเลของบ้านมักอยู่บริเวณชานเมือง ซึ่งตอบโจทย์เรื่องความสงบและเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับกลุ่มครอบครัวและคู่รักที่เพิ่งแต่งงาน นอกจากนี้ ราคาบ้านยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นการลงทุนที่น่าสนใจในระยะยาว

โครงการบ้านจัดสรรในปัจจุบัน มักออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ใช้สอยให้ได้สูงสุด ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้อย่างครบครัน อีกทั้งยังมีพื้นที่จอดรถกว้างขวาง สามารถจอดรถได้ตั้งแต่ 2-4 คัน ซึ่งเหมาะกับการอยู่แบบครอบครัว

2. เลือกซื้อคอนโด

การเลือกซื้อคอนโด เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสะดวกสบายและการใช้ชีวิตในเมือง ทำเลของคอนโดมักอยู่ใจกลางเมือง ใกล้แหล่งทำงาน สถานศึกษา และระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้า ทำให้สะดวกในการเดินทางและประหยัดเวลา นอกจากนี้ คอนโดยังมีค่าซ่อมบำรุงที่ไม่สูงมาก เนื่องจากมีการบริหารจัดการส่วนกลางโดยนิติบุคคล

แน่นอนว่าคอนโดส่วนมาก ไม่ได้มีพื้นที่ใช้สอยมากนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับการอยู่อาศัย จึงทำให้ตอบโจทย์กลุ่มคนโสด คนทำงาน และนักศึกษา ที่ไม่ได้ต้องการพื้นที่มากมาย แต่เน้นความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต สำหรับที่จอดรถ คอนโดบางโครงการมีที่จอดรถแบบกำหนดผู้จอดประจำยูนิต ในขณะที่บางโครงการอาจไม่บังคับหรือกำหนดที่จอดสำหรับเจ้าของห้อง ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโครงการ โดยส่วนใหญ่จะสามารถจอดรถได้ 1 คันต่อยูนิต

ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้านหรือคอนโด ต้องยอมรับว่าทั้งสองตัวเลือกต่างก็มีข้อดีที่แตกต่างกัน การเลือกว่าแบบไหนจะตอบโจทย์มากกว่า จึงขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ งบประมาณ และความต้องการในระยะยาว การพิจารณาอย่างรอบคอบและเปรียบเทียบข้อดีข้อจำกัดของทั้งสองทางเลือกจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณได้

สำหรับคนยุคใหม่ที่กำลังวางแผนสร้างครอบครัว และมีความสนใจในโครงการบ้านต่าง ๆ เข้ามาเลือกดูโครงการบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ บนหลากหลายทำเลศักยภาพ สภาพแวดล้อมดี เดินทางสะดวก ได้ที่ อารียา พรอพเพอร์ตี้ ในราคาเริ่มเต้นเพียง 1.99 ล้านบาท ที่พร้อมตอบโจทย์บ้านในฝันของทุกคนในครอบครัว สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

 

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

 

แหล่งอ้างอิง

  1. ซื้อบ้านหรือคอนโด ลงทุนอสังหาฯ 2 แบบ แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567
awsa

บ้านจัดสรร VS ปลูกบ้านเอง เลือกแบบไหนให้ตอบโจทย์ !

ระหว่างการปลูกบ้านเองเทียบกับการเลือกซื้อบ้าน

การมีบ้านเป็นของตัวเอง เป็นเรื่องที่ต้องผ่านการตัดสินใจอย่างถี่ถ้วน ซึ่งหนึ่งในคำถามแรก ๆ คงเป็น “ระหว่างการซื้อบ้านจัดสรรกับปลูกบ้านเอง อะไรที่ดีกว่ากัน ?” ซึ่งทั้งสองทางเลือกต่างก็มีข้อดี-ข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป การเลือกให้เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการที่ต้องพิจารณา

เปรียบเทียบชัด ! ตัวเลือกระหว่างการปลูกบ้านเองกับซื้อบ้านจัดสรร

ปลูกบ้านเอง สร้างสรรค์บ้านในฝันได้ตามใจ

การปลูกบ้านเองเปรียบเสมือนการได้สร้างสรรค์ผลงานให้เป็นไปตามต้องการ โดยเจ้าของบ้านจะได้มีส่วนร่วมในการออกแบบบ้านตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนกระทั่งได้บ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง

ออกแบบและเลือกวัสดุได้ตามใจชอบ

การปลูกบ้านเองเปิดโอกาสให้สามารถสร้างบ้านในแบบที่ต้องการได้อย่างแท้จริง โดยสามารถออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนในครอบครัว พร้อมเลือกสไตล์การตกแต่งที่สะท้อนความเป็นตัวเอง รวมถึงกำหนดขนาดของห้องตามพื้นที่ที่มีได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างได้ทุกชิ้น ตั้งแต่โครงสร้างหลักไปจนถึงอุปกรณ์ตกแต่งเล็กน้อย ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกส่วนของบ้านจะเป็นไปตามความต้องการและงบประมาณที่วางไว้

ควบคุมคุณภาพเองได้

สามารถควบคุมคุณภาพของวัสดุและงานก่อสร้างได้อย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตอกเสาเข็ม เทฐานราก การก่ออิฐ ไปจนถึงงานตกแต่งภายใน โดยสามารถเลือกผู้รับเหมาที่ไว้ใจได้ และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้าง จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยและความทนทานของบ้าน

อาจใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง

หลายคนมักคิดว่าการปลูกบ้านเองจะต้องมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการซื้อบ้านจัดสรร แต่แท้จริงแล้วการปลูกบ้านเองมักมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายงอกเงยขึ้นมาในหลายส่วน เช่น ค่าออกแบบบ้านโดยสถาปนิก ค่าขออนุญาตก่อสร้าง ค่าจ้างผู้รับเหมาและช่างฝีมือ รวมถึงค่าวัสดุก่อสร้าง อีกทั้งกระบวนการก่อสร้างบ้านตั้งแต่เริ่มต้นจนจบอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือเป็นปี ขึ้นอยู่กับขนาดและความซับซ้อนของรูปแบบบ้าน

ต้องดูแลควบคุมงานก่อสร้าง

การควบคุมงานก่อสร้างนี้อาจเป็นความท้าทายสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการก่อสร้างมาก่อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัว เนื่องจากต้องติดตามความคืบหน้าของงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่างานก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และเมื่อเกิดปัญหาก็อาจต้องประสานงานเพื่อหาทางแก้ไขด้วยตนเอง

 

กระบวนการสร้างบ้านในระหว่างการปลูกบ้านเอง

การซื้อบ้านจัดสรร ทางเลือกที่สะดวกรวดเร็ว

การซื้อบ้านจัดสรร เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย ลดโอกาสที่ต้องมาปวดหัววุ่นวายจากกระบวนการคุมงานก่อสร้างบ้านด้วยตนเอง แถมยังมีข้อดีหลายประการ

สามารถเข้าอยู่ได้ทันทีหลังทำสัญญาซื้อขาย

หนึ่งในข้อได้เปรียบที่โดดเด่นของการซื้อบ้านจัดสรร คือความรวดเร็วในการเข้าอยู่อาศัย ซึ่งมักจะสามารถเข้าพักอาศัยได้ทันทีเมื่อตัดสินใจซื้อบ้านและทำสัญญาซื้อขายเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ต้องรอกระบวนการก่อสร้างที่ยาวนาน อีกทั้งยังไม่ต้องคอยกังวลกับกระบวนการก่อสร้าง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยใหม่อย่างเร่งด่วน เช่น ครอบครัวที่กำลังขยาย หรือผู้ที่ย้ายถิ่นฐานเพื่อการทำงาน

มีส่วนกลางอำนวยความสะดวกครบครัน

อีกหนึ่งข้อดีที่โดดเด่นของโครงการบ้านจัดสรร คือการมีส่วนกลางที่อำนวยความสะดวกที่ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้ยกระดับคุณภาพชีวิต เช่น สวนสาธารณะ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส คลับเฮาส์ และระบบรักษาความปลอดภัย ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ

งานออกแบบและวัสดุเป็นไปตามมาตรฐานของโครงการ

แม้ว่าการซื้อบ้านจัดสรรจะมีข้อดีน่าสนใจมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดที่สำคัญคือ ผู้ซื้อไม่สามารถออกแบบหรือเลือกวัสดุได้ตามใจชอบ เนื่องจากโครงการจะกำหนดวัสดุมาตรฐานไว้แล้ว หากต้องการใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงกว่า หรือมีลักษณะเฉพาะตัว ก็อาจต้องมาดำเนินการต่อเติมหรือรีโนเวทเองในภายหลัง

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงได้ข้อสรุป ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้านจัดสรร หรือปลูกบ้านเอง ก็ล้วนมีข้อดีและข้อจำกัดที่ต้องพิจารณาแตกต่างกันออกไป แต่สำหรับใครที่ไม่อยากเลือก แถมยังต้องการผสานทุกความต้องการ ! ต้องเลือกซื้อบ้านในฝันตามแบบฉบับชีวิตที่คุณกำหนดเอง กับบ้านสั่งสร้าง จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่ให้คุณเผยความเป็นตัวตนได้ ตั้งแต่การคัดสรรงานออกแบบหลากหลายรูปแบบ ไปจนถึงการเลือกทำเลที่เอื้อต่อทุกองศาของชีวิต เพื่อให้ได้บ้านที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคุณมากที่สุด สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

 

แหล่งอ้างอิง

  1. ซื้อบ้านใหม่ vs สร้างบ้านเอง แบบไหนเหมาะกับคุณ. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567
awsa

เช็ก! ฮวงจุ้ยห้องครัว มูความอร่อย ให้ชีวิตปังรอบด้าน

เช็ก! ฮวงจุ้ยห้องครัว มูความอร่อย ให้ชีวิตปังทุกด้าน

การจัดฮวงจุ้ยห้องครัว ตามหลักฮวงจุ้ยแล้วห้องครัวจะส่งเสริมในเรื่องสุขภาพ และความอุดมสมบูรณ์ในชีวิต ดังนั้นการจัดฮวงจุ้ยห้องครัวให้ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเจ้าของบ้าน อารียาฯ มี 5 หลักฮวงจุ้ยห้องครัวมาฝาก ลองนำไปปรับใช้กับห้องครัวที่บ้านกัน มูความอร่อยได้ทุกมื้อ แถมยังเสริมดวงให้ชีวิตปังรอบด้านอีกด้วย

หลักการจัดฮวงจุ้ยห้องครัวที่ดี

1. ฮวงจุ้ยห้องครัวที่ดี ต้องเลือกตำแหน่งการวางห้องครัวในบ้าน

มูตามตำแหน่งการวางห้องครัว ตามหลักฮวงจุ้ยห้องครัวเชื่อว่า ทิศใต้ และทิศตะวันตกเฉียงใต้ ถือเป็นทิศที่เหมาะสมที่สุดสำหรับห้องครัว เนื่องจากเป็นทิศของธาตุไฟ และพื้นที่หลังบ้านก็เหมาะกับการทำห้องครัวมากกว่าหน้าบ้าน เพราะการสร้างห้องครัวไว้หลังบ้านเปรียบเสมือนการเก็บกักความร่ำรวยและอุดมสมบูรณ์เอาไว้ไม่ให้หายไปไหน

2. ฮวงจุ้ยห้องครัวที่ดี ต้องไม่อยู่ติดห้องน้ำ

มูตามตำแหน่งที่ควรเลี่ยง ฮวงจุ้ยห้องครัวที่ดี ต้องไม่อยู่ติดกับห้องน้ำ เนื่องจากห้องน้ำเป็นธาตุน้ำ และห้องครัวเป็นธาตุไฟ จึงเชื่อว่าอยู่ใกล้กันไม่ได้ แต่หากใครมีห้องครัวอยู่ใกล้กับห้องน้ำก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะสามารถปรับได้ด้วยการปิดประตูห้องน้ำอยู่เสมอ ไม่เปิดทิ้งไว้ เพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นทำลายบรรยากาศมื้ออาหาร และช่วยไม่ให้พลังงานจากทั้งสองห้องมาปะทะกัน

3. ตำแหน่งการวางเตาในห้องครัว มีผลต่อการเสริมฮวงจุ้ยห้องครัว

มูตามตำแหน่งการวางเตา เพราะเตาถือเป็นตัวแทนของธาตุไฟ ดังนั้นตำแหน่งการวางเตาในห้องครัวจึงมีผลในเรื่องช่วยการเสริมฮวงจุ้ยห้องครัว ควรตั้งเตาในตำแหน่งที่จะไม่ทำลายหรือถูกทำลายโดยธาตุไฟ ซึ่งก็คือทิศใต้ และทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน โดยหากวางเตาอยู่ในตำแหน่งที่ต้องหันหลังให้ห้องครัวตลอดเวลาย่อมส่งผลเสียเรื่องฮวงจุ้ย

4.ลักษณะการแต่งห้องครัว ตามฮวงจุ้ยห้องครัว

มูตามการแต่งห้องครัว ห้องครัวที่ดีจะต้องมีแสงสว่างที่เหมาะสม ปลอดโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี และสะอาดเรียบร้อย ที่สำคัญต้องหมั่นจัดเก็บ และเช็ดล้างให้ห้องครัวสะอาดอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยป้องกันเชื้อโรค มด หนู แมลงสาบได้ อีกทั้งควรจัดให้ห้องครัวมีแสงสว่างที่เพียงพอด้วย และอาจตกแต่งเล็กน้อยด้วยแจกันดอกไม้ หรือชามใส่ผลไม้เพื่อเพิ่มบรรยากาศที่ดี

5. ฮวงจุ้ยห้องครัว ต้องเลือกใช้สีในห้องครัวให้เหมาะสม

มูตามสีที่ถูกโฉลก สีของห้องครัวควรมีสีที่สว่าง ดูสบายตา ในเชิงจิตวิทยาบอกไว้ว่าการเลือกใช้สีในห้องครัวให้สวยงามกลมกลืน อย่างเช่น สีครีม หรือสีเหลืองอ่อน จะดีต่อการกระตุ้นระบบย่อยอาหาร ทั้งนี้ยังมีอีกหลายวิธีที่จะนำเอาความมีชีวิตชีวา และสีสันเข้ามาเสริมในห้องครัว ที่เชื่อมโยงกับหลักฮวงจุ้ย และเรื่องของสีนั้นก็ส่งผลต่อธาตุ จึงมีคำแนะนำเกี่ยวกับสีห้องครัวที่จะนํามาซึ่งพลังงานที่ดี โดยมีความแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ตั้ง หรือทิศที่ครัวตั้งอยู่ ดังนี้

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ ตามหลักฮวงจุ้ยห้องครัวแล้ว เป็นทิศที่มีพลังเป็นองค์ประกอบของธาตุไฟ หากครัวอยู่ทางทิศใต้ ก็ควรใช้สีเป็นสัญลักษณ์ของไฟมาใช้ เช่น สีแดงสด สีส้มแสด หรือสีเหลืองเข้ม

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ถือว่าเป็นทิศที่ดี เพราะธาตุไฟจะส่งผลดีต่อองค์ประกอบของธาตุดินในเรื่องความรักและชีวิตคู่ สามารถเลือกใช้สีที่เป็นสัญลักษณ์ของธาตุไฟได้ทั้งหมด ตั้งแต่สีแดงสด ไปจนถึงสีเหลือง ส้ม ม่วง แม้แต่สีชมพูก็ใช้ได้ และสีของธาตุดินก็สามารถนำมาใช้ได้เป็นอย่างดี

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ต้องดูแลและใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะธาตุไฟในตำแหน่งนี้จะถูกทำให้อ่อนลงได้ง่ายจากพลังของธาตุโลหะ โดยควรเลือกใช้สีที่เหมาะสม คือโทนสีขาวและสีเทา

ครัวที่ตั้งอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากมีองค์ประกอบของธาตุโลหะ ดังนั้น จึงควรเลือกใช้สีที่ให้ความอบอุ่นของธาตุดินเข้ามาเสริม คือโทนสีขาวและสีเทา

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ต้องใช้ธาตุน้ำเข้ามาเสริมเพื่อนำความสุขมาให้ สีที่เหมาะสม ได้แก่ สีฟ้า, ดำ, เทา และขาว เพื่อเพิ่มพลังความแข็งแกร่ง และเสริมสุขภาพที่ดี

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ครัวในทิศนี้มีองค์ประกอบของธาตุดิน สามารถใช้สีของธาตุไฟได้ ตั้งแต่สีแดงเข้ม ไปจนถึงสีเหลือง

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก ครัวทิศนี้เป็นทิศที่ต้องระวัง เพราะหากใช้สีของธาตุไฟ และธาตุโลหะที่มากเกินไป อาจทําให้พลังของธาตุไม้เสียไป ควรเน้นการใช้สีของธาตุดิน อย่างสีเขียวและสีน้ำตาล เป็นสีที่เหมาะสำหรับครัวทิศนี้

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

ครัวที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ครัวทิศนี้มีองค์ประกอบของธาตุไม้ การใช้สีของธาตุไม้จึงเป็นหัวใจสําคัญ อีกทั้งควรนำผัก ผลไม้ ดอกไม้ หรือสมุนไพรมาตกแต่งก็จะช่วยนำพลังแก่งความอุดมสมบูรณ์ ช่วยเสริมเรื่องเงินทองได้

ครัวที่ตั้งอยู่กลางบ้าน

สำหรับครัวที่ตั้งอยู่กลางบ้าน จะมีธาตุดินเป็นองค์ประกอบหลัก และธาตุไฟก็เป็นสิ่งที่ดีต่อธาตุดิน จึงสามารถใช้สีของธาตุไฟ และธาตุดินได้ทั้งหมด

ทั้งหมดนี้ก็คือฮวงจุ้ยห้องครัว ลองนำไปมูตามกันดู ไม่ว่าใครนำไปปรับใช้ทำตามแล้วรับรองว่าชีวิตปังรอบด้านแน่นอน และสำหรับใครที่กำลังมองหาโครงการบ้านคุณภาพ หลากหลายสไตล์ บนหลากหลายทำเล พร้อมตอบโจทย์ทุกการอยู่อาศัย สนใจดูโครงการบ้านต่าง ๆ จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ ได้ที่ www.areeya.co.th

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://home.kapook.com/view113920.html
https://future-tech.co.th/blogs/feng-shui-kitchen/

awsa

8 ฮวงจุ้ยบ้านมงคล เสริมดวงครอบครัว อยู่แล้วเป็นสิริมงคล

8 ฮวงจุ้ยบ้านมงคล เสริมดวง อยู่แล้วเป็นสิริมงคล

ใครที่เพิ่งซื้อบ้านใหม่ หรือต้องการเสริมฮวงจุ้ยให้บ้าน ให้ครอบครัวอยู่แล้วเป็นสิริมงคล เงินทองไหลมาเทมา
วันนี้อารียาฯ มี 8 ฮวงจุ้ยบ้านมงคล เสริมดวงครอบครัว อยู่แล้วเป็นสิริมงคล มาแชร์ หากอยากรู้ว่าจะปรับบ้านอย่างไรให้เป็นมงคลตามหลักฮวงจุ้ยบ้าน ก็ตามไปดูกันได้เลย

8 ฮวงจุ้ยบ้านที่ดี เสริมความเป็นสิริมงคลให้ผู้อยู่อาศัย ปรับอะไรบ้างให้ตรงตามหลักฮวงจุ้ย

ฮวงจุ้ยบ้าน การปรับสมดุลตามธาตุเกิด

1.ฮวงจุ้ยบ้าน ต้องปรับสมดุลตามธาตุเกิด

ฮวงจุ้ยบ้าน ต้องปรับสมดุลตามธาตุเกิดทั้งห้า ได้แก่ ไม้ ไฟ ดิน โลหะ และน้ำ โดยใช้สี รูปทรง หรือวัสดุ เป็นตัวแทนเพื่อสร้างความกลมกลืน และสมดุล เช่น ราศีมังกร เป็นธาตุไม้ ควรตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อส่งเสริมพลัง และเพิ่มวัสดุที่ทำจากโลหะเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง เป็นต้น

ฮวงจุ้ยบ้าน การจัดตำแหน่งของประตูหลัก

2. ฮวงจุ้ยบ้าน ต้องให้ความสำคัญกับประตูเข้าบ้าน

ฮวงจุ้ยของประตูเข้าบ้านถือเป็นส่วนที่สำคัญมาก เพราะประตูเป็นจุดเชื่อมระหว่างภายนอกและภายในบ้าน โดยมีหลักการที่ควรทำตามดังนี้

  • ทิศทางของประตู : ประตูควรหันไปทางทิศที่เป็นมงคล โดยทั่วไปประตูทางทิศใต้ถือเป็นทิศที่ดี เพราะเป็นทิศที่ได้รับแสงแดดในตอนกลางวัน
  • ขนาดของประตู : ประตูควรมีขนาดกว้างพอที่จะเปิดรับพลังงานดี ๆ เข้ามาในบ้าน และสะดวกต่อการเข้า-ออกของผู้อยู่อาศัย
  • การตกแต่งและดูแลรักษาประตู : ประตูบ้านรวมทั้งทางเดินเข้าก็ต้องสะอาดเรียบร้อย ตกแต่งให้สวยงามและดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ เพื่อสื่อถึงความสมบูรณ์พูนสุข และควรหมั่นบำรุงรักษา และรักษาความสะอาดของประตูและบริเวณรอบ ๆ ด้วย
  • การเข้าออกประตู : ตามหลักของฮวงจุ้ย ประตูหน้าบ้านจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการเงินของผู้อยู่อาศัย ​การเข้า-ออกประตูหลักเป็นประจำมากกว่าประตูหลังบ้านหรือข้างบ้าน จะช่วยกระตุ้นเรื่องการเงินให้ร่ำรวย รวมถึงยังเหมือนเป็นการต้อนรับพลังงานดี ๆ ให้เข้าสู่ภายในบ้าน

ฮวงจุ้ยบ้าน การจัดพลังงานน้ำไหลเวียน

3. ฮวงจุ้ยบ้าน ต้องมีพลังงานน้ำไหลเวียน

น้ำพุ อ่างปลา หรือสระที่มีน้ำไหลวน จะช่วยเพิ่มความมั่งคั่ง และพลังงานบวก ควรวางไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ หรือทิศเหนือของบ้าน แหล่งน้ำไหลถือเป็นตัวช่วยเสริมพลังฮวงจุ้ยได้ดี จะช่วยให้พลังงานดี ๆ ภายในบ้านได้มีการหมุนเวียน ช่วยนำโชคลาภเข้ามาในบ้าน แต่ข้อที่ต้องควรระวังไว้สักหน่อย ก็คือไม่ควรนำน้ำพุหรือตู้ปลาไว้ในห้องนอนเด็ดขาด เพราะเชื่อกันว่าหากนำสิ่งของที่เกี่ยวกับน้ำไว้ภายในห้องนอนอาจจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเสียทรัพย์ได้ ควรวางไว้ข้างนอกบ้าน หรือตำแหน่งที่โปร่ง โล่งด้วยยิ่งดี

ฮวงจุ้ยบ้าน การจัดระเบียบภายในบ้านให้โล่ง เป็นระเบียบ

4. ฮวงจุ้ยบ้าน ต้องจัดระเบียบภายในบ้านให้โล่ง เป็นระเบียบ

ตามหลักฮวงจุ้ยบ้าน คือ พลังชี่ (Chi) โดยพลังงานชี่นี้เป็นพลังงานดี ที่สามารถเรียกเงินทองเข้าบ้านได้ ดังนั้นจึงควรจัดบ้านให้โล่ง และจัดบ้านให้น่าอยู่ไว้ตลอด ควรมีการจัดการข้าวของให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อเป็นการเปิดทางต้อนรับพลังงานดี ๆ ที่จะหมุนเวียนเข้ามาภายในบ้าน และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คือ “การรักษาความสะอาด” ควรรักษาความสะอาดภายในบ้านอยู่เสมอ

ฮวงจุ้ยบ้าน การเลือกสีทาบ้านให้ถูกโฉลก

5. ฮวงจุ้ยบ้านที่ดี ต้องเลือกสีบ้านให้ถูกโฉลก

เลือกสีบ้านและวัสดุที่ช่วยส่งเสริมพลังงานดี เช่น ใช้สีที่สดใสและใช้วัสดุที่มีความอบอุ่น การเลือกสีทาบ้านที่ช่วยส่งเสริมด้านการเงิน แนะนำให้ใช้สีที่สื่อถึงธาตุไม้ ธาตุน้ำ และธาตุดิน เช่น สีเขียว สีน้ำตาล สีน้ำเงิน สีดำ สีส้ม หรือสีเหลืองอ่อน จะยิ่งช่วยเสริมเรื่องความมั่งคั่งให้กับเจ้าของบ้านได้ นอกจากนี้การใช้สีธาตุไฟ เช่น สีแดง สีส้ม สีม่วง หรือสีชมพู ก็สามารถช่วยกระตุ้นพลังด้านการเงินได้เช่นกัน แต่ควรนำมาตกแต่งเพียงเล็กน้อยหรือแค่บางจุดเท่านั้น เพราะสีของธาตุไฟอาจทำให้อุณหภูมิบรรยากาศภายในบ้านร้อนขึ้น

ฮวงจุ้ยบ้าน ห้ามประตูหน้ากับประตูหลังตรงกัน

6. ฮวงจุ้ยบ้านที่ดี ประตูหน้ากับประตูหลังห้ามตรงกันเด็ดขาด

ประตูบ้านด้านหน้าและด้านหลังตรงกัน หมายความว่า พลังงานที่ผ่านเข้ามาทางประตูหน้า จะไหลผ่านออกทางหลังบ้านได้ง่าย ๆ ซึ่งก็ส่งผลให้เจ้าของบ้านเก็บเงินไม่อยู่ แนะนำให้แก้เคล็ดด้วยการขวางระหว่างประตูด้วยโต๊ะกลมขนาดใหญ่ หรือหาม่านบังตาที่แข็งแรงมากั้น 

ฮวงจุ้ยบ้าน ตกแต่งด้วยงานศิลปะ

7. ฮวงจุ้ยบ้านที่ดี ควรมีงานศิลปะกระตุ้นพลังบวก

การเพิ่มชิ้นงานศิลปะ ที่แสดงถึงความตั้งใจ หรือแรงบันดาลใจ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จและความสุข จะช่วยกระตุ้นพลังงานเชิงบวกให้กับคนในบ้านได้

ฮวงจุ้ยบ้าน การมีกระจกเงาในบ้าน ช่วยสะท้อนสิ่งไม่ดี

8. ฮวงจุ้ยบ้านที่ดี ควรมีกระจกเงา ช่วยสะท้อนและขจัดสิ่งไม่ดีออกไป

การมีกระจกเงาในบ้าน จะช่วยสะท้อนสิ่งอัปมงคล และช่วยเปลี่ยนเส้นทางพลังงานได้ แต่มีข้อควรระวัง คืออย่าวางตรงปลายเตียงนอน เพราะเชื่อว่าอาจทำให้ชีวิตรักไม่ราบรื่น และอย่าวางไว้บริเวณหน้าประตูบ้านเพราะเชื่อว่าจะสะท้อนโชคลาภออกไป

การนำหลักฮวงจุ้ยมาปรับใช้กับบ้านอย่างเหมาะสม จะช่วยให้มีพลังงานที่ดีและส่งเสริมความสุข ความเป็นสิริมงคลในชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัยได้ หากสนใจดูโครงการบ้านคุณภาพ มีมาตรฐาน ที่มาพร้อมฟังก์ชันและดีไซน์รองรับทุกการปรับเปลี่ยนตามหลักฮวงจุ้ย บนหลากหลายทำเลศักยภาพ คลิกดูรายละเอียดโครงการต่าง ๆ จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ ได้ที่ www.areeya.co.th

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://home.kapook.com/view93725.html
https://home.kapook.com/view275285.html

awsa

เทคนิคการตั้งหิ้งพระในบ้าน 2 ชั้นอย่างถูกต้องและเหมาะสม

การตั้งหิ้งพระในบ้าน 2 ชั้น

“หิ้งพระ” เป็นสิ่งที่บ้านของคนไทยให้ความสำคัญในการติดตั้งเอาไว้ เพื่อเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำหรับกราบไหว้บูชา ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจติดตั้งหิ้งพระที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้าน จึงควรคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะบ้านที่มีพื้นที่จำกัด

ทำไมตำแหน่งหิ้งพระในบ้านถึงสำคัญ ?

สิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ปฏิบัติเป็นกิจวัตรคือ การกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอให้ปกป้องคุ้มครองและเสริมความเป็นสิริมงคลแก่ทุกคนในบ้าน ทั้งยามเช้าและก่อนเข้านอน นอกจากนี้บริเวณหิ้งบูชายังมีการจัดวางของถวาย ดังนั้น ตำแหน่งที่วางจึงควรเป็นบริเวณที่คนในบ้านสามารถเข้ามาสักการบูชาได้อย่างสะดวก มีความสงบ และสะอาด รวมถึงสอดคล้องกับคติความเชื่อที่มีมาแต่ดั้งเดิม

การตั้งหิ้งพระในบ้าน 2 ชั้นที่มีพื้นที่จำกัด ต้องพิจารณาอะไรบ้าง ?

หลักการตั้งหิ้งพระในบ้านที่มีพื้นที่จำกัด คือ ต้องใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าและได้ประโยชน์สูงสุด โดยมีสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบหลายประการทั้งเรื่องของตำแหน่ง ทิศทาง และจุดที่ไม่ควรวาง ดังนี้

ตำแหน่งหิ้งพระในบ้าน ควรตั้งตรงไหนดี

ตามความเชื่อของคนไทย ควรตั้งไว้ในตำแหน่งดังต่อไปนี้

  • ชั้นบนของบ้าน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่สูงสุดของบ้าน เหมาะสำหรับการวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพสักการบูชา
  • โถงกลางบ้าน เป็นจุดที่ทุกคนในบ้านสามารถมองเห็นได้ง่าย และสามารถกราบไหว้บูชาได้สะดวก สามารถใช้เป็นจุดที่ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนออกจากบ้านได้
  • ห้องพระ หากว่ามีพื้นที่เพียงพอ สามารถจัดห้องพระสำหรับบูชาพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะ
  • ชั้นลอย การต่อเติมชั้นลอยบริเวณโถงบันได เพื่อใช้เป็นที่วางพระพุทธรูปได้ก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นเดียวกัน

ทิศวางหิ้งพระ

คำถามที่แทบจะทุกบ้านต้องถามคือ หิ้งพระต้องหันหน้าไปทางทิศไหนดี ซึ่งการหันหน้าหิ้งพระในแต่ละทิศมีความแตกต่างกันดังต่อไปนี้

  • ทิศเหนือ นำพาความสุข ความร่ำรวย และความสำเร็จ
  • ทิศใต้ ต้องเผชิญกับความยากลำบาก และติดขัด กว่าจะสำเร็จต้องใช้เวลานาน
  • ทิศตะวันออก ช่วยขจัดอุปสรรค นำพาความเจริญก้าวหน้ามาให้คนในบ้าน ส่งเสริมความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
  • ทิศตะวันตก เป็นทิศที่ไม่แนะนำ เพราะต้องเผชิญอุปสรรคหนักหนากว่าจะสำเร็จ
  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นำพาโชคลาภ และความเจริญก้าวหน้า เป็นทิศที่ส่งเสริมความร่ำรวยและเงินทอง
  • ทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นทิศที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะต้องเจออุปสรรคและความลำบากก่อน
  • ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เริ่มต้นจะหนัก กว่าจะสำเร็จได้ต้องลงทุนลงแรงมากกว่าคนอื่น
  • ทิศตะวันตกเฉียงใต้ กว่าจะสำเร็จได้ต้องใช้ความพยายามและอดทนอย่างหนัก เป็นทิศที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน

โดยทั่วไป แนะนำให้หันหิ้งพระไปทางทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนทิศที่ควรหลีกเลี่ยงคือ ทิศใต้และทิศตะวันตก ซึ่งเชื่อว่าต้องเผชิญกับความเหนื่อยและยากลำบาก ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ

ทำไมควรวางหิ้งพระไว้ที่ชั้น 2 ของบ้าน

สำหรับบ้าน 2 ชั้น แนะนำให้วางหิ้งพระไว้ที่ชั้น 2 ของตัวบ้าน หรือบริเวณชั้นลอยที่อยู่เหนือจากชั้น 2 ขึ้นไป เนื่องจากเป็นการแสดงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ให้มีคนเดินข้ามไปมาเหนือหิ้งพระ เป็นการหลีกเลี่ยงการรบกวนจากกิจกรรมประจำวันที่มักเกิดขึ้น ทั้งยังช่วยให้พลังงานบวกกระจายทั่วทั้งบ้านได้ดีกว่าชั้นล่าง

ตำแหน่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการวางหิ้งพระ

แนะนำให้หลีกเลี่ยงการตั้งหิ้งพระบริเวณดังต่อไปนี้

  • หน้าห้องน้ำ หรือผนังที่ติดกับห้องน้ำ เพราะเป็นพื้นที่ที่ปล่อยพลังงานลบ
  • ห้องนอน เป็นห้องที่ใช้ทำกิจวัตรประจำวัน
  • ใต้บันได เนื่องจากมีคนเดินผ่านเป็นประจำ
  • ใต้คาน อาจโดนพลังงานลบกดทับ
  • เหนือประตู เพราะเป็นส่วนที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา

หิ้งพระในบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น

เทคนิคเพิ่มเติมสำหรับการตั้งหิ้งพระในบ้าน 2 ชั้น

หากต้องการให้หิ้งพระช่วยเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่คนในบ้าน ให้ปฏิบัติตามเทคนิคง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

ดูแลหิ้งพระให้สะอาด ปราศจากฝุ่น

ให้ทำความสะอาดหิ้งพระและบริเวณโดยรอบอย่างสม่ำเสมอ คอยดูแลเรื่องน้ำและดอกไม้บูชาพระ หากสกปรกหรือเหี่ยวเฉาให้เปลี่ยนใหม่เสมอ

จัดหิ้งพระให้เป็นระเบียบ

ควรจัดวางหิ้งพระให้เป็นระเบียบ และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่วางสิ่งของอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสักการบูชาบนหิ้งพระ

เลือกวัสดุที่มีความเหมาะสม

เลือกใช้วัสดุทำหิ้งพระที่คงทนแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้ดี นอกจากนี้ยังคงความสวยงามและเข้ากับการตกแต่งภายในบ้าน

การตั้งหิ้งพระในบ้าน 2 ชั้นอย่างถูกต้อง นอกจากเป็นการช่วยเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลแล้ว การเลือกตำแหน่งและทิศทางที่เหมาะสม รวมถึงการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้หิ้งพระเป็นศูนย์รวมจิตใจและสร้างพลังบวกให้แก่ทุกคนในครอบครัว

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้สอยและสามารถเสริมสิริมงคลได้อย่างลงตัว แนะนำให้พิจารณาโครงการบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้นคุณภาพจาก อารียา พรอพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นทาวน์โฮมที่ตอบโจทย์ทุกการใช้สอยของผู้อยู่อาศัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน บนทำเลศักยภาพ เพื่อชีวิตที่ราบรื่นและสมดุล
สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมและเป็นเจ้าของทาวน์โฮมได้แล้ววันนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

 

แหล่งอ้างอิง

วิธีจัดฮวงจุ้ยห้องพระ ให้บ้านสงบร่มเย็น ช่วยเสริมโชคลาภและบารมี. สืบค้นเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 จาก https://home.kapook.com/view45578.html

awsa

ฮวงจุ้ยบ้านที่ดีเป็นอย่างไร ? เปิดเคล็ดลับปรับบ้านเสริมพลัง

เปิดประตูดูฮวงจุ้ยบ้านด้วยตัวเอง

ฮวงจุ้ย เป็นศาสตร์โบราณที่ใช้ในการจัดระเบียบพื้นที่ให้เกิดความสมดุลและพลังงานที่ดี ซึ่งมีผลต่อการส่งเสริมโชคลาภ สุขภาพ และความสัมพันธ์ที่ดีภายในบ้าน หลายคนอาจรู้สึกว่าการดูฮวงจุ้ยและปรับพื้นที่บ้านให้เป็นไปตามหลักการเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ในความเป็นจริงการปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเป็นไปตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่ดีได้ บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ 12 เทคนิคสำคัญในการดูฮวงจุ้ยบ้านด้วยตัวเอง เพื่อเสริมพลังบวกและทำให้บ้านมีชีวิตชีวามากขึ้น !

12 เทคนิคสำคัญในการดูฮวงจุ้ยบ้านด้วยตัวเอง

1. ประตูหน้าบ้าน ทางเข้าของพลังงาน

ประตูหน้าบ้าน ถือเป็นจุดสำคัญที่สุดในการรับพลังงานเข้าสู่บ้าน จึงควรดูแลให้สะอาด สามารถเปิดโล่งได้สะดวกโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง เนื่องจากประตูที่มีลักษณะเปิดเข้าด้านในจะสื่อถึงการเปิดรับทรัพย์ให้เข้าบ้าน อีกทั้งยังทำให้พลังงานดีไหลเวียนเข้าได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ยังควรเลี่ยงการมีประตูหน้าบ้านตรงกับประตูหลังบ้าน เพราะอาจทำให้พลังงานดีไหลผ่านบ้านไปโดยไม่กระจายทั่วบ้าน

2. การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ พลังงานที่ต้องเคลื่อนไหว

การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ควรคำนึงถึงการไหลเวียนของพลังงาน โดยไม่ควรวางเฟอร์นิเจอร์ขวางทางเดิน หรือประตู ควรจัดให้มีพื้นที่ว่างพอสมควรระหว่างเฟอร์นิเจอร์ชิ้นต่าง ๆ เพื่อให้พลังงานในบ้านสามารถหมุนเวียนได้อย่างอิสระ

3. สร้างความสมดุลของธาตุทั้ง 5

ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่ดี การตกแต่งบ้านควรมีความสมดุลของธาตุทั้ง 5 ได้แก่ ไม้ ไฟ ดิน โลหะ และน้ำ โดยใช้สีและวัสดุที่เป็นตัวแทนของธาตุเหล่านี้ เช่น สีเขียวแทนธาตุไม้ สีแดงแทนธาตุไฟ สีเหลืองแทนธาตุดิน สีขาวแทนธาตุโลหะ และสีดำหรือน้ำเงินแทนธาตุน้ำ ซึ่งการสร้างความสมดุลของธาตุทั้ง 5 ภายในบ้าน จะช่วยเสริมบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นสุข เช่น การวางแจกันดอกไม้สีแดง (ธาตุไฟ) ไว้ทางทิศใต้ของห้องนั่งเล่น ที่จะช่วยเพิ่มพลังงานและความอบอุ่นให้แก่ห้อง หรือการใช้พรมสีน้ำเงิน (ธาตุน้ำ) ปูในห้องนอน เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลาย

4. สีห้อง เลือกสีที่ส่งเสริมพลังงาน

สีของห้อง สามารถส่งผลต่ออารมณ์และพลังงานของผู้อยู่อาศัยได้ การเลือกสีห้องตามหลักฮวงจุ้ยจึงมีความสำคัญมาก เช่น ควรใช้โทนสีอ่อนในห้องนอน เพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ส่วนห้องทำงานที่ต้องใช้ความคิดเป็นประจำ ก็ควรใช้สีที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เช่น สีเขียวอ่อน หรือสีฟ้า

5. เตียงนอน ที่พักของพลังงานชีวิต

เตียงนอนเป็นที่พักผ่อนที่สำคัญ จึงควรวางเตียงนอนในตำแหน่งที่เหมาะสม สามารถมองเห็นประตูห้องได้ แต่ไม่ควรอยู่ตรงกับประตูพอดีและไม่ควรวางใต้คาน หรือติดหน้าต่าง เพื่อให้รู้สึกปลอดภัยและมั่นคงขณะนอนหลับ

6. การจัดบ้านให้สะอาด ล้างพลังงานลบ

บ้านที่สะอาดเป็นระเบียบจะช่วยให้พลังงานบวกไหลเวียนได้ดี จึงควรกำจัดสิ่งของที่ไม่จำเป็นหรือไม่ได้ใช้แล้วออกไป เพื่อขจัดพลังงานลบและสิ่งสกปรก เปิดพื้นที่ให้พลังงานใหม่ ๆ เข้ามา ทำให้บ้านดูสดใสและมีชีวิตชีวามากขึ้น

7. กระจก สะท้อนพลังงานลบออกไปได้

นอกจากกระจกเงาจะช่วยตกแต่งบ้าน เพิ่มความสวยงามทำให้บ้านดูกว้างขึ้นได้แล้ว ยังสามารถสะท้อนสิ่งที่ไม่ดีออกไป ดังที่เรามักเห็นการติดกระจกตามรั้วหน้าบ้านที่ตั้งอยู่บริเวณสี่แพร่ง เพื่อสะท้อนพลังงานลบไม่ให้เข้ามาในบ้าน

8. แสงสว่าง สร้างพลังงานแห่งชีวิต

แสงสว่างเป็นตัวแทนของพลังงานชีวิต อีกทั้งยังช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง จึงควรให้มีแสงธรรมชาติเข้าบ้านให้มากที่สุดและควรเปิดไฟในมุมอับหรือมุมมืด เพื่อกระจายพลังงานให้ทั่วบ้าน

ห้องที่ดูสว่างมีแสงเข้าถึงอย่างเพียงพอ ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่ดี

9. การเลือกและต้นไม้ เสริมพลังงานธรรมชาติ

ต้นไม้สีเขียวช่วยเพิ่มพลังงานบวกให้แก่บ้าน แต่ควรเลือกพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและตำแหน่งที่วาง โดยต้องดูแลให้ต้นไม้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอเพื่อสภาพแวดล้อมและพลังงานที่ดี ซึ่งการปลูกต้นไม้ในแต่ละทิศก็ให้พลังงานที่ส่งผลต่อหลักฮวงจุ้ยบ้านที่แตกต่างกัน ได้แก่

  • ทิศเหนือ เกี่ยวข้องกับอาชีพการงาน
  • ทิศตะวันออก ช่วยส่งเสริมสุขภาพ ชื่อเสียง รวมถึงสติปัญญา
  • ทิศใต้ เป็นทิศที่เกี่ยวข้องกับการงานและบารมี
  • ทิศตะวันตก เป็นทิศที่เกี่ยวข้องกับความรู้และความคิดสร้างสรรค์

10. สร้างความสงบและสมดุลในพื้นที่ส่วนตัว

การจัดสรรพื้นที่ส่วนตัว เช่น ห้องนอน หรือมุมอ่านหนังสือ จะช่วยให้เราได้ผ่อนคลายและพักผ่อนอย่างเต็มที่ เสริมบรรยากาศสงบภายในบ้าน โดยไม่ควรใช้สีที่ฉูดฉาดในห้องนอน เพราะอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการนอนหลับ ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านที่ดี จึงควรเลือกใช้สีที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย อย่างโทนสีอ่อนที่สบายตา

11. เสริมพลังงานด้วยวัตถุมงคล

การใช้วัตถุมงคลตามความเชื่อสามารถช่วยเสริมพลังงานบวกให้แก่บ้านได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ของที่มีขนาดใหญ่ เพียงศึกษาความหมายให้ดีก็สามารถนำวัตถุมงคลชิ้นเล็กมาประดับตกแต่งบ้านได้ เช่น โหลปลาทองขนาดเล็ก ที่เสริมพลังมงคลด้านความมั่งคั่ง ร่ำรวย หรือปี่เซียะที่ช่วยเรียกทรัพย์และโชคลาภ

12. ตรวจดูมุมอับที่พลังงานไม่หมุนเวียน

มุมอับ หรือพื้นที่ที่มีการใช้งานน้อย มักเป็นจุดที่พลังงานค่อนข้างอ่อนแอและไม่หมุนเวียน จึงควรใช้วิธีกระตุ้นพลังงานในจุดเหล่านี้ เช่น การใช้ระฆังลมเพื่อปรับพลังงานในมุมที่ไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหว หรือใช้คริสตัล เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของพลังงาน

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงได้ไอเดียดูฮวงจุ้ยบ้านด้วยตัวเองเพื่อนำไปปรับใช้กันบ้างแล้ว สำหรับใครที่มองหาบ้านเดี่ยวในฝันที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องฮวงจุ้ยและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต แนะนำโครงการบ้านเดี่ยวจากอารียา พรอพเพอร์ตี้ บ้านที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทุกความต้องการของครอบครัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน บนทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก เริ่มต้นเพียง 3.59 ล้านบาท*

พบกับบ้านหลากหลายสไตล์ รองรับทุกการอยู่อาศัย ที่พร้อมให้คุณย้ายเข้าอยู่ได้ทันที สัมผัสชีวิตที่สมบูรณ์แบบได้แล้ววันนี้ สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

 

แหล่งอ้างอิง

วิธีดูฮวงจุ้ยบ้านด้วยตัวเอง เสริมโชคลาภ อยู่แล้วสุขกายสบายใจ. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 จาก https://home.kapook.com/view274586.html

awsa