Category: Living

การมีจิ้งจกอาศัยอยู่ในบ้าน เป็นหนึ่งในปัญหากวนใจเจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัย ทำให้ภาพลักษณ์ดูไม่ดีเมื่อมีคนมาบ้าน อีกทั้งยังอาจมีเชื้อโรคที่ปะปนมากับจิ้งจก ส่งผลเสียต่อสุขภาพของคนในบ้านอีก วันนี้อารียาฯ เลยจะมาแนะนำ 5 วิธีไล่จิ้งจกให้หายเกลี้ยง และป้องกันไม่ให้จิ้งจกเข้าบ้านได้อีก รับรองว่าแค่ทำตามนี้ ก็จะหมดปัญหารำคาญใจ แถมยังเป็นวิธีธรรมชาติที่ไม่ใช้สารเคมี ปลอดภัยต่อคน สัตว์เลี้ยง และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ได้ผลแน่นอน

1. ไล่จิ้งจกด้วยน้ำยาสมุนไพร จากใบสาบเสือและใบน้อยหน่า

น้ำยาสมุนไพรธรรมชาติช่วยไล่จิ้งจกได้ เพียงนำใบสาบเสือ และใบน้อยหน่าอย่างละเท่า ๆ กัน มาตำให้เกิดกลิ่นฉุนแล้วห่อด้วยผ้า จากนั้นนำไปแขวนบริเวณที่มีจิ้งจกเกาะอยู่ รับรองว่าไล่จิ้งจกได้แน่นอน

2. ไล่จิ้งจก ด้วยเปลือกมะนาว

เพียงนำเปลือกมะนาวใส่ภาชนะเล็ก ๆ แล้ววางตามบริเวณที่จิ้งจกชอบอาศัยอยู่ หากเป็นที่สูงให้นำด้านหลังของเปลือกมะนาวไปทาบริเวณนั้น ๆ เพื่อให้กลิ่นและความเป็นกรดติดไว้ ลองทำตามดู รับรองว่าไล่จิ้งจกได้ผลชัวร์

3. เลี้ยงแมว เพื่อช่วยไล่จิ้งจก

การเลี้ยงแมวเพื่อช่วยไล่จิ้งจก เป็นวิธีไล่จิ้งจกได้แบบถาวร เพราะลักษณะนิสัยของแมวมักชอบล่าจับจิ้งจก แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่เลี้ยงแมวอยู่แล้ว แต่ไม่เหมาะสำหรับคนที่แพ้ขนแมวหรือไม่ชอบเลี้ยงแมว

4. ไล่จิ้งจก ด้วยการบูร

การไล่จิ้งจกด้วยการบูร เป็นอีกวิธีไล่จิ้งจกในบ้านที่ทำได้ง่าย ๆ เพียงนำการบูรแบบผง แบบเม็ด หรือแบบแท่งใส่ถุงผ้าบาง ๆ มาวางไว้ตามจุดต่าง ๆ ในบ้าน โดยตัวการบูรจะไม่ทำให้คนในบ้านระคายเคือง และรู้สึกมีกลิ่นฉุนเหมือนกับวิธีอื่น ๆ อีกทั้งนอกจากช่วยไล่จิ้งจกได้แล้ว ยังช่วยไล่ยุง แมลงสาบ มด มอด และแมลงอื่น ๆ ได้ด้วย

5. ใช้คลื่นเสียงไล่จิ้งจก

อีกสิ่งที่จิ้งจกกลัว คือการส่งคลื่นเสียงไปรบกวนระบบประสาทเพื่อไล่จิ้งจก แต่ไม่เป็นอันตรายกับคนในบ้านหรือสัตว์เลี้ยง ซึ่งคลื่นเสียงไล่จิ้งจกมีทั้งแบบเสียบปลั๊กไฟ และแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟน

         
เมื่อเราไล่จิ้งจกได้อย่างถาวร จะสามารถทำให้บ้านสะอาด น่าอยู่ ปลอดเชื้อโรคมากยิ่งขึ้น ลองทำตาม 5 วิธีไล่จิ้งจกนี้รับรองว่าได้ผลอย่างแน่นอน คลิกดูโครงการบ้านจากอารียาฯ เพิ่มเติมได้ที่ www.areeya.co.th บ้านคุณภาพ บนหลากหลายทำเลศักยภาพที่ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของทุกคนในบ้าน

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://home.kapook.com/view90161.html
https://www.sanook.com/women/217013/

คนอยู่บ้าน อยู่คอนโดส่วนใหญ่คงเจอปัญหานกพิราบกวนใจ มาดูวิธีไล่นกพิราบที่ได้ผลชัวร์! หมดปัญหารำคาญใจกับปัญหานกพิราบทำสิ่งปฏิกูลบริเวณหลังคา และระเบียงบ้านหรือคอนโด ทำให้ต้องเก็บกวาดอยู่บ่อยครั้ง นอกจากจะสกปรกแล้ว ยังเป็นพาหะนำโรคต่าง ๆ อีกด้วย อารียาฯ มาแนะนำ 5 วิธีไล่นกพิราบ ที่สามารถทำตามง่าย ๆ ไล่นกพิราบได้ผลแน่นอน

1. ไล่นกพิราบวิธีแรก ติดตาข่ายพีวีซี

ไล่นกพิราบวิธีแรก ติดตาข่ายพีวีซี ช่วยไล่นกพิราบได้เป็นอย่างดี เพียงนำตาข่ายมาขึงปิดช่องที่อยู่ระหว่างเพดาน และระเบียง เพื่อไม่ให้นกพิราบเข้ามาทำรังตรงระเบียง หมดปัญหานกพิราบมาทิ้งปฏิกูลไว้บริเวณพื้นที่ระเบียงอีกด้วย

2. ไล่นกพิราบวิธีที่สอง แขวนแผ่นซีดี

ไล่นกพิราบวิธีที่สอง แขวนแผ่นซีดีไว้เพื่อให้กระทบกับแสงแดด เป็นวิธีไล่นกพิราบบนหลังคา และระเบียง ไม่ให้มาเข้าใกล้บริเวณบ้าน หรือคอนโดของเราได้

3. ไล่นกพิราบวิธีที่สาม เลี้ยงสัตว์

ไล่นกพิราบวิธีที่สาม เลี้ยงสัตว์ อย่างเช่นแมวหรือสุนัข ถึงแม้จะเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านแต่สัญชาตญาณการเป็นผู้ล่ายังคงมีในตัว สัตว์เลี้ยงเหล่านี้ชอบวิ่งไล่จับนกมาก ๆ แค่เห็นนกพิราบบินลงมา เหล่าสัตว์เลี้ยงก็พร้อมวิ่งไล่จับนกพิราบแล้ว

4. ไล่นกพิราบวิธีที่สี่ ฉีดน้ำยากันนก

ไล่นกพิราบวิธีที่สี่ ฉีดน้ำยากันนก ใช้สเปรย์กันนกที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ พ่นบนขอบระเบียงบ้าน หรือระเบียงคอนโด สเปรย์จะมีฤทธิ์ในการไล่นกพิราบ เพราะมีกลิ่นที่นกไม่ชอบ หากยิ่งฉีดเป็นประจำก็จะสามารถไล่นกพิราบได้แบบถาวร

5. ไล่นกพิราบวิธีที่ห้า ติดแถบกันนก

ไล่นกพิราบวิธีที่ห้า ติดแถบกันนก วิธีไล่นกพิราบแบบถาวรที่ฮิตมากในยุคนี้ คือการติดแถบกันนกที่มีลักษณะเป็นหนามหรือเหล็กแหลมตามขอบหลังคาและระเบียง ทำให้นกไม่สามารถเกาะได้ เพราะขอบแหลมคมจะทำให้นกรู้สึกไม่สบายตัว เทคนิคนี้ถือเป็นที่นิยมเพราะติดตั้งง่าย ทนทาน และไม่เป็นอันตรายต่อนกด้วย
                                               
เมื่อเราไล่นกพิราบได้อย่างถาวร จะสามารถปกป้องคนในบ้านไม่ให้ได้รับผลกระทบทั้งเรื่องความสะอาด ความสวยงามของบ้าน และเชื้อโรคที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจและด้านอื่น ๆ ใครกังวลปัญาเรื่องนกพิราบ ลองทำตาม 5 วิธีไล่นกพิราบนี้รับรองว่าได้ผลอย่างแน่นอน

คลิกดูโครงการบ้านและคอนโด จากอารียาฯ เพิ่มเติมได้ที่ www.areeya.co.th บนหลากหลายทำเลศักยภาพที่ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของทุกคน

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก:
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2106280
https://home.kapook.com/view149477.html
https://www.jorakay.co.th/blog/owner/other/how-to-get-rid-of-pigeons

การเลือกวอลเปเปอร์ติดผนัง ไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับบ้านและผู้อยู่อาศัยอีกด้วย หลายคนเชื่อว่าการเลือกสีและลายที่ถูกต้องจะช่วยดึงดูดพลังงานบวก โชคลาภ และความเจริญรุ่งเรืองเข้ามา นอกจากนี้วอลเปเปอร์ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลายให้บ้านกลายเป็นที่พักผ่อน อยู่แล้วสงบสุข สบายใจอย่างแท้จริง มาดูเคล็ดลับการเลือกวอลเปเปอร์สายมูกันเลย

เลือกสีวอลเปเปอร์และลายที่เสริมความมงคล

การเลือกวอลเปเปอร์ที่ดี ควรพิจารณาทั้งสีและลายที่ไม่เพียงแต่มองแล้วสวยงาม แต่ยังต้องมีความหมายที่ดีตามหลักฮวงจุ้ยและความเชื่อ ดังนี้

สีวอลเปเปอร์ติดผนังเสริมความมงคล

• สีทอง : เป็นสีที่สื่อถึงความมั่งคั่งและความเจริญรุ่งเรือง ทำให้บ้านมีพลังดึงดูดโชคลาภและความสำเร็จ เหมาะกับนำมาตกแต่งเป็นลูกเล่นเสริมบางมุมของบ้าน
• สีเขียว : สื่อถึงความเจริญเติบโต สุขภาพที่ดี ความสดชื่น และช่วยเสริมความมั่นคงปลอดภัย เหมาะสำหรับห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน
• สีฟ้าและสีน้ำเงิน : ช่วยสร้างความสงบ สมดุล และความรู้สึกปลอดภัย เหมาะกับห้องทำงานหรือห้องนอน

ลายวอลเปเปอร์ติดผนังเสริมความมงคล

• ลายดอกไม้ : ลายดอกไม้ที่เบ่งบานไม่เพียงแต่ให้ความรู้สึกสดใส น่ารัก แต่ยังสื่อถึงความเจริญงอกงาม ความสุข และความสมบูรณ์ของผู้อยู่อาศัยด้วย
• ลายต้นไม้ : สัญลักษณ์ของความแข็งแรง เติบโต และความมั่นคง เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการสร้างพลังงานแห่งความเข้มแข็ง
• ลายก้อนเมฆ : สื่อถึงความสงบ ความสง่างาม และความเป็นมงคลของการใช้ชีวิต ลายนี้ช่วยเพิ่มบรรยากาศที่เงียบสงบให้กับบ้านได้มาก

วอลเปเปอร์ติดผนัง กับการตกแต่งบ้านให้ลงตัว

วอลเปเปอร์ติดผนังที่เสริมความมงคลไม่จำเป็นต้องขัดกับสไตล์การตกแต่งบ้าน เพราะไม่ว่าจะตกแต่งบ้านในสไตล์โมเดิร์นที่เน้นความเรียบหรู คลาสสิก เน้นรายละเอียดที่ประณีต หรือต้องการตกแต่งในสไตล์มินิมอลที่เน้นความเรียบง่าย วอลเปเปอร์สายมูที่เลือก ก็สามารถเข้ากับสไตล์บ้านได้อย่างลงตัว เพียงแค่รู้จักจับคู่สีและลายให้เหมาะสมกับเฟอร์นิเจอร์และบรรยากาศของบ้าน

เคล็ดลับการติดวอลเปเปอร์ให้สวยงามและยั่งยืน

เพื่อให้วอลเปเปอร์ติดผนังของดูสวยงามและมีอายุการใช้งานยาวนาน ควรเลือกวัสดุที่มีคุณภาพสูง ติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ และควรหลีกเลี่ยงการติดวอลเปเปอร์ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง อย่างห้องน้ำ เนื่องจากจะทำให้วอลเปเปอร์เสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น นอกจากนี้การบำรุงรักษาวอลเปเปอร์สายมูก็เป็นเรื่องสำคัญ เมื่อติดวอลเปเปอร์ตรงตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ก็ควรหมั่นดูแลรักษา ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอด้วยผ้าหรือแปรงที่นุ่ม เพื่อให้วอลเปเปอร์ดูใหม่อยู่ตลอดเวลา พลังของความสะอาดและความสวยงามจะช่วยดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาสู่ภายในบ้าน

สำหรับใครที่ซื้อบ้าน หรือกำลังทำบ้านอยู่ และมีแพลนจะติดวอลเปเปอร์ อย่าลืมคำนึงถึงความสวยงาม และเสริมความเป็นมงคลให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัยด้วย แต่ถ้าใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกซื้อบ้านที่ไหน แบบใดดี เข้ามาดูโครงการบ้านคุณภาพของอารียาฯ สามารถเลือกแบบบ้าน และโลเคชันที่ต้องการได้เลย ฟังก์ชันของบ้านออกแบบมาให้เลือกติดวอลเปเปอร์ให้ตรงใจได้ทั้งบ้าน ตรงตามสไตล์ที่ชอบ เข้าไปดูข้อมูลโครงการต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://areeya.co.th

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://www.apartmenttherapy.com/pro-tips-peel-and-stick-wallpaper-diy-37041376

https://www.thespruce.com/feng-shui-color-tips-to-create-a-beautiful-home-1274395

https://www.thespruce.com/wallpaper-ideas-8575862

แค่จัดบ้านยังไม่พอ! ถ้าจะให้ดีควรจัดฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์เสริมไปด้วย เพื่อให้เจ้าของบ้านอยู่แล้วมีความเป็นสิริมงคล เงินทองไหลมาเทมา วันนี้อารียาฯ มี 5 วิธีการจัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์มาให้ทุกคนได้จัดตามกัน จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย

1. ตกแต่งบ้านตามหลักฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์ ด้วยรูปทรงตามธาตุ

แต่งบ้านตามหลักฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์ จะเน้นการตกแต่งด้วยรูปทรงตามธาตุ เพราะวัตถุรูปทรงต่าง ๆ จะแสดงออกถึงธาตุที่ต่างกัน เมื่อนำมาใช้ตกแต่งบ้านก็จะช่วยดึงดูดพลังบวกทางการเงินได้

• วัตถุรูปทรงสูง เป็นตัวแทนของธาตุไม้ ธาตุแห่งการเจริญเติบโต ความยืดหยุ่น ความคิดสร้างสรรค์ และการขยับขยาย

• วัตถุรูปทรงสี่เหลี่ยม เป็นตัวแทนของธาตุดิน เป็นธาตุแห่งความมั่นคง ความอดทน การสนับสนุน และความอุดมสมบูรณ์

• วัตถุรูปทรงคลื่น เป็นตัวแทนของธาตุน้ำ เป็นธาตุแห่งการไหลลื่น ความลึก ความสงบ และความอ่อนน้อม

การตกแต่งด้วยสิ่งของรูปทรงตามธาตุให้สมดุลกัน ไม่ว่าจะเป็นกรอบรูป ลายผ้า แจกันดอกไม้ ก็จะช่วยเรียกทรัพย์ สามารถช่วยนำพาพลังงานด้านการเงินของบ้านเข้ามาได้

2. ใช้สีตามฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์ เพื่อส่งเสริมการเงิน

เลือกใช้สีตามฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์เพื่อส่งเสริมการเงิน ควรใช้สีที่สื่อถึงธาตุไม้ ธาตุน้ำ และธาตุดินให้สมดุลกัน เช่น สีเขียว สีน้ำตาล สีน้ำเงิน สีดำ สีส้มดิน หรือสีเหลืองอ่อน นำมาตกแต่งพื้นที่ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสีผนัง สีผ้า หรือของตกแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะช่วยเสริมพลังให้ความมั่งคั่งให้กับเจ้าของบ้านได้

3. ใช้สิ่งของเกี่ยวกับน้ำ กระจก หรือรูปภาพที่สื่อถึงน้ำมาตกแต่งบ้าน เพื่อเสริมฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์

ใช้สิ่งของเกี่ยวกับน้ำ กระจก หรือรูปภาพที่สื่อถึงน้ำ เพื่อเสริมฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์ นำน้ำพุเข้ามาตั้งในตำแหน่งการเงินของบ้าน จะช่วยเสริมฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์ได้ หรือหากไม่มีน้ำพุก็สามารถนำรูปภาพที่สื่อถึงน้ำ เช่น น้ำตก แม่น้ำ หรือมหาสมุทร โดยต้องเป็นภาพน้ำที่สะอาดและเคลื่อนไหว จะยิ่งช่วยส่งเสริมการเงิน เรียกทรัพย์ให้ไหลมาเทมา

4. ปลูกต้นไม้มงคล เสริมฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์

ต้นไม้มงคลช่วยเสริมฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์ ต้นไม้มงคลนอกจากจะตกแต่งบ้านให้มีความสวยงาม ร่มรื่นแล้ว ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์ ยังช่วยดึงดูดความมั่งคั่งมาให้กับคนในบ้านอีกด้วย โดยจะต้องวางต้นไม้บริเวณทิศตะวันออก ทิศใต้ และทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ้าน จะยิ่งช่วยในเรื่องการเงินเป็นอย่างดี

5. ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์ ตำแหน่งหัวเตียงห้ามชิดผนังห้องน้ำ

ตามหลักฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์ ตำแหน่งการวางหัวเตียงต้องห้ามชิดกับผนังห้องน้ำ เนื่องจากจะเป็นการขัดในเรื่องของโชคลาภ และยังส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยมีอารมณ์แปรปรวนง่ายอีกด้วย

ทำตามหลักฮวงจุ้ยบ้านเรียกทรัพย์ เพื่อนำไปปรับใช้กับบ้านอย่างเหมาะสม จะยิ่งช่วยให้เจ้าของบ้านมีพลังงานทางการเงินที่ดี หากสนใจดูบ้านคุณภาพที่สามารถตกแต่งจัดบ้านให้ตรงตามหลักฮวงจุ้ยได้ตามต้องการ คลิกดูโครงการบ้านจากอารียาฯ เพิ่มเติมได้ที่ www.areeya.co.th

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://home.kapook.com/view113692.html
https://www.jorakay.co.th/blog/owner/other/feng-shui-house-keeps-money-flowing-it-is-not-used

การตัดสินใจซื้อบ้านเป็นหนึ่งในการลงทุนที่สำคัญที่สุดในชีวิต หลายคนอาจลังเลว่าควรเลือกซื้อบ้านใหม่ที่เพิ่งสร้างเสร็จหรือบ้านมือสองดี ถึงจะตอบโจทย์การลงทุนที่สุด บทความนี้จะพาทุกคนไปวิเคราะห์ข้อดีข้อจำกัดของทั้งสองทางเลือก เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกซื้อบ้านใหม่ที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณได้อย่างรอบคอบ

บ้านมือหนึ่ง vs บ้านมือสอง เลือกแบบไหนดี ?

การเลือกระหว่างบ้านมือหนึ่งและบ้านมือสองขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งด้านการเงิน ความต้องการส่วนตัว และเป้าหมายระยะยาว ลองมาพิจารณาข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละทางเลือกกัน

ซื้อบ้านใหม่มือหนึ่ง

บ้านมือหนึ่ง หรือที่เรียกกันว่า “บ้านใหม่” เป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ในการซื้อบ้านของทุกคน ด้วยเป็นบ้านใหม่ที่ยังไม่มีใครเคยใช้งานมาก่อน จึงทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกว่านี่คือจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับครอบครัว

ข้อดี

• แบบบ้านทันสมัย: ออกแบบตามเทรนด์ปัจจุบัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตสมัยใหม่
• คุณภาพบ้านได้มาตรฐาน: ใช้วัสดุใหม่ ผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากโครงการ
• กู้เงินง่าย: ธนาคารมักให้วงเงินกู้สูงกว่าบ้านมือสอง
• บ้านมือหนึ่งมีทางเลือกการผ่อนตรงกับโครงการ: บางโครงการอาจมีข้อเสนอผ่อนดาวน์ก่อนเข้าอยู่ หรือผ่อนบ้านตรงกับโครงการแบบไม่ผ่านธนาคาร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นทางการเงิน
• โปรโมชันเพิ่มเติม: อาจได้ส่วนลด ของแถม หรือฟรีค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
• สิ่งอำนวยความสะดวกใหม่: พื้นที่ส่วนกลางและสาธารณูปโภคอยู่ในสภาพดี

ข้อจำกัด

• ราคาสูง: มักมีราคาแพงกว่าบ้านมือสองในทำเลเดียวกัน
• ราคาไม่ยืดหยุ่น: มักถูกกำหนดราคาตายตัว ต่อรองได้น้อย
• ความเสี่ยงจากการจอง: ในบางโครงการที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ อาจต้องตัดสินใจซื้อก่อนเห็นบ้านจริง
• ระยะเวลารอคอย: บางโครงการใหม่ จำเป็นต้องรอให้การก่อสร้าง หรือต่อเติมบ้านให้เสร็จก่อนถึงจะเข้าอยู่ได้
• ต้นทุนสูงขึ้น: ราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลต่อราคาบ้านใหม่ในปัจจุบัน

ซื้อบ้านมือสองสภาพดี

ในขณะที่บ้านมือหนึ่งมีเสน่ห์ของความใหม่ บ้านมือสองก็มีเอกลักษณ์และข้อดีที่น่าสนใจไม่แพ้กัน บ้านที่มีคนเคยอยู่อาศัยมาก่อนอาจมีเรื่องราวและบุคลิกเฉพาะตัวที่บ้านใหม่ไม่มี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าอยู่ทันทีหลังทำเรื่องซื้อขายเสร็จสิ้น

ข้อดี

• ราคาประหยัด: มักมีราคาถูกกว่าบ้านใหม่ในทำเลเดียวกัน เหมาะสำหรับคนมีงบจำกัด
• ทำเลดี: โอกาสได้บ้านในโครงการเก่าที่มีทำเลยอดนิยม ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกและการคมนาคมที่ต้องการ
• เห็นบ้านจริง: สามารถตรวจสอบสภาพบ้านได้ก่อนตัดสินใจซื้อ
• ต่อรองราคาได้: มีโอกาสต่อรองราคากับเจ้าของบ้านได้มากกว่า
• ย้ายเข้าอยู่ได้ทันที: ไม่ต้องรอการก่อสร้างเสร็จก็สามารถเข้าอยู่ได้ทันทีหลังทำเรื่องซื้อขาย

ข้อจำกัด

• ค่าซ่อมแซม: อาจมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงหรือซ่อมแซมเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นบ้านมือสองที่มีคนเคยเข้าอยู่ หรือทรุดโทรมตามกาลเวลา
• การกู้ยาก: ธนาคารอาจให้วงเงินกู้น้อยกว่าหรือมีเงื่อนไขเข้มงวดกว่าการซื้อบ้านมือหนึ่ง
• สาธารณูปโภคเก่า: พื้นที่ส่วนกลางและระบบสาธารณูปโภคอาจเสื่อมสภาพ
• ประวัติบ้าน: อาจมีประวัติที่ไม่พึงประสงค์ซึ่งส่งผลต่อมูลค่าในอนาคต

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อบ้าน

นอกจากการเลือกระหว่างบ้านมือหนึ่งและบ้านมือสองตามข้อดี-ข้อจำกัดที่ต้องการแล้ว ก็ยังมีสิ่งสำคัญอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม เพื่อความเหมาะสมในการซื้อบ้านใหม่ ดังนี้

1. งบประมาณ

กำหนดงบประมาณในการเลือกซื้อบ้านให้เหมาะสม ด้วยการคำนวณงบประมาณสูงสุดที่สามารถจ่ายได้ โดยคำนึงถึงรายได้ เงินออม และความสามารถในการผ่อนชำระ นอกจากราคาบ้านแล้ว ต้องรวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าโอน ค่าจดจำนอง ค่าภาษี และค่าตกแต่งบ้านด้วย การวางแผนทางการเงินที่ดีจะช่วยให้การซื้อบ้านใหม่เป็นไปอย่างราบรื่นและไม่เป็นภาระในอนาคต

2. ทำเลที่ตั้ง

ทำเลเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและมูลค่าของบ้านในระยะยาว ควรพิจารณาความสะดวกในการเดินทาง โดยเฉพาะการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า รถเมล์ หรืออยู่ใกล้กับทางด่วนและถนนหลัก นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงระยะทางจากที่ทำงาน สถานศึกษาของบุตรหลาน และสถานที่สำคัญอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน

3. ขนาดและรูปแบบของบ้าน

บ้านที่ดีควรตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยทั้งในปัจจุบันและอนาคต พิจารณาจำนวนสมาชิกในครอบครัว ทั้งในปัจจุบันและแผนการขยายครอบครัวในอนาคต เลือกจำนวนห้องนอน ห้องน้ำ และพื้นที่ใช้สอยที่เหมาะสม รวมถึงรูปแบบบ้านที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโดมิเนียม

4. สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ

สิ่งอำนวยความสะดวกเป็นปัจจัยที่เพิ่มคุณภาพชีวิตและมูลค่าให้กับที่อยู่อาศัย พิจารณาโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตรงกับความต้องการ เช่น สระว่ายน้ำสำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกาย สวนสาธารณะสำหรับครอบครัวที่มีเด็ก คลับเฮาส์สำหรับการพักผ่อนและสังสรรค์ และระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ
หากถามว่าควรเลือกซื้อบ้านใหม่หรือบ้านมือสองดี ? สิ่งสำคัญคงต้องมองที่ความพร้อมและความพึงพอใจของตนเอง แต่ในปัจจุบัน “บ้านใหม่” มักได้รับความนิยมมากขึ้น ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย วัสดุคุณภาพสูง และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง อย่างไรก็ตามการเลือกซื้อบ้านใหม่ต้องอาศัยการวางแผนที่ดี ทั้งในเรื่องของงบประมาณ ทำเลที่ตั้ง และการเปรียบเทียบโครงการต่าง ๆ อย่างละเอียด เพื่อให้ได้บ้านที่ตรงใจและคุ้มค่าที่สุด

สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากมองหาบ้านสไตล์มินิมอล เข้ามาดูโครงการบ้านที่มีคุณภาพจาก อารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วว่าใช้วัสดุเกรดพรีเมียม ตรงตามสเปกทุกระบบ อยู่บนทำเลดี เดินทางสะดวก เพื่อเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวในฝันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนในครอบครัว พร้อมเสริมคุณภาพในการอยู่อาศัย

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมและเป็นเจ้าของบ้านได้แล้ววันนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

 

ข้อมูลอ้างอิง

Newly-built or second-hand houses – what’s the difference?. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 จาก https://corasherlocksolicitors.ie/newly-built-or-second-hand-houses-whats-the-difference/

เมื่อถึงเวลาเลือกซื้อบ้าน หลายคนอาจต้องเผชิญกับความหนักใจ เนื่องจากบ้านเป็นสินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีราคาสูง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ราคาที่ดินและค่าก่อสร้างมีแต่พุ่งขึ้น การตัดสินใจจึงต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ แถมยังต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นที่ตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าโอน ค่าภาษี ค่าตกแต่ง และที่สำคัญคือค่าผ่อนบ้านรายเดือน “การกู้ร่วมเพื่อซื้อบ้าน” จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงิน เพิ่มโอกาสการเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายและเร็วขึ้น แต่ก่อนจะซื้อบ้านชื่อร่วมก็มีสิ่งที่ควรพิจารณาให้ดีเสียก่อน

ทำความเข้าใจการกู้ร่วมซื้อบ้าน

การกู้ร่วมเพื่อซื้อบ้าน คือการที่บุคคลสองคนขึ้นไปร่วมกันกู้เงินเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องรับผิดชอบหนี้สินร่วมกันและมีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินร่วมกัน การกู้ร่วมเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มกำลังซื้อ หรือต้องการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระหนี้

เราสามารถซื้อบ้านชื่อร่วมกับใครได้บ้าง ?

การกู้ร่วมซื้อบ้านจะทำได้เฉพาะคนที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน ได้แก่

• ผู้ที่มีนามสกุลเดียวกัน เช่น คู่สมรส พ่อ แม่ พี่-น้อง ลูก
• พ่อ แม่ ลูก พี่น้อง ที่ใช้คนละนามสกุล เนื่องจากมีคนเปลี่ยนนามสกุลภายหลัง ซึ่งจะต้องแสดงทะเบียนบ้าน หรือสูติบัตร เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน
• แฟน หรือคู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งต้องแสดงหลักฐานการสมรส เช่น รูปภาพงานแต่งงาน หนังสือรับรองบุตร ทะเบียนบ้านที่อยู่ร่วมกัน หรือหลักฐานการเงินร่วมกัน โดยในปัจจุบันก็ได้มีหลายธนาคารที่เปิดโอกาสให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถกู้ร่วมกันได้แล้ว

ข้อดีของการกู้ร่วมซื้อบ้าน

เพิ่มกำลังซื้อ

เนื่องจากการรวมรายได้ของสองคนขึ้นไปเข้าด้วยกัน จะทำให้มีกำลังซื้อและกู้เงินได้ในจำนวนที่มากขึ้น จึงเปิดโอกาสให้สามารถเลือกซื้อบ้านที่มีขนาดใหญ่ หรืออยู่ในทำเลที่ตั้งใจไว้ได้ เช่น บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ในโครงการคุณภาพ หรือคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง ซึ่งอาจเป็นไปไม่ได้หากกู้เพียงคนเดียว

แบ่งเบาภาระหนี้

การแบ่งภาระหนี้ร่วมกันจะช่วยลดความกังวลเรื่องการผ่อนชำระหนี้รายเดือนลงได้อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกที่ภาระหนี้สินอาจค่อนข้างสูง การมีผู้กู้ร่วมจะช่วยให้การแบ่งปันภาระเป็นไปอย่างเท่าเทียม ลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางการเงินได้

เพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ

สถาบันการเงินมักพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้เป็นหลัก การมีผู้กู้ร่วมที่มีรายได้มั่นคงจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ ทำให้มีโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อให้สูงขึ้น

สร้างความมั่นคงทางการเงิน

การมีทรัพย์สินร่วมกัน จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับครอบครัวในระยะยาว เนื่องจากบ้านไม่เพียงแต่เป็นที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาอีกด้วย

ข้อควรระวังในการกู้ร่วมซื้อบ้าน

แม้ว่าการกู้ร่วมซื้อบ้านจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อควรพิจารณาที่สำคัญหลายประการที่ควรทราบก่อนตัดสินใจ ดังนี้

การผิดใจกันระหว่างสัญญา

การกู้ร่วมเพื่อซื้อบ้านเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทั้งปัจจัยทางการเงินและความสัมพันธ์ส่วนตัว หากเกิดความขัดแย้ง หรือผิดใจกันระหว่างผู้กู้ร่วมในระหว่างสัญญา อาจส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมชำระในส่วนที่ตนเองต้องรับผิดชอบ ทำให้ผู้กู้ร่วมรายอื่นอาจต้องรับผิดชอบภาระหนี้ส่วนที่เหลือแทน ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาทางกฎหมายและความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ตามมา

อาจทำให้การกู้ในครั้งต่อไปยากขึ้น

มักเกิดขึ้นเมื่อตัดสินใจอยากกู้ทรัพย์สินส่วนตัวเป็นของตัวเอง เนื่องจากหากมีภาระหนี้สินจากการซื้อบ้านชื่อร่วมอยู่แล้ว สถาบันการเงินอาจพิจารณาว่าผู้กู้มีภาระหนี้สินมากเกินไป และไม่อนุมัติการกู้เงินในครั้งต่อไป อีกทั้งยังมีความเสี่ยง หากมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้จากผู้ที่กู้ร่วมซื้อบ้านด้วยกัน เพราะประวัติของผู้กู้ร่วมทุกคนจะเสียหาย ส่งผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคต

สิทธิลดหย่อนภาษี

สิทธิในการลดหย่อนภาษีค่าดอกเบี้ยบ้านจะถูกหารเฉลี่ยตามจำนวนผู้กู้ร่วม ทำให้แต่ละคนได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีน้อยลงเมื่อเทียบกับการกู้ซื้อบ้านคนเดียว

ทำอย่างไรเมื่อต้องการยกเลิกการกู้ร่วมซื้อบ้าน

การตัดสินใจยกเลิกการกู้ร่วมเพื่อซื้อบ้าน อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเปลี่ยนแปลงสถานะความสัมพันธ์ การย้ายที่อยู่ หรือเหตุผลทางการเงินส่วนบุคคล ซึ่งการยกเลิกสัญญากู้ร่วมนั้นต้องผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อนและต้องมีการวางแผนที่ดี เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ถอนชื่อผู้กู้ร่วม

ขั้นตอนแรก คือการติดต่อธนาคารที่ให้สินเชื่อ เพื่อแจ้งความประสงค์ในการถอนชื่อผู้กู้ร่วม ธนาคารจะพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่จะยังคงเป็นผู้กู้ เช่น รายได้ ความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ และประวัติเครดิต โดยอาจมีเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น การเพิ่มวงเงินประกัน หรือการปรับอัตราดอกเบี้ย

รีไฟแนนซ์

การรีไฟแนนซ์ คือการขอสินเชื่อใหม่มาชำระหนี้สินเชื่อเดิม โดยมีเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงธนาคารหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสินเชื่อ สามารถช่วยลดภาระหนี้สิน หรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัญญาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนระยะเวลาผ่อนชำระ หรือเปลี่ยนแปลงผู้กู้ร่วม แต่การรีไฟแนนซ์จะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการประเมินราคาบ้าน ค่าดำเนินการ และค่าอากรแสตมป์ รวมถึงอาจทำให้ระยะเวลาผ่อนชำระยาวนานขึ้น จึงควรวางแผนการเงินให้ดีก่อนตัดสินใจ

ขายบ้าน

การขายบ้านเพื่อนำเงินมาชำระหนี้สินเชื่อเดิมจะทำให้สิ้นสุดสัญญากู้ร่วมและความรับผิดชอบต่อหนี้สิน โดยหากมูลค่าบ้านสูงกว่าหนี้สิน ก็อาจจะทำให้ได้รับเงินคืนส่วนต่าง แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาหากตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซา รวมถึงอาจต้องเสียภาษีเงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก่อนขายควรมีการพูดคุยและตกลงกันกับผู้ที่ซื้อบ้านชื่อร่วม เกี่ยวกับการขายและการแบ่งปันเงินที่ได้จากการขาย

การกู้ร่วมซื้อบ้านเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของบ้าน แต่ควรพิจารณาข้อดีข้อควรระวังให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ อีกทั้งยังควรเลือกบ้านที่ตอบโจทย์ถูกใจ ไม่ทำให้เสียดายในภายหลัง เลือกซื้อบ้านเดี่ยวกับโครงการในกรุงเทพฯ ที่มีคุณภาพจากอารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่ผ่านการคัดสรรมาแล้วว่าใช้วัสดุเกรดพรีเมียม อยู่บนทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก เพื่อเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวในฝันสำหรับทุกคนในครอบครัว

สนใจดูรายละเอียด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

 

แหล่งอ้างอิง

สิ่งที่ควรรู้ ก่อนกู้ร่วมซื้อบ้าน. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 จาก https://www.taladnudbaan.com/blog/know-how-before-byhome 

การมีบ้านเป็นของตัวเอง เป็นฝันของใครหลายคน ที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่จนทำให้หลายคนถอดใจ แต่ทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้มีบ้านเป็นของตัวเองสมใจ คือ การขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน แทนการจ่ายเงินสด ซึ่งหลายคนหากว่าผ่อนบ้านขั้นต่ำไปเรื่อย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ราคาบ้านที่แพงขึ้นหลายเท่า ในบทความนี้ จึงมาแนะนำเทคนิคสำคัญในการขอกู้ซื้อบ้านให้ได้ดอกเบี้ยต่ำ ราคาถูก ผ่อนหมดไว ไร้กังวล

1. เตรียมตัวให้พร้อมก่อนซื้อบ้าน

การซื้อบ้านไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่การซื้อบ้านอย่างชาญฉลาด ได้ราคาที่เหมาะสม และจ่ายดอกเบี้ยที่น้อยกว่าจะช่วยให้สถานะทางการเงินมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น ซึ่งต้องเริ่มตั้งแต่การเตรียมตัว เพื่อที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้อย่างรวดเร็วและง่าย ในราคาดอกเบี้ยที่ถูกลงกว่าเดิม

เตรียมเงินดาวน์อย่างน้อย 10% ของราคาบ้าน

ลองตั้งงบประมาณคร่าว ๆ ก่อนว่า จะซื้อบ้านราคาเท่าไร ในย่านไหน จากนั้นให้ลองเก็บเงินเตรียมเงินดาวน์ก่อนที่จะตัดสินใจยื่นกู้ซื้อบ้าน เพื่อที่จะลดยอดจัดสินเชื่อและยอดรวมของดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายน้อยลงตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น หากว่าต้องการซื้อบ้าน 5 ล้านบาท ควรเก็บเงินดาวน์ประมาณ 5 แสนบาท ก่อนยื่นขอสินเชื่อ

เตรียมเอกสารให้พร้อม

เวลาที่กู้ซื้อบ้าน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเอกสารและหลักฐานรายได้ โดยทั่วไปจะประกอบด้วยสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน หนังสือรับรองการทำงาน และเอกสารทางการเงินอื่น ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพิจารณาหลักฐานทางการเงินทั้งหมด พร้อมประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา ประกอบการอนุมัติสินเชื่อ

ลองซ้อมผ่อนบ้าน

เทคนิคง่าย ๆ อย่างหนึ่งในการเตรียมเงินดาวน์คือ ลองใช้วิธีการซ้อมผ่อนบ้าน โดยนำเงินที่คาดว่าจะต้องผ่อนบ้านฝากไว้ในธนาคารเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยให้รู้ศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง

2. เลือกสินเชื่อที่ดอกเบี้ยต่ำ

เคล็ดลับในการผ่อนบ้านราคาถูกก็คือ การเลือกธนาคารที่ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ก็จะช่วยให้สามารถประหยัดเงินได้ในระยะยาว

เปรียบเทียบจากหลาย ๆ ธนาคาร

อันดับแรกให้ลองเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากหลากหลายธนาคารที่น่าสนใจ อย่าเชื่อเพียงแค่ตัวเลขที่โฆษณา เพราะหลายธนาคารในตอนนี้ทำอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกเป็นแบบขั้นบันได โดยปีแรกจะเป็นดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด แล้วค่อย ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ แนะนำให้ลองคำนวณและเปรียบเทียบดอกเบี้ย แล้วดูว่าดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่เท่าไร และจำนวนเงินที่ต้องเสียดอกเบี้ยมากน้อยแค่ไหน

รู้จักประเภทของดอกเบี้ยบ้าน

ปัจจุบันดอกเบี้ยบ้านมีทั้งหมด 3 แบบ คือ ดอกเบี้ยคงที่ ดอกเบี้ยลอยตัว และแบบปรับตามรอบเวลา โดยปกติแล้ว 3 ปีแรกจะเป็นดอกเบี้ยคงที่ เช่น 1.50% 2.00% หลังจากนั้นจะเป็นดอกเบี้ยลอยตัว ในรูปแบบของ MRR และ MLR เช่น MRR -2.00% ต่อปี โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามภาวะเศรษฐกิจ

อย่าลืมพิจารณาเงื่อนไขอื่น ๆ

ตัวอย่างเช่น ค่าธรรมเนียมในการยื่นกู้ ค่าประเมินหลักทรัพย์ ค่าปรับในการชำระเงินคืนก่อนกำหนดเวลาที่ทางธนาคารตั้งไว้

3. อย่าจ่ายขั้นต่ำทุกเดือน

เมื่อกู้ซื้อบ้านผ่านแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการผ่อนชำระรายเดือน ซึ่งทางธนาคารจะกำหนดอัตราขั้นต่ำในการผ่อนชำระและช่วงเวลาที่ต้องชำระในแต่ละเดือน โดยมีเคล็ดลับง่าย ๆ ในการลดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายดังนี้

จ่ายเพิ่มจากขั้นต่ำทุกเดือน

อย่ารอให้มีเงินก้อนแล้วค่อยโปะ ให้จ่ายเพิ่มจากขั้นต่ำทุกเดือนอย่างน้อย 10% ของยอดที่จ่ายในแต่ละเดือน เพื่อลดเงินต้น ตัวอย่างเช่น หากยอดผ่อนต่อเดือนอยู่ที่ 30,000 บาท ให้เพิ่มไปอีก 10% ก็คือ 3,000 บาทต่อเดือน ซึ่งวิธีนี้สามารถลดดอกเบี้ยได้หลักแสนไปจนถึงหลักล้าน

โปะเงินก้อนเมื่อมีโอกาส

หากว่าได้โบนัส ทำงานพิเศษจากรายได้เสริม หรือได้เงินจากที่ใด ๆ ก็ตาม ให้นำเงินส่วนหนึ่งมาโปะสินเชื่อบ้าน เพื่อช่วยลดหนี้และดอกเบี้ยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เน้นโปะเงินต้นในช่วง 3 ปีแรก

ในช่วง 3 ปีแรกของการผ่อนบ้าน ให้พยายามโปะเงินต้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในขั้นต่ำ นอกจากนี้ ในช่วงแรกของการผ่อนบ้าน เงินที่จ่ายดอกเบี้ยจะสูงกว่าการจ่ายเงินต้น การโปะเงินในช่วงนี้จึงช่วยประหยัดดอกเบี้ยไปได้มาก 

4. รีไฟแนนซ์หรือรีเทนชันเมื่อครบกำหนดดอกเบี้ยลอยตัว

เมื่อครบกำหนด 3 ปี ทางธนาคารจะลอยตัวอัตราดอกเบี้ย ทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้น จึงควรพิจารณาเรื่องการรีไฟแนนซ์และรีเทนชัน
การรีไฟแนนซ์คือการขอกู้เงินกับธนาคารใหม่ โดยปิดบัญชีสินเชื่อกับธนาคารเก่า แต่การรีเทนชันคือการขอลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารเดิม ซึ่งจะต้องพิจารณาหลากหลายปัจจัยก่อนตัดสินใจ

เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและค่าใช้จ่าย

คำนวณอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายแฝงทั้งหมด เปรียบเทียบกับธนาคารเดิม เพื่อที่ดูว่าแบบไหนจะคุ้มค่ามากกว่ากัน

ตรวจสอบเงื่อนไขอื่น ๆ ประกอบการพิจารณา

ทั้งระยะเวลาการผ่อนชำระ เงื่อนไขการชำระเงินคืนก่อนสัญญาใหม่ 

เทคนิคทั้ง 4 ข้อนี้ จะช่วยให้สามารถกู้ซื้อบ้านได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง และสามารถผ่อนชำระได้สบาย ๆ ผู้ที่กำลังจะซื้อบ้านจึงต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบก่อนการตัดสินใจ เตรียมความพร้อมเรื่องการกู้ซื้อบ้านแล้ว ขอชวนทุกคนแวะมาชมโครงการบ้านเดี่ยวย่านนนทบุรีของ Areeya มีหลากหลายโครงการให้เลือก เดินทางสะดวก ผ่อนสบาย ราคาไม่แพง เริ่มต้นเพียง 1.69 ล้านบาท*

สนใจดูรายละเอียดและเป็นเจ้าของบ้านได้แล้ววันนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

 

แหล่งอ้างอิง

เทคนิคกู้ซื้อบ้านสำหรับมือใหม่ พร้อมเปรียบเทียบดอกเบี้ยบ้าน. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 จาก https://blog.ghbank.co.th/home-loan-tips-for-beginner/

 

สำหรับบ้านที่มีพื้นที่บริเวณหน้าบ้าน หรือมีพื้นที่เหลือจากการใช้สอย แล้ววางแผนอยากจะทำสวนหน้าบ้านสวย ๆ ไว้เป็นมุมพักผ่อนหย่อนใจ แต่คิดไม่ออกว่าจะเริ่มต้นอย่างไร แถมพื้นที่ที่มีก็จำกัด ไม่กว้างมากนัก ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะวันนี้เรามีไอเดียจัดสวนหน้าบ้านง่าย ๆ ที่จะช่วยเนรมิตให้สวยถูกใจ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการจัดสวนหน้าบ้านด้วยตนเอง

สวนหน้าบ้าน เปรียบเสมือนด่านแรกที่บ่งบอกถึงรสนิยมและเอกลักษณ์ของผู้อยู่อาศัย ดังนั้นการจัดสวนหน้าบ้านจึงไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศร่มรื่น สดชื่น และเพิ่มมูลค่าให้กับตัวบ้านอีกด้วย โดยก่อนที่จะเริ่มตกแต่งสวนหน้าบ้านด้วยตัวเอง มีปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนดังนี้

• วัดขนาดพื้นที่ทำสวนให้ละเอียด : ใช้อุปกรณ์อย่างสายวัดหรือตลับเมตรวัดขนาดพื้นที่หน้าบ้านให้ชัดเจน ทั้งความกว้างและความยาว พร้อมจดบันทึกข้อมูลสำหรับใช้ในการออกแบบและเลือกซื้อต้นไม้ที่เหมาะสม
• ตรวจสอบตำแหน่งพื้นที่ที่มีแดดส่องถึง : สังเกตว่าพื้นที่หน้าบ้านได้รับแสงแดดมากน้อยแค่ไหน จากนั้นทำการแบ่งพื้นที่เป็นโซน แสงแดดจัด แสงแดดรำไร และร่มรื่น สำหรับเลือกพันธุ์ไม้ให้เหมาะสม
• เลือกสไตล์การจัดสวนหน้าบ้านสวย ๆ ให้ชัดเจน : สไตล์การจัดสวนจะส่งผลต่อการเลือกชนิดของต้นไม้ วัสดุตกแต่ง และองค์ประกอบอื่น ๆ ของสวน
• ตรวจสอบองค์ประกอบก่อนจัดสวน : ตรวจสอบสภาพดิน ความร่วนซุยหรือเหนียวแน่น และตรวจสอบระบบน้ำ ท่อประปาสำหรับรดน้ำต้นไม้ เพื่อพิจารณางบประมาณ และการดูแลรักษา

ไอเดียแต่งสวนหน้าบ้าน 3 สไตล์

การมีสวนหน้าบ้านสวย ๆ เป็นการเติมเต็มพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ เพิ่มความร่มรื่นให้กับตัวบ้าน และช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่ดีต่อผู้อยู่อาศัยอีกด้วย วันนี้เรามีไอเดียแต่งสวนหน้าบ้าน 3 สไตล์ ที่อยากมาแนะนำ

จัดสวนสไตล์ Minimal Eco Living เรียบง่าย กลมกลืนกับธรรมชาติ

เป็นไอเดียจัดสวนเล็ก ๆ หน้าบ้านที่เน้นความเรียบง่าย เป็นมิตรกับธรรมชาติ โดยเน้นเลือกไม้ใบสีเขียวและไม่มีดอกเป็นหลัก ผสมผสานกับหิน กรวด หรือวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ ในโทนสีเรียบง่าย เช่น ขาว ดำ เทา เขียว ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย กลมกลืนกับธรรมชาติ ให้บ้านเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง เป็นรูปแบบที่เหมาะกับบ้านสไตล์มินิมอล ตอบโจทย์ New Genได้เป็นอย่างดี

เข้ามาที่โครงการ COMO BIANCA II บ้านเดี่ยวสไตล์ Minimal Eco Living ภายใต้คอนเซปต์ CANVAS OF LIFE ผืนผ้าใบแห่งชีวิต ที่ให้ผู้อยู่อาศัยทุกคนได้พบกับความเรียบง่ายในรูปแบบของตัวเอง บนทำเลติดเมกาบางนา* ใกล้ทางด่วน* ศูนย์กลางความเจริญ เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์กับฟังก์ชันครบครัน

จัดสวนสไตล์ Tropical ร่มรื่น สดชื่น เหมือนอยู่ท่ามกลางป่าใหญ่

มาเนรมิตสวนหน้าบ้านให้กลายเป็นโอเอซิสส่วนตัว กับการจัดสวนหน้าบ้านสไตล์ Tropical โดยเลือกใช้ต้นไม้ใบใหญ่ ให้ร่มเงา และความเขียวชอุ่ม เช่น ต้นมะม่วง ต้นจามจุรี ต้นลั่นทม เน้นโทนสีเขียว หรือสีสดใส เช่น เหลือง ส้ม ช่วยเพิ่มความสดชื่น สนุกสนาน นอกจากนี้ อาจเพิ่มการตกแต่งด้วยน้ำตก บ่อปลา อีกหนึ่งเทคนิคตกแต่งสวนให้สวยงามเข้ากับบ้าน

สำหรับคนที่ชอบจัดสวนสไตล์นี้ ขอแนะนำ โครงการ COMO BOTANICA II บ้านสไตล์ Urban Botanical ที่มาในคอนเซปต์ CRAFT YOUR OWN NATURE ออกแบบชีวิต ให้ชิดธรรมชาติ บนทำเลติดเมกาบางนา* ใกล้ทางด่วน* เน้นการออกแบบที่กลมกลืนกับธรรมชาติ พร้อมพื้นที่สีเขียวส่วนตัว และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

จัดสวนบริเวณ Courtyard มุมพักผ่อนส่วนตัว ใจกลางบ้าน

การจัดสวนบริเวณ Courtyard กลางบ้าน เป็นการดีไซน์บ้านให้ล้อมสวน เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวแบบส่วนตัวขึ้น โดยเลือกใช้ต้นไม้ขนาดเล็ก ทรงพุ่มเตี้ย ดูแลรักษาง่าย เช่น ต้นเฟิร์น ต้นไทรใบสัก ต้นลิ้นมังกร ผสมผสานกับไม้เลื้อย เช่น พลูด่าง มอนสเตอร่า เน้นการใช้โทนสีสดใส หรือสีอบอุ่น เป็นรูปแบบที่เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด ต้องการเพิ่มมุมพักผ่อนส่วนตัวใจกลางบ้าน

เข้ามาดูที่ โครงการ AREN X บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern Minimal ทำเลติดเมกาบางนา* ใกล้ทางด่วน* มาพร้อมฟังก์ชันที่คุณเลือกได้จะ Private Pool หรือ Private Courtyard กลางบ้าน ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศร่มรื่น ผ่อนคลาย

สำหรับคนที่มองหาโครงการบ้านเดี่ยวย่านบางนา ที่มีพื้นที่จัดสวนเล็ก ๆ หน้าบ้าน หรือสวนรอบบ้าน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดี ส่วนกลางเน้นธรรมชาติ เข้ามาดูที่ อารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่มีหลากหลายโครงการ หลายทำเลให้เลือกตามความต้องการ พร้อมรูปแบบบ้านที่ตอบโจทย์บ้านในฝันของทุกคนในครอบครัว สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

 

 

แหล่งอ้างอิง

• 12 วิธีจัดสวนหน้าบ้านด้วยตนเอง ไม่ยากอย่างที่คิด!. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567

ในยุคสมัยที่การออกแบบบ้านเน้นไปที่ความโปร่งสบาย หลายคนอาจมองหาไอเดียใหม่ ๆ ในการตกแต่งห้องภายในบ้านให้สวยงามและมีเอกลักษณ์ แต่การกั้นห้องด้วยผนังแบบเดิม ๆ อาจดูน่าเบื่อและทึบตัน บทความนี้จึงจะมาแชร์ไอเดียการกั้นห้องภายในบ้านโดยไม่ใช้กำแพง เน้นความสวยงาม สร้างบรรยากาศให้บ้านดูกว้างขวาง โปร่งโล่ง

ไอเดียกั้นห้องโดยไม่ใช้กำแพง

การกั้นห้องภายในบ้านแบบไม่ใช้กำแพง นอกจากจะช่วยเพิ่มลูกเล่นให้แก่บ้านแล้ว ยังช่วยให้บ้านดูกว้างขวางขึ้น อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ง่าย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยมีไอเดียกั้นห้องภายในบ้านมาแนะนำกัน ดังนี้

1. เพิ่มพื้นต่างระดับ

การเพิ่มพื้นต่างระดับเป็นไอเดียกั้นห้องสุดคลาสสิกที่สามารถแบ่งพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องก่อผนัง ซึ่งทำได้ด้วยการยกพื้นในส่วนที่ต้องการทำเป็นห้องขึ้นมา 2-3 ขั้นบันได หรือประมาณ 20-50 ซม. เพื่อแยกพื้นที่อย่างชัดเจน โดยนับเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับบ้านหรือห้องที่มีเพดานสูง ทำให้ได้ห้องที่เปิดโล่ง โปร่ง ไม่อึดอัด โดยสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ เหมาะกับทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม หรือออฟฟิศ

2. แบ่งด้วยการตกแต่งเพดาน

สำหรับใครที่ต้องการให้ทั้งห้องมีพื้นเรียบเสมอกัน ก็อาจเลือกใช้การตกแต่งด้วยเพดาน ซึ่งถือเป็นอีกวิธีง่าย ๆ ที่ใช้สำหรับการแบ่งพื้นที่กั้นห้อง โดยไม่ต้องเสียพื้นที่ไปกับการก่อผนัง โดยสามารถแบ่งสัดส่วนพื้นที่ได้ด้วยการออกแบบเพดานให้เป็นลวดลายต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน หรือการเจาะช่องบนเพดาน ติดตั้งไฟ เพิ่มมิติ เพื่อแบ่งแยกสัดส่วน อีกทั้งยังสามารถใช้ไฟมาเป็นลูกเล่น เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศให้แต่ละพื้นที่ในห้องได้อย่างลงตัว

3. ติดตั้งฉากกั้นห้อง

หากการใช้งานพื้นที่ในบ้านมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ฉากกั้นห้องก็ถือเป็นอุปกรณ์น่าสนใจ ที่ช่วยกั้นห้องภายในบ้านได้อย่างยืดหยุ่น เนื่องจากสามารถเลื่อนไปมาได้เมื่อต้องการใช้งาน อีกทั้งบางประเภทสามารถพับเก็บได้ จึงปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ง่าย ช่วยแยกโซนการใช้งานได้อย่างชัดเจน เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด ซึ่งอาจไม่มีการกำหนดพื้นที่อย่างตายตัว

4. ใช้ผ้าม่านบ่งบอกสไตล์และความเป็นส่วนตัว

ผ้าม่าน เป็นอีกตัวเลือกที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถกั้นห้องภายในบ้านได้อย่างง่ายดาย ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้บ้านได้ด้วยสีสัน ลวดลาย และเนื้อสัมผัสที่หลากหลาย เพื่อให้เข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้าน โดยสามารถถอดและเปลี่ยนเพื่อเสริมบรรยากาศให้แก่บ้านได้อย่างสะดวก รวมถึงสามารถใช้กั้นสิ่งรบกวนจากภายนอก เพิ่มพื้นที่ให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น เช่น การเลือกใช้ผ้าม่านแบบทึบแสงและผ้าม่านสองชั้นในการกั้นห้องนอน เพื่อเสริมการพักผ่อน หรืออาจเลือกใช้ผ้าม่านแบบโปร่งแสง เพื่อให้พื้นที่ในห้องทำงานดูกว้างขวางและสว่างไสวมากยิ่งขึ้น

5. แบ่งพื้นที่ด้วยเฟอร์นิเจอร์

รู้หรือไม่ว่า การใช้เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ก็สามารถช่วยตอบโจทย์ความต้องการในการกั้นห้องได้เช่นกัน โดยมีไอเดียแบ่งพื้นที่กั้นห้องด้วยเฟอร์นิเจอร์ ดังนี้

• โซฟา เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในการนำมาแบ่งพื้นที่ โดยการวางโซฟาไว้กลางห้องจะช่วยแบ่งแยกโซนระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่อื่น เช่น มุมทำงาน มุมห้องอาหาร หรือห้องนอน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ตู้หนังสือ หรือตู้เก็บของ โดยเฉพาะที่มีขนาดสูงใหญ่ เพื่อแยกโซนระหว่างพื้นที่ เช่น การแบ่งพื้นที่ทำงานกับพื้นที่อื่น หรือใช้ชั้นวางของกั้นระหว่างเตียงนอนกับมุมแต่งตัว

6. ประตูบานเลื่อนแบ่งสัดส่วน

มาถึงตัวเลือกยอดนิยมในการแบ่งสัดส่วนห้องภายในบ้านอย่างประตูบานเลื่อน ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์และสามารถพบเห็นได้ทั่วไป เนื่องจากสามารถเปิดโล่งเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ให้ดูกว้างขวางขึ้นได้ จึงช่วยจัดการพื้นที่ได้อย่างลงตัว โดยไม่ต้องเสียพื้นที่ไปกับการทำผนัง ทำให้ห้องดูสว่าง ไม่ทึบและอึดอัดจนเกินไป แต่ยังแบ่งพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งกั้นห้องครัว เพื่อไม่ให้กลิ่นอาหารกระจายไปทั่วบ้าน กั้นส่วนเปียกและส่วนแห้งในห้องน้ำ เพื่อให้ใช้งานห้องน้ำได้สะดวก ปลอดภัย หรือแม้แต่การกั้นมุมแต่งตัวในห้องนอน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการเก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว

 

ตอบโจทย์ความต้องการของการอยู่อาศัย กับบ้านสั่งสร้าง ในโครงการกลางเมือง จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่ให้คุณเผยความเป็นตัวตนได้ ตั้งแต่การคัดสรรตัวเลือกการออกแบบหลากหลายสไตล์ในโลเคชันที่ตอบโจทย์ ไปจนถึงการปรับฟังก์ชันให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย เพื่อเนรมิตบ้านในฝันให้ตรงใจมากที่สุด สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

 

 

แหล่งอ้างอิง

• How to Divide a Room Without Building Walls. สืบค้นเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2567

ทุกวันนี้แบบบ้าน Minimal มินิใจ กำลังมาแรงในกลุ่มคนเจเนอเรชันใหม่ ๆ ด้วยความสวยงามและเรียบง่าย กลมกลืนไปกับธรรมชาติ ตามหลัก Less is More นอกจากนี้ยังดูแลรักษาและปรับเปลี่ยนง่าย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ต้องการความสงบและสะดวกสบายไปพร้อมกันในปัจจุบัน

แบบบ้านสไตล์มินิมอลเป็นแบบไหน ?

แบบบ้าน Minimal เป็นแบบบ้านยุคใหม่ที่เน้นความเรียบง่าย และโปร่งโล่งสบาย เน้นฟังก์ชันการใช้งานได้จริง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรือของที่ไม่จำเป็น เหมาะสำหรับเขตเมืองที่มีพื้นที่อยู่อย่างจำกัด ทำให้ทุกตารางนิ้วต้องใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและใช้ประโยชน์ได้สูงสุด นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นตรงที่การไม่สะสมของจำนวนมาก เน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก ทำให้บ้านสไตล์นี้มีความสบายตา และความโปร่งโล่งสบาย ถึงพื้นที่เล็ก แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัด

บ้านสไตล์มินิมอลจึงเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ หรือใช้วัสดุเทียมที่เลียนแบบสีสันและลวดลายจากธรรมชาติ อย่างไม้สีอ่อน ที่นอกจากจะให้ความสวยงามและกลมกลืนกับธรรมชาติแล้ว ยังช่วยให้บ้านดูกว้างมากกว่าการใช้ไม้สีเข้มอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังออกแบบให้ตัวบ้านมีการรับแสงจากธรรมชาติ ให้ความรู้สึกเหมือนกับอาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าที่มีกลิ่นของธรรมชาติมากกว่าอยู่กลางเมือง

5 ข้อดีของแบบบ้านสไตล์ Minimal

เพราะ Minimal ไม่ใช่แค่สไตล์การออกแบบ แต่ยังเป็นสไตล์ของการใช้ชีวิตของคนเจนฯ ใหม่ ที่ต้องการละทิ้งขนบเดิม ๆ และสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิต ทำให้แบบบ้านสไตล์ Minimal ยังคงอยู่ในเทรนด์ของการอยู่อาศัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ โดยมีข้อดีหลัก ๆ 5 ข้อดังต่อไปนี้

1. เรียบง่ายสบายตา

ความเรียบง่ายเป็นหัวใจสำคัญของสไตล์ Minimal ที่คนเจนฯ ใหม่เทใจให้ ด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายสบายตา ไม่มีเฟอร์นิเจอร์และของรกรุงรังให้รำคาญใจ จึงไม่ใช่แค่อยู่สบาย แต่ยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย

2. ใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยข้อจำกัดด้านพื้นที่และจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ ๆ ทำให้พื้นที่ในการใช้ชีวิตจำกัดลงไปอีก ดังนั้น การใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ที่หลากหลาย ลดสิ่งฟุ่มเฟือย และเหลือไว้แต่สิ่งที่จำเป็น เพิ่มพื้นที่ว่างภายในบ้านให้มากยิ่งขึ้น จะช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างไม่อึดอัด

3. เรียบง่าย อบอุ่น และดูทันสมัย

สไตล์บ้านปี 2024 ยังคงความเรียบง่าย มากกว่าความหรูหราแบบตะโกนที่ดูฟุ่มเฟือย เน้นไปที่การใช้งานได้จริงและดูทันสมัย ซึ่งช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่เจ้าของบ้าน และยังสร้างความอบอุ่นภายในใจให้แก่ผู้อยู่อาศัยอีกด้วย

4. ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ง่าย

จุดเด่นของแบบบ้านสไตล์ Minimal คือ ฟังก์ชันการใช้งานที่ค่อนข้างยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ง่าย และด้วยความที่บ้านสไตล์นี้เน้นความเรียบง่าย ไม่สะสมของ หรือมีเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่จำเป็น จึงสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ง่าย ตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป 

5. ดูแลรักษาทำความสะอาดง่าย ไม่ยุ่งยาก

หมดปัญหาเรื่องการทำความสะอาดและฝุ่นที่จับตามส่วนต่าง ๆ เนื่องจากแบบบ้านสไตล์ Minimal จะมีเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านน้อย จึงทำความสะอาดง่าย ใช้เวลาไม่นาน และตอบโจทย์ชีวิตคนเจนฯ ใหม่ ที่ไม่ค่อยมีเวลา

เทคนิคการแต่งบ้านมินิมอล ไม่ให้กลายเป็นมินิมาร์ท  

เชื่อว่าหลายคนตั้งใจจะแต่งบ้านสไตล์มินิมอล แต่พออยู่ไปสักพักก็เริ่มสะสมของจนบ้านเต็มไปด้วยของแต่งบ้านกระจุกกระจิก แต่มีวิธีไหนบ้างที่ช่วยให้เราสามารถคงสไตล์ความมินิมอลได้อย่างยาวนาน

เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานได้จริง

แนะนำให้เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีความโล่งโปร่งสบาย เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย และไม่ควรใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ ทึบ และสูง เพราะจะทำให้บ้านดูแคบและอึดอัดได้

ใช้พื้นที่ว่างให้เป็นประโยชน์

อย่ามัวแต่คิดถึงพื้นที่ในทางราบ แต่ควรจะคิดถึงการใช้งานพื้นที่ในแนวดิ่งด้วยเช่นกัน เพื่อให้ทุกพื้นที่สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งชั้นลอยเพื่อเก็บของ หรือการใช้พื้นที่ใต้บันไดเป็นพื้นที่เก็บของ ห้องแมว หรือมุมอ่านหนังสือเล็ก ๆ ซึ่งการมีพื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้พื้นที่ในบ้านโล่งมากยิ่งขึ้นอีกด้วย 

เลือกวัสดุและสีธรรมชาติในการตกแต่ง

การเลือกใช้วัสดุและโทนสีใกล้เคียงธรรมชาติ ช่วยให้บรรยากาศโดยรวมของบ้านดูอบอุ่น และผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น แนะนำให้ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนและผ้าในการตกแต่งบ้าน ส่วนสีที่ใช้แนะนำให้ใช้สีเอิร์ธโทน อย่างเบจ ขาว ครีม เป็นหลัก และสำหรับใครที่ชื่นชอบต้นไม้ แนะนำให้ลองเพิ่มต้นไม้ฟอกอากาศตามมุมบ้าน ก็จะช่วยสร้างความสดชื่นได้มากขึ้น 

รักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ

สิ่งสำคัญของการคงความมินิมอล ไม่ให้พัฒนาไปเป็นมินิมาร์ท คือ ความเป็นระเบียบ ด้วยเหตุนี้ ทุกคนในบ้านจึงต้องร่วมมือกันเก็บของในบ้านให้เป็นระเบียบอยู่เสมอ สำหรับของที่ใช้งาน ไม่ใช่ของโชว์ ให้เก็บใส่ตู้ทึบ และทำความสะอาดอยู่เสมอ

เพิ่มแสงและช่องลมตามธรรมชาติ

จุดเด่นของบ้านโมเดิร์นมินิมอล คือ การเปิดรับแสงธรรมชาติ และการเปิดช่องลมมากขึ้น เพื่อให้บ้านดูกว้าง โปร่งโล่งสบาย และมีอากาศถ่ายเท สะดวก ช่วยให้บ้านมีชีวิตชีวา กว้างขวาง และสดชื่นมากยิ่งขึ้น 

 

สำหรับผู้ที่มองหาบ้านสไตล์มินิมอล ที่สวยงามและใช้งานได้จริง อารียา พรอพเพอร์ตี้ ขอแนะนำบ้านสไตล์มินิมอล  ไม่ว่าจะเป็นสไตล์มินิมอลโคซี่ สไตล์มินิมอลอีโคลีฟวิ่ง และสไตล์โมเดิร์นมินิมอล หลากหลายโครงการและหลากหลายทำเลให้เลือกตามความต้องการ ช่วยให้คุณเนรมิตบ้านในฝันที่ตอบโจทย์ทุกคนในครอบครัว สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

 

 

แหล่งอ้างอิง

• Minimal house design: How to harness design minimalism without sacrificing comfort. สืบค้นเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567
• 10 Benefits Of Minimalist Interior Design For Your Home. สืบค้นเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567