Bangkok Mall ศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่ในย่านบางนา

ใครที่ผ่านไปมาในย่าน ‘บางนา’ คงเริ่มได้เห็นงานก่อสร้างของ Bangkok Mall บางนา ซึ่งกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่สำคัญของกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก ด้วยการออกแบบและแนวคิดที่โดดเด่น โดยทุ่มทุนสร้างมากกว่า 50,000 ล้านบาท เพื่อสรรค์สร้างพื้นที่เศรษฐกิจแห่งใหม่ 

ย่านตัวเมืองและทางพิเศษที่สะดวกสำหรับการเดินทางไป Bangkok Mall บางนา

Bangkok Mall บางนา ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ระดับโลก

Bangkok Mall ไม่ใช่แค่ศูนย์การค้า แต่มีการออกแบบให้เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ครบวงจรมิกซ์ยูส บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ พื้นที่ใช้สอยทั้งโครงการโดยประมาณ 1,200,000 ตารางเมตร โดยตั้งเป้าให้เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างพื้นที่เศรษฐกิจที่รวบรวมทุกอย่างไว้อย่างครบครัน ทั้งพื้นที่ค้าปลีกสุดอลังการ อาคารสำนักงาน อารีนา โรงแรม รวมถึงสวนสนุกและสวนน้ำขนาดใหญ่ เพื่อมอบประสบการณ์ความบันเทิงเหนือระดับ ตามที่คุณศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานเดอะมอลล์ กรุ๊ป ได้ให้สัมภาษณ์ถึง Bangkok Mall ไว้ว่าจะเป็น “ห้างที่น่าตื่นเต้นจนคนมาเที่ยวนอนไม่หลับ” โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในระหว่างปี พ.ศ. 2569-2570

ความสะดวกสบายที่ตอบโจทย์ทุกมิติ

หนึ่งในจุดเด่นสำคัญที่ทำให้ Bangkok Mall บางนา แตกต่าง คือความสะดวกสบายในทุกด้านที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น

การเดินทาง

เข้าถึงพื้นที่ได้ง่าย เชื่อมต่อกับหลายเส้นทาง ด้วยโลเคชันโครงการติดถนนสายหลักบางนา-ตราด หรือจะเดินทางเลี่ยงเมืองก็ทำได้ง่ายผ่านเส้นทางพิเศษบูรพาวิถี อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีอุดมสุขและสถานีบางนา รวมถึงคาดการณ์ว่าในอนาคตจะมีการย้ายสถานีขนส่งเอกมัยเดิม มายังสถานีขนส่งผู้โดยสารสายตะวันออก ของ บขส. ใน Bangkok Mall บางนา นี้ ทำให้สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกแม้ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว

พื้นที่ชอปปิงและความบันเทิงครบครัน

เตรียมสัมผัสประสบการณ์การชอปปิงที่แตกต่างกับร้านค้าแบรนด์ชั้นนำ ทั้งแบรนด์ไทยและนานาชาติ พร้อมตัวเลือกร้านอาหารที่หลากหลาย ภายในพื้นที่ที่รองรับโซนห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตรวมกว่า 80,000 ตารางเมตร เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมสัมผัสประสบการณ์ภาพยนตร์แบบเต็มรูปแบบ ด้วยโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ทั้งโรงภาพยนตร์มาตรฐานและโรงภาพยนตร์ในระบบไอแมกซ์

โซนจอดรถขนาดใหญ่

หมดปัญหาขับรถมาแล้วไม่มีที่จอด หรือต้องวนรอนานกว่าจะมีที่ว่าง เพราะ Bangkok Mall บางนา เตรียมที่จอดรถไว้พร้อมสรรพ โดยรองรับด้วยพื้นที่จอดรถได้มากกว่า 8,000 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การมาชอปปิง หรือทำธุระสำคัญ

พื้นที่จัดแสดงคอนเสิร์ตสุดยิ่งใหญ่ ใน Bangkok Mall บางนา

Bangkok Arena

จัดให้ยิ่งใหญ่สมการรอคอย ! Bangkok Arena ฮอลล์แสดงคอนเสิร์ตสุดอลังการ ภายใน Bangkok Mall บางนา เตรียมเปิดประสบการณ์ความบันเทิงแบบเต็มรูปแบบ ด้วยความจุกว่า 16,000 ที่นั่ง ร่วมกับ Anschutz Entertainment Group (AEG) ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดคอนเสิร์ตระดับโลก จึงมั่นใจได้เลยว่า Bangkok Arena จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของวงการบันเทิงไทย ที่พร้อมต้อนรับศิลปินระดับโลกและเหล่าแฟนเพลงจากทั่วทุกที่

สวนสนุกและสวนน้ำ

ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการสร้างศูนย์รวมความสุขสำหรับทุกคน Bangkok Mall บางนา จึงพร้อมมอบประสบการณ์ความสนุกและการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ด้วยสวนสนุกและสวนน้ำขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 50,000 ตารางเมตร เพื่อให้ได้สังสรรค์ และสร้างความทรงจำร่วมกัน

พื้นที่สำนักงานและที่อยู่อาศัยภายใน

Bangkok Mall เตรียมก้าวเข้ามาสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่ของบางนา ด้วยพื้นที่สำนักงานและโรงแรมที่ทันสมัย พร้อมรองรับการเติบโตทางธุรกิจและการลงทุน ทำให้ที่นี่เป็นทำเลที่มีศักยภาพและตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทั้งการทำงาน การพักผ่อน เพื่อสร้างความสมดุลให้แก่ชีวิต

เชื่อมต่อพื้นที่แห่งอนาคต ด้วยการอยู่อาศัยในย่านบางนา

บางนา ไม่เพียงเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งใหม่ที่กำลังจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยการมาถึงของโครงการ Bangkok Mall เท่านั้น แต่ยังเป็นทำเลที่อยู่อาศัยยอดนิยม ด้วยโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ทันสมัย เพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบาย โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมบางนา จาก อารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่อยู่ใกล้เมกาบางนาและ Bangkok Mall เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่างแท้จริง

 

อารียา พรอพเพอร์ตี้ ขอแนะนำโครงการทาวน์โฮม คอนโด บ้านเดี่ยว โซนบางนา ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย และการวางผังโครงการที่ได้มาตรฐานในหลากหลายสไตล์ บนที่สุดแห่งทำเลศักยภาพ ให้คุณเดินทางสะดวก ใช้ชีวิตได้เต็มที่ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมรองรับทุกการอยู่อาศัย ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.89 ล้านบาท*  สนใจเยี่ยมชมโครงการหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1797 หรือ LINE: @areeyahome

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. เดอะมอลล์ กรุป ทุ่ม 5 หมื่นล้าน! เนรมิต ‘Bangkok Mall’ ศูนย์การค้าใหญ่สุดในอาเซียน. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 จาก https://thestandard.co/bangkok-mall-shopping-center-asean/
awsa

ทำโฮมออฟฟิศดียังไง ? ข้อควรรู้ก่อนเริ่มธุรกิจในบ้านของคุณ

การเปิดออฟฟิศในบ้านตัวเอง หรือที่เรียกกันว่าโฮมออฟฟิศ (Home Office) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ตอัป ทั้งนี้ เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจแล้ว ยังช่วยให้บริหารจัดการเวลาระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังตอบโจทย์การทำงานยุคใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อบ้านมาทำเป็นออฟฟิศ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ การพิจารณาข้อดีและข้อจำกัดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เพื่อให้แน่ใจว่านี่คือทางเลือกที่ใช่และเหมาะสมกับธุรกิจของคุณอย่างแท้จริง

ตัวอย่างห้องทำงานในโฮมออฟฟิศ

โฮมออฟฟิศคืออะไร ?

โฮมออฟฟิศ หมายถึง การนำพื้นที่ส่วนหนึ่งภายในบ้านมาใช้เป็นสถานที่ทำงานหรือดำเนินธุรกิจ โดยอาจมีการดัดแปลงพื้นที่บางส่วน เช่น ห้องรับแขก ห้องนอน หรือจัดสรรพื้นที่สำหรับการทำงานโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่ที่มีประสิทธิภาพและเอื้อต่อการทำงานมากที่สุด

ข้อดีของการซื้อบ้านมาทำโฮมออฟฟิศ

การตัดสินใจซื้อบ้านมาทำเป็นโฮมออฟฟิศมีข้อดีหลายประการที่คุ้มค่าต่อการลงทุนในระยะยาว ดังนี้

  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว 

เริ่มต้นจากข้อดีที่เห็นได้ชัดที่สุดของการลงทุนซื้อโครงการบ้านทาวน์โฮมเพื่อทำโฮมออฟฟิศ นั่น คือ การลดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่สำนักงาน เนื่องจากไม่เพียงแต่จะประหยัดค่าเช่าออฟฟิศรายเดือนที่มักปรับตัวสูงขึ้นทุกปี แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าที่จอดรถ รวมถึงค่าบริการส่วนกลางที่มาพร้อมกับการเช่าออฟฟิศทั่วไป นอกจากนี้ ยังสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อและปรับปรุงบ้านมาลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ทั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร

  • สะดวกสบายในการบริหารจัดการ 

การมีบ้านเป็นออฟฟิศของตัวเองช่วยให้การบริหารจัดการทำได้อย่างอิสระและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคุณสามารถควบคุมการใช้พื้นที่ การจัดเก็บเอกสาร และการบริหารทรัพยากรต่าง ๆ ได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการภายนอกหรือปฏิบัติตามกฎระเบียบเหมือนการเช่าอาคารสำนักงานทั่วไป

  • ยืดหยุ่นในการปรับแต่งพื้นที่ 

เมื่อเป็นเจ้าของพื้นที่เอง คุณจึงมีอิสระในการออกแบบและปรับปรุงพื้นที่ได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ทำงาน การติดตั้งอุปกรณ์หรือระบบต่าง ๆ รวมถึงการขยายพื้นที่เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อจำกัดของสัญญาเช่าหรือการขออนุญาตจากเจ้าของอาคาร

  • คล่องตัวในการทำงาน 

เจ้าของบ้านสามารถบริหารจัดการเวลาทำงานได้อย่างยืดหยุ่น เพราะสามารถเข้า-ออกได้ตลอดเวลาโดยไม่มีข้อจำกัด ทำให้สะดวกต่อการทำงานนอกเวลา การประชุมกับลูกค้าต่างประเทศ หรือการจัดกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้พื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของบ้านเพื่อสนับสนุนการทำงาน เช่น ห้องประชุม พื้นที่พักผ่อน หรือห้องรับรองลูกค้าด้วย

  • อบอุ่นไปกับบรรยากาศการทำงาน 

การมีออฟฟิศในบ้านของตัวเองช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นส่วนตัวและผ่อนคลาย ทำให้ทั้งเจ้าของและพนักงานรู้สึกสบายใจและมีความสุขในการทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถจัดสรรเวลาระหว่างงานกับครอบครัวได้อย่างลงตัว ซึ่งส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิตโดยรวม

ข้อจำกัดของการซื้อบ้านมาทำโฮมออฟฟิศ

แม้ว่าโฮมออฟฟิศจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อจำกัดที่ผู้ประกอบการควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเช่นกัน ดังต่อไปนี้

  • ความเป็นส่วนตัวลดลง 

ข้อจำกัดที่สำคัญประการแรก คือ การสูญเสียความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ของบ้าน เนื่องจากต้องเปิดรับพนักงาน ลูกค้า และพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจเข้ามาในพื้นที่บ้าน อีกทั้งยังอาจเกิดความไม่สะดวกในการแบ่งแยกระหว่างเวลาทำงานกับเวลาส่วนตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัวและการพักผ่อนที่แท้จริง

  • ข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ใช้สอย 

การทำโฮมออฟฟิศอาจประสบปัญหาเรื่องพื้นที่ที่ไม่เพียงพอหรือไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจมีการเติบโตและต้องการพื้นที่เพิ่มเติม ทั้งในส่วนของพื้นที่ทำงาน ห้องประชุม พื้นที่จัดเก็บเอกสาร หรือพื้นที่รับรองลูกค้า ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ

  • ภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพ 

อีกประเด็นที่ต้องคำนึงถึง คือ การใช้บ้านเป็นออฟฟิศอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ เพราะลูกค้าบางรายอาจมองว่าการไม่มีสำนักงานในย่านธุรกิจ หมายถึงขนาดของกิจการที่เล็กเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจร่วมงานหรือทำธุรกรรมกับบริษัท โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องติดต่อกับองค์กรขนาดใหญ่

  • ความเสี่ยงด้านกฎหมายและการจัดการ 

ท้ายที่สุด การทำโฮมออฟฟิศอาจมีความเสี่ยงในด้านกฎหมายและการบริหารจัดการ เช่น ข้อจำกัดด้านการขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อการพาณิชย์ การจัดการด้านประกันภัยที่ต้องครอบคลุมทั้งการใช้งานส่วนตัวและธุรกิจ รวมถึงความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของพนักงานและผู้มาติดต่อ ซึ่งอาจซับซ้อนมากกว่าการเช่าพื้นที่สำนักงานทั่วไป และต้องระมัดระวังไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้าน

สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านเพื่อทำโฮมออฟฟิศ

เมื่อเข้าใจถึงข้อดีและข้อจำกัดแล้ว ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนซื้อบ้านเพื่อทำเป็นโฮมออฟฟิศ ยังมีอีกหลายปัจจัยสำคัญที่คุณควรพิจารณาให้รอบคอบ ทั้งนี้ เพื่อให้การลงทุนครั้งนี้คุ้มค่าและเหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • ตรวจสอบข้อกฎหมายในพื้นที่ 

เริ่มต้นจากสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การตรวจสอบกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ในหมู่บ้านทาวน์โฮมที่คุณสนใจ โดยเฉพาะเรื่องการขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อการพาณิชย์ ข้อกำหนดผังเมือง และกฎระเบียบของหมู่บ้านหรือชุมชน รวมถึงข้อกำหนดด้านที่จอดรถและการรับรองผู้มาติดต่อ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

  • ประเมินความเหมาะสมของบ้าน 

ควรพิจารณาโครงสร้างและลักษณะของบ้านอย่างละเอียด โดยคำนึงถึงการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ระหว่างส่วนที่พักอาศัยและส่วนที่เป็นออฟฟิศ ความสะดวกในการเข้า-ออก ระบบสาธารณูปโภค และความเป็นไปได้ในการปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน อีกทั้งยังต้องพิจารณาทำเลที่ตั้งที่สะดวกต่อการเดินทางของพนักงานและลูกค้าด้วย

  • คำนึงถึงความปลอดภัย 

อีกประเด็นสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ การวางแผนด้านความปลอดภัย ซึ่งต้องครอบคลุมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยของตัวบ้าน การแยกส่วนพื้นที่ส่วนตัวออกจากพื้นที่ธุรกิจ การติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด และการทำประกันภัยที่ครอบคลุมทั้งการใช้งานส่วนบุคคลและการดำเนินธุรกิจ เพื่อปกป้องทั้งชีวิตและทรัพย์สิน

  • วางแผนการเงินให้ชัดเจน 

ในด้านการเงิน จำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบ โดยคำนวณทั้งค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน ค่าปรับปรุง ค่าติดตั้งระบบต่าง ๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและค่าสาธารณูปโภคที่อาจเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับต้นทุนการเช่าออฟฟิศในระยะยาว เพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนนี้คุ้มค่าและไม่กระทบต่อสภาพคล่องของธุรกิจ

  • เตรียมแผนรองรับอนาคต 

ท้ายที่สุด ควรวางแผนระยะยาวสำหรับการเติบโตของธุรกิจ โดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการขยายพื้นที่ การปรับเปลี่ยนการใช้งาน หรือแม้แต่การขายหรือให้เช่าในอนาคต นอกจากนี้ ยังควรมีแผนสำรองในกรณีที่ธุรกิจต้องการย้ายไปยังพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้น หรือต้องการเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงาน เพื่อให้การลงทุนมีความยืดหยุ่นและรองรับการเปลี่ยนแปลงได้ดี

ตัวอย่างการใช้โครงการบ้านทาวน์โฮมมาจัดพื้นที่เป็นโฮมออฟฟิศ

หากผู้ประกอบการกำลังมองหาบ้านเพื่อทำโฮมออฟฟิศ ขอแนะนำโครงการทาวน์โฮม กรุงเทพฯ จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยและการทำธุรกิจโดยเฉพาะ โดยมีให้เลือกทั้งโครงการโฮมออฟฟิศย่านบางนา ที่ใกล้ศูนย์การค้าชั้นนำอย่างเมกา บางนา อิเกีย โฮมโปร และห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย พร้อมเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือโฮมออฟฟิศย่านรามอินทรา ที่โดดเด่นด้วยทำเลใกล้ทางด่วนสายสำคัญ ทั้งฉลองรัช ศรีรัช กาญจนาภิเษก รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สายสีชมพู ตลอดจนโฮมออฟฟิศย่านรังสิต ที่รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง Zpell ฟิวเจอร์พาร์ค โรงพยาบาล และสถานศึกษาชั้นนำ พร้อมการเดินทางที่สะดวกสบายด้วยทางด่วนดอนเมือง ทางยกระดับโทลล์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีแดง

โครงการ The Parti โครงการทาวน์โฮมเพื่อทำโฮมออฟฟิศจากอารียา พรอพเพอร์ตี้

ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและการวางผังโครงการที่ได้มาตรฐาน จึงช่วยสร้างภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพให้ธุรกิจ อีกทั้งยังได้รับอนุญาตให้ใช้เป็นพื้นที่เพื่อการพาณิชย์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมั่นใจ ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 3.79 ล้านบาท* สนใจเยี่ยมชมโครงการหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1797 หรือ LINE: @areeyahome

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Pros and Cons of Using a Model Home as Office Space. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 จาก https://www.builderfinance.com/blog/pros-and-cons-of-using-a-model-home-as-office-space.
  2. Running Your Business from Home: Pros and Cons. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 จาก https://allanhall.com.au/home-office-pros-cons/.
awsa

คำแนะนำการเลือกซื้อบ้านจัดสรรกรุงเทพฯ สำหรับคนยุคใหม่

เพราะ “บ้าน” ไม่ใช่เพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำ ความอบอุ่น และการเติบโตของสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อย่าง  “กรุงเทพมหานคร” ซึ่งเต็มไปด้วยโอกาสและความหลากหลาย การเลือกบ้านจึงเปรียบเสมือนการเลือกอนาคตสำหรับตัวคุณเองและคนที่คุณรัก

ไม่ว่าคุณกำลังมองหาโครงการบ้านเดี่ยว กรุงเทพบนทำเลศักยภาพ บ้านจัดสรรที่มาพร้อมความสะดวกสบายครบครัน หรือบ้านพร้อมอยู่ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ การเลือกบ้านที่ใช่ยังต้องพิจารณาอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้มั่นใจว่าการตัดสินใจในครั้งนี้จะดีที่สุด ทั้งในแง่ของคุณภาพชีวิตและความมั่นคงทางการเงินในอนาคต

โครงการบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ

ข้อดีของโครงการบ้านจัดสรรในกรุงเทพ

การเลือกซื้อบ้านจัดสรรกรุงเทพฯ มีข้อดีหลายประการที่ช่วยให้การอยู่อาศัยสะดวกสบายและเหมาะสมกับชีวิตในเมืองใหญ่ ดังนี้

1. ทำเลที่ตั้งศักยภาพสูง

โครงการบ้านในกรุงเทพฯ มักตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง เช่น ย่านอ่อนนุชหรือเอกมัย ที่อยู่ใกล้กับระบบขนส่งมวลชน เช่น สถานีรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวอ่อน และสถานี MRT สายสีน้ำเงิน ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมีสาธารณูปโภค สาธารณูปการต่าง ๆ เช่น โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาล ที่ช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้น

2. ความเป็นส่วนตัวในชุมชนคุณภาพ

บ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ มักมีการออกแบบและการจัดการพื้นที่ที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง สามารถอยู่อาศัยได้ในบรรยากาศที่เงียบสงบ แต่ยังคงความสะดวกต่อการเดินทางไปยังจุดสำคัญในเมืองได้อย่างรวดเร็ว เช่น โครงการบ้านใกล้ย่านเกษตร-นวมินทร์ หรือย่านรามอินทรา ที่เชื่อมต่อกับถนนหลักและทางพิเศษหลายสาย พร้อมสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู และโครงการอนาคต รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (แคราย-ลำสาลี) ทำให้การเดินทางสะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีความเป็นส่วนตัวในชุมชนคุณภาพที่เหมาะกับการอยู่อาศัยในบรรยากาศสงบและปลอดภัย เพราะล้วนแต่อยู่ในพื้นที่ที่การอยู่อาศัยไม่หนาแน่น

3. สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

โครงการบ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ มักจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ เช่น สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนสาธารณะ และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้การอยู่อาศัยสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น

4. การออกแบบที่เน้นไลฟ์สไตล์มากกว่าแค่ที่อยู่อาศัย

โครงการบ้านเดี่ยวหรือบ้านจัดสรรส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ มีการออกแบบที่ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของคนยุคใหม่ เช่น การจัดสรรพื้นที่ภายใน ซึ่งมีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย และการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง เพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยอย่าง โครงการบ้านบนทำเลลาดพร้าวที่ออกแบบให้ตอบโจทย์คนเมือง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อความสะดวกสบายในทุกการใช้ชีวิต

5. คุณภาพชีวิตที่เหนือระดับ

การอยู่อาศัยในโครงการบ้านจัดสรรที่ดีและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยได้อย่างแท้จริง

เหตุผลที่ควรลงทุนกับโครงการบ้านในกรุงเทพฯ

การเลือกลงทุนในโครงการบ้านเดี่ยวหรือบ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ มีเหตุผลที่น่าสนใจหลายอย่าง ดังนี้

มูลค่าทรัพย์สินที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้มูลค่าของบ้านและที่ดินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าการลงทุนกับบ้านจัดสรรจึงไม่เพียงแค่เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัย แต่ยังสามารถให้ผลตอบแทนในอนาคตได้

ความต้องการสูงบนทำเลศักยภาพ

กรุงเทพฯ เป็นเมืองใหญ่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองสูง การซื้อบ้านบนทำเลศักยภาพ เช่น ย่านธุรกิจหรือใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า จึงเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจและเป็นที่ต้องการในตลาดอสังหาริมทรัพย์

ความยืดหยุ่นในการปรับใช้

บ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการอยู่อาศัยเอง การปล่อยเช่า หรือการขายต่อในอนาคต ทำให้การลงทุนมีความยืดหยุ่นสูง

สร้างความสัมพันธ์ในสังคมคุณภาพ

การอยู่อาศัยในโครงการบ้านจัดสรรที่มีคุณภาพช่วยให้ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในสังคม เนื่องจากชุมชนที่มีคุณภาพจะส่งเสริมบรรยากาศที่ดีและเหมาะสมกับการใช้ชีวิต

คู่รักกำลังตัดสินใจซื้อโครงการบ้านพร้อมอยู่ในกรุงเทพฯ

ข้อควรพิจารณาก่อนซื้อบ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ

ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ ควรพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรอบคอบ ดังนี้

  • งบประมาณและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม : คำนึงถึงงบประมาณในการซื้อบ้าน รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าภาษี และค่าบำรุงรักษา
  • ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนาโครงการ : เลือกซื้อจากผู้พัฒนาโครงการที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของบ้านและการให้บริการหลังการขาย
  • สำรวจทำเลและสิ่งแวดล้อมรอบข้าง : การเลือกทำเลที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของการเดินทางและการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
  • ศึกษารายละเอียดของสัญญา : อ่านและทำความเข้าใจรายละเอียดในสัญญาการซื้อขาย รวมถึงข้อกำหนดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน การรับประกัน และการบำรุงรักษา
  • เปรียบเทียบโครงการบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ หลาย ๆ แห่ง : เปรียบเทียบข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละโครงการ เพื่อเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการของคุณ

การเลือกซื้อบ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ เป็นการตัดสินใจที่สำคัญสำหรับชีวิตในอนาคตของคุณ ไม่ว่าคุณกำลังมองหาโครงการบ้านเดี่ยว หรือบ้านพร้อมอยู่ในกรุงเทพฯ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณ การเลือกโครงการที่ดีจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและการลงทุนในอนาคต

 

สำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวกรุงเทพฯ ที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องไลฟ์สไตล์ ความสะดวกสบาย และมาตรฐานการอยู่อาศัยที่ยกระดับคุณภาพชีวิต โครงการบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ จากอารียา พรอพเพอร์ตี้ พร้อมมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่แตกต่าง ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย ใส่ใจในทุกรายละเอียด และตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ติดต่อเราเพื่อเยี่ยมชมโครงการและสัมผัสความพิเศษด้วยตัวคุณเองวันนี้ โทร. 1797 หรือ LINE: @areeyahome

 

แหล่งอ้างอิง

  1. เรื่องน่ารู้ ข้อพิจารณาก่อนซื้อบ้าน สืบค้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 จาก https://home.kapook.com/view43944.html
awsa

เคล็ดลับเลือกสีทาบ้านภายใน เปลี่ยนบ้านให้สวย สบายตาทุกมุมมอง

การเลือกสีทาบ้านภายใน ไม่เพียงแต่เป็นปัจจัยที่สะท้อนถึงรสนิยมของเจ้าของบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญที่จะช่วยสร้างบรรยากาศและอารมณ์ให้แก่พื้นที่พักผ่อนภายในบ้านได้อย่างน่าทึ่งอีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนอกจากการใส่ใจรายละเอียดเรื่องดีไซน์การออกแบบแล้ว เราจึงไม่ควรมองข้ามเรื่องการเลือกโทนสีที่เหมาะสมกับบ้าน

มาดูไอเดียเลือกสีผนังบ้านภายในโทนต่าง ๆ ที่จะช่วยเปลี่ยนบ้านสุดที่รักของคุณให้เป็นพื้นที่พักผ่อนอันแสนสงบ สบายตา พร้อมทั้งสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร !

สีขาว เป็นสีทาภายในโทนสว่างที่ช่วยให้บ้านดูโปร่งโล่ง

โทนสียอดนิยมในการเลือกสีทาบ้านภายใน

1. สีทาภายในโทนสว่าง

โทนสีสว่าง เช่น สีขาว สีครีม สีเบจ ถือเป็นตัวเลือกสุดคลาสสิกที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากสีเหล่านี้ช่วยให้พื้นที่ภายในบ้านดูกว้างขวางและโปร่งโล่งมากขึ้น เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการเน้นความเรียบง่ายและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และยังเป็นพื้นหลังที่เหมาะสำหรับการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งบ้านที่มีสีสันสดใสอีกด้วย

นอกจากนี้ สีทาภายในโทนสว่างยังมีคุณสมบัติสะท้อนแสงได้ดี ช่วยเพิ่มความสว่างให้แก่ห้องได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาแสงไฟฟ้ามากเกินไป เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการลดการใช้พลังงาน

ตัวอย่างการใช้สีทาภายในโทนสว่าง

  • ห้องนั่งเล่น สามารถใช้สีขาวหรือสีเบจเพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง
  • ห้องนอน เลือกสีทาภายในเป็นสีครีมอ่อนเพื่อให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการพักผ่อน

สีทาภายในโทนเย็น ช่วยเพิ่มความสงบให้กับบรรยากาศภายในบ้าน

2. สีทาภายในโทนเย็น

สีโทนเย็น เช่น สีฟ้า สีเขียว หรือสีเทาอ่อน เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างบรรยากาศภายในบ้านที่สงบและผ่อนคลาย โดยโทนสีเหล่านี้จะช่วยลดความตึงเครียดและเพิ่มความสมดุลให้แก่จิตใจได้ดี นิยมใช้เป็นสีผนังบ้านภายในสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เช่น ห้องนอน หรือห้องทำงาน

ตัวอย่างการใช้สีทาภายในโทนเย็น

  • ห้องนอน ใช้สีเขียวมินต์ หรือสีเขียวอ่อน ช่วยเติมความสดชื่นและพลังงานเชิงบวก ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกว่าได้ใกล้ชิดธรรมชาติ และหลับสบาย
  • ห้องทำงาน ใช้สีเทาอ่อน สีฟ้าอ่อน หรือสีฟ้าพาสเทล ช่วยให้ห้องดูสงบร่มเย็น ปลอดโปร่ง เสริมสร้างสมาธิและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ดี

สีเอิร์ธโทน เป็นสีผนังบ้านภายในที่เหมาะกับห้องนั่งเล่น

3. สีผนังบ้านภายในโทนธรรมชาติ

สีโทนธรรมชาติ เช่น สีเอิร์ธโทน หรือสีน้ำตาลอ่อน เป็นสีที่สื่อถึงความอบอุ่นและความสมดุล เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการบรรยากาศผ่อนคลายและกลมกลืนกับธรรมชาติ โดยสามารถจับคู่กับพื้นผิวไม้หรือวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ อย่างหินอ่อน หินทราย ผ้าลินิน ฯลฯ ได้อย่างลงตัว เพื่อเพิ่มมิติให้พื้นที่ดูโดดเด่นและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างการใช้สีผนังบ้านภายในโทนธรรมชาติ

  • ห้องนั่งเล่น ใช้สีน้ำตาลอ่อนหรือสีเอิร์ธโทน ช่วยสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง
  • ห้องรับประทานอาหาร ใช้สีเอิร์ธโทนเฉดแดง ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารและสร้างพื้นที่ที่เหมาะแก่การพบปะสังสรรค์

4 เคล็ดลับการเลือกสีทาบ้านภายในให้ดูดี

1. พิจารณาฟังก์ชันของห้อง

การเลือกสีผนังบ้านภายในควรคำนึงถึงวัตถุประสงค์การใช้งานของห้องนั้น ๆ ด้วย เช่น ห้องนั่งเล่นอาจต้องการบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง ในขณะที่ห้องทำงานอาจต้องการความสงบและมีสมาธิ สีที่เลือกจึงต้องสอดคล้องกับการใช้งานแต่ละพื้นที่

2. ใช้เทคนิคการจับคู่สี

การจับคู่สีที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มมิติและความน่าสนใจให้แก่พื้นที่ได้ไม่น้อยเลย แนะนำให้ลองใช้สีทาภายในโทนสว่างและโทนเย็นร่วมกัน เช่น ผนังหลักใช้สีฟ้าอ่อน ส่วนผนังไฮไลต์ (Accent Wall) ใช้สีขาว เพื่อสร้างความสมดุลและเสริมเอกลักษณ์ให้ดีไซน์ของห้อง

3. ทดสอบสีด้วยแสงธรรมชาติ

แสงธรรมชาติมีบทบาทสำคัญต่อการมองเห็นสี ดังนั้น ก่อนเลือกสีผนังบ้านภายใน ควรทดสอบสีที่ชอบในพื้นที่จริง และสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสีในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามที่สุด

4. เลือกวัสดุสีคุณภาพสูง

สีทาภายในที่มีคุณภาพ นอกจากจะช่วยให้สีติดทนนานแล้ว ยังต้องป้องกันคราบสกปรกและเพิ่มความทนทานต่อการใช้งานในระยะยาวด้วย

 

การเลือกสีทาบ้านภายในไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นเทคนิคการสร้างพื้นที่พักผ่อนที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ซึ่งต้องการมุมผ่อนคลายหลังใช้ชีวิตมาทั้งวันอย่างแท้จริง หากกำลังมองหาบ้านที่สามารถตกแต่งภายในได้อย่างอิสระ โครงการบ้านบางนาจากอารียา พรอพเพอร์ตี้ คือคำตอบ เพื่อให้ได้บ้านในฝันที่มองมุมไหนก็สบายตา อยู่เมื่อไรก็สบายใจ ดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ หรือสอบถามได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

 

ข้อมูลอ้างอิง 

  1. สีทาภายใน เลือกสีโทนไหนให้ออกมาดูดี ช่วยให้บ้านสว่างน่าอยู่ขึ้น. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 จาก https://www.toagroup.com/th/blogs/toa-tips-how-to/311/interior-paint-color.
awsa

6 ไอเดียติดวอลเปเปอร์ห้องนอน สร้างพื้นที่พักผ่อนสไตล์คุณ

เมื่อพูดถึงการตกแต่งห้องนอน “วอลเปเปอร์” ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากไม่เพียงแค่ติดตั้งง่ายและประหยัดกว่าการทาสีเท่านั้น แต่ยังมีลวดลายและสีสันให้เลือกหลากหลาย รวมถึงสามารถช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีให้แก่ห้องนอนได้อย่างน่าทึ่งอีกด้วย

ไอเดียติดวอลเปเปอร์ห้องนอนลายใบไม้และธรรมชาติ

ทำไมต้องติดวอลเปเปอร์ในห้องนอน ?

  • สร้างบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์

เหตุผลแรกที่ควรติดวอลเปเปอร์ห้องนอนก็คือ เจ้าของห้องสามารถเลือกวอลเปเปอร์ให้เข้ากับสไตล์ที่ชอบได้ง่าย ๆ เช่น ถ้าชอบความสวยงามของธรรมชาติก็เลือกลายดอกไม้ หรือถ้าชอบความทันสมัยก็เลือกลายเรขาคณิต จึงทำให้การแต่งห้องเป็นเรื่องที่สนุกและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์

  • ปกปิดข้อบกพร่องของผนัง

นอกจากความสวยงามแล้ว วอลเปเปอร์ยังช่วยแก้ปัญหาผนังที่ไม่สมบูรณ์แบบได้อีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อผนังมีรอยขีดข่วน รอยแตกร้าวเล็กน้อย หรือความไม่เรียบเนียนต่าง ๆ ซึ่งการติดวอลเปเปอร์จะช่วยอำพรางจุดบกพร่องเหล่านี้ได้อย่างแนบเนียน

  • ปรับเปลี่ยนบรรยากาศในห้องนอนได้ง่าย

ข้อดีอีกประการหนึ่งของวอลเปเปอร์ คือ ความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนแปลง เพราะเมื่อใดก็ตามที่รู้สึกเบื่อหรือต้องการเปลี่ยนลุคใหม่ในห้อง ก็สามารถลอกวอลเปเปอร์เดิมออกและติดลายใหม่ได้ทันที ซึ่งวิธีนี้สะดวกและรวดเร็วกว่าการทาสีใหม่อย่างเห็นได้ชัด

6 ไอเดียติดวอลเปเปอร์ในห้องนอนที่น่าสนใจ

การเลือกวอลเปเปอร์สำหรับห้องนอนไม่เพียงแค่ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีเท่านั้น แต่ยังสามารถสะท้อนความเป็นตัวตนของเจ้าของห้องได้อีกด้วย ดังนั้น มาดูกันว่ามีไอเดียไหนที่น่าสนใจบ้าง

  • วอลเปเปอร์ลายดอกไม้สุดโรแมนติก 

 หากคุณหลงใหลในความโรแมนติก วอลเปเปอร์ลายดอกไม้ คือ ตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะลายดอกกุหลาบและดอกพีโอนีขนาดใหญ่ ที่จะช่วยมอบความรู้สึกอบอุ่นให้แก่ห้องนอน ทั้งนี้ แนะนำให้เลือกสีสันตามบรรยากาศที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นโทนสดใสอย่างชมพูเข้มหรือแดงเพื่อสร้างความโดดเด่น หรือโทนพาสเทลอย่างชมพูอ่อนและม่วงอ่อนเพื่อความนุ่มนวล สำหรับขนาดของลายดอกไม้นั้น ควรพิจารณาตามพื้นที่ห้อง โดยห้องขนาดเล็กควรเลือกลายดอกเล็กเพื่อไม่ให้ดูอึดอัด ส่วนห้องขนาดใหญ่ก็สามารถใช้ลายดอกใหญ่เพื่อสร้างจุดเด่นได้

  • วอลเปเปอร์ลวดลายธรรมชาติสร้างความสงบ 

สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างห้องนอนให้เป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง แนะนำให้เลือกวอลเปเปอร์ลายใบไม้หรือกิ่งไม้ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อเลือกใช้โทนสีเขียวหรือน้ำตาลอ่อนที่ให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีลวดลายให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ลายใบไม้เรียบง่ายไปจนถึงลายป่าเขตร้อนที่ซับซ้อน และเพื่อให้ได้บรรยากาศที่สมบูรณ์แบบ แนะนำให้ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยต้นไม้จริงและเฟอร์นิเจอร์โทนไม้ธรรมชาติ

  • วอลเปเปอร์โทนสีพาสเทลเติมความละมุน 

หากต้องการห้องนอนที่ดูนุ่มนวลและสบายตา วอลเปเปอร์โทนสีพาสเทล คือ ตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทีเดียว โดยแนะนำให้เลือกใช้สีชมพูอ่อนเพื่อความอบอุ่น สีฟ้าอ่อนเพื่อความสงบ หรือสีเหลืองครีมเพื่อความสดชื่น ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ห้องดูจืดเกินไป สามารถเพิ่มลวดลายเรียบง่ายอย่างลายจุดหรือลายทางได้ และหากต้องการสร้างมิติให้แก่ห้องนอน แนะนำให้ผสมผสานโทนสีพาสเทลต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยเฉพาะในห้องที่มีแสงธรรมชาติดี เพราะจะช่วยให้ห้องดูกว้างและสว่างขึ้น

  • วอลเปเปอร์ลายเรขาคณิตเพิ่มลูกเล่นทันสมัย 

ถ้าใครที่ชื่นชอบสไตล์โมเดิร์น แนะนำให้เลือกวอลเปเปอร์ลายเรขาคณิตที่มีรูปทรงคมชัดและการจัดวางที่เป็นระเบียบ โดยมีลวดลายให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ลายสามเหลี่ยมที่ดูมีพลัง ลายหกเหลี่ยมที่ทันสมัย หรือลายเส้นตรงที่เรียบง่าย สำหรับการเลือกสี แนะนำให้ใช้โทนขาว-ดำเพื่อความคลาสสิก หรือเลือกสีเมทัลลิกอย่างทองหรือเงินเพื่อเพิ่มความหรูหรา และเพื่อให้ห้องนอนดูลงตัวที่สุด ควรเลือกขนาดลวดลายให้เหมาะกับพื้นที่ห้องด้วยเช่นกัน

  • วอลเปเปอร์ลวดลาย 3D สร้างมิติสุดปัง 

สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างความแปลกใหม่ให้แก่ห้องนอน แนะนำให้เลือกวอลเปเปอร์ลาย 3D ที่จะช่วยสร้างมิติและความน่าสนใจให้ผนังห้อง โดยวอลเปเปอร์รูปแบบนี้มีลวดลายให้เลือกหลากหลาย ทั้งลายก้อนหิน ลายอิฐ ลายไม้ หรือลายทิวทัศน์ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แนะนำให้ติดที่ผนังเพียงด้านเดียวและเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบเรียบง่าย นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงทิศทางของแสงในห้องด้วย เพราะจะช่วยเน้นให้ลวดลาย 3D ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

  • วอลเปเปอร์ลายศิลปะนามธรรมสร้างเอกลักษณ์ 

สำหรับคนที่รักศิลปะและต้องการห้องนอนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แนะนำให้เลือกวอลเปเปอร์ลายนามธรรม หรือ Abstract ซึ่งมีทั้งลายหยดสี ลายพู่กันอิสระ หรือลายที่ได้แรงบันดาลใจจากศิลปินที่ชื่นชอบ ทั้งนี้ สามารถเลือกโทนสีได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นสีสดใสเพื่อความมีชีวิตชีวา หรือโทนสีเข้มเพื่อความลึกลับน่าค้นหา นอกจากนี้ ยังอาจใช้ลายแอบสแตร็กต์เป็นแรงบันดาลใจในการเลือกโทนสีของเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งอื่น ๆ เพื่อให้การตกแต่งทั้งหมดลงตัวและไปในทิศทางเดียวกันได้อีกด้วย

เคล็ดลับเลือกวอลเปเปอร์ติดห้องนอน

 หลังจากที่รู้จักวอลเปเปอร์รูปแบบต่าง ๆ กันไปแล้ว มาดูเคล็ดลับในการเลือกวอลเปเปอร์ให้เหมาะกับห้องนอนของคุณกัน 

  • พิจารณาขนาดของห้องนอน

ขนาดของห้องเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกวอลเปเปอร์เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับห้องขนาดเล็ก ควรเลือกใช้วอลเปเปอร์โทนสีอ่อนหรือลวดลายที่ไม่ซับซ้อนมากนัก เนื่องจากจะช่วยให้ห้องดูโปร่งและกว้างขึ้น ในทางกลับกัน ห้องขนาดใหญ่สามารถเลือกใช้ลวดลายที่โดดเด่นหรือสีเข้มได้อย่างอิสระ

  • เลือกวัสดุที่เหมาะสม 

นอกจากลวดลายและสีสันแล้ว คุณสมบัติของวัสดุก็สำคัญไม่แพ้กัน ทั้งนี้ วอลเปเปอร์แต่ละประเภทมีข้อดีที่แตกต่างกัน เช่น วอลเปเปอร์ไวนิลที่มีความทนทานและทำความสะอาดง่าย จึงเหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กหรือสัตว์เลี้ยง หรือวอลเปเปอร์ผ้าที่ให้ความรู้สึกหรูหราและสวยงาม แต่อาจดูแลรักษาได้ยากกว่า

  • ทดลองตัวอย่างก่อนติดตั้ง 

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรนำตัวอย่างวอลเปเปอร์มาทดลองติดที่ผนังก่อนตัดสินใจ เนื่องจากจะช่วยให้เห็นว่าลวดลายและสีสันนั้นเข้ากับแสงธรรมชาติและแสงไฟในห้องหรือไม่ อีกทั้งยังช่วยให้มองเห็นภาพรวมของห้องได้ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย

  • จับคู่กับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง 

สุดท้าย การเลือกวอลเปเปอร์ควรคำนึงถึงความกลมกลืนกับองค์ประกอบอื่นในห้องด้วย โดยพิจารณาทั้งโทนสีและสไตล์ของเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่ เพื่อให้การตกแต่งห้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันและสวยงามอย่างลงตัว

ไอเดียติดวอลเปเปอร์ห้องนอนสีพาสเทล

เช่นเดียวกับการเลือกวอลเปเปอร์ที่ช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้ห้องนอน โครงการบ้านสั่งสร้างจากอารียา พรอพเพอร์ตี้ ก็พร้อมให้คุณได้สร้างสรรค์พื้นที่อยู่อาศัยในแบบที่เป็นตัวคุณเช่นกัน ด้วยโครงการที่มีตัวเลือกหลากหลาย บนทำเลคุณภาพที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ภายใต้แนวคิดสุนทรียะในการใช้ชีวิต ที่จะทำให้คุณได้บ้านที่มองมุมไหนก็สบายตา อยู่เมื่อไรก็สบายใจ ดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของอารียา พรอพเพอร์ตี้ หรือสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome 

* เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. 45 Bedroom Wallpaper Ideas to Bring Beauty to Your Boudoir. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 จาก https://www.elledecor.com/design-decorate/room-ideas/g22072367/bedrooms-statement-wallpaper/.
awsa

10 วิธีดับกลิ่นเหม็นในบ้าน ด้วยวิธีธรรมชาติที่ง่ายและปลอดภัย

กลิ่นเหม็นในบ้าน เป็นปัญหากวนใจที่หลายคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นจากห้องครัว ห้องน้ำ หรือกลิ่นอับในมุมต่าง ๆ ของบ้าน แม้ว่าการใช้สารเคมีอาจช่วยได้ในบางกรณี แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมได้ สำหรับคนที่กำลังมองหาวิธีลดกลิ่นอับในห้องหรือกลิ่นเหม็นในบ้านอย่างปลอดภัย การเลือกใช้วิธีธรรมชาติที่หาได้ง่ายและปรับพฤติกรรมการดูแลบ้านอย่างทั่วถึงเป็นวิธีที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังประหยัดและปลอดภัยต่อทุกคนในครอบครัวอีกด้วย

กลิ่นเหม็นในบ้านเกิดจากอะไร ?

กลิ่นเหม็นอับและกลิ่นขยะเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่แก้ไข อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ มาทำความเข้าใจกันถึงสาเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์ในบ้านเหล่านี้กัน

  • เศษอาหารและขยะ : การทิ้งเศษอาหารไว้ในถังขยะโดยไม่ปิดฝา หรือการสะสมขยะเป็นเวลานาน มักเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในครัวและบ้าน
  • ความชื้นและเชื้อรา : พื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ มุมบ้านที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หรือผนังที่โดนน้ำบ่อย ๆ เป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและกลิ่นอับ
  • สัตว์เลี้ยง : กลิ่นขนสัตว์และสิ่งสกปรกต่าง ๆ จากสัตว์เลี้ยง เช่น คราบน้ำลาย หรือเศษอาหาร อาจสะสมกลิ่นไว้ในบ้านโดยไม่รู้ตัว
  • ควันและกลิ่นจากการทำอาหาร : การทอดหรือย่างอาหารในครัว ทำให้เกิดกลิ่นน้ำมันและควันติดอยู่ในบ้านหรือเฟอร์นิเจอร์
  • เฟอร์นิเจอร์และพรม : เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ได้ทำความสะอาดบ่อยครั้ง หรือพรมที่สะสมฝุ่นและคราบสกปรก อาจเป็นแหล่งกำเนิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้

วิธีลดกลิ่นอับในบ้าน โดยการปลูกต้นไม้เพื่อฟอกอากาศ

10 วิธีดับกลิ่นเหม็นในบ้าน/ลดกลิ่นอับในห้อง ด้วยวิธีธรรมชาติ

สำหรับผู้ที่ต้องการลดกลิ่นอับหรือกลิ่นเหม็นในบ้าน ขอแนะนำ 10 วิธีดับกลิ่นห้องและพื้นที่ต่าง ๆ ในบ้านด้วยวิธีธรรมชาติที่ใช้ได้ผลและปลอดภัยต่อสุขภาพ

1. ใช้ถ่านไม้ดูดกลิ่นอับ

ถ่านไม้ธรรมชาติสามารถดูดซับกลิ่นได้ดี เพียงนำถ่านใส่ภาชนะแล้ววางไว้ในบริเวณที่มีกลิ่น เช่น ห้องครัว ตู้เย็น หรือห้องนอน ถ่านจะช่วยดูดกลิ่นเหม็นออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ

2. สมุนไพรอบแห้งกลิ่นหอม

สมุนไพรไทย เช่น ตะไคร้ ใบเตย หรือใบมะกรูด นำไปอบแห้งแล้วใส่ถุงผ้าเล็ก ๆ วางไว้ในมุมบ้าน จะช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และเพิ่มความสดชื่นให้แก่บ้าน

3. เบกกิ้งโซดาดูดกลิ่น

เบกกิ้งโซดาสามารถช่วยดูดซับกลิ่นอับได้ดี เพียงโรยเบกกิ้งโซดาไว้ในตู้เสื้อผ้า หรือภาชนะเปิดฝาในห้องครัว และปล่อยทิ้งไว้ 1-2 วัน

4. ใช้กาแฟบดกำจัดกลิ่น

เมล็ดกาแฟบดมีคุณสมบัติช่วยดูดกลิ่น เพียงนำเมล็ดกาแฟบดใส่ภาชนะเล็ก ๆ แล้ววางไว้ในห้องที่มีกลิ่นอับ เช่น ห้องน้ำ

5. ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ

ต้นไม้ไม่เพียงแต่ตกแต่งบ้าน แต่ยังช่วยลดกลิ่นเหม็นได้อีกด้วย เลือกปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ เช่น ลิ้นมังกร พลูด่าง หรือเศรษฐีเรือนใน ที่มีคุณสมบัติในการฟอกอากาศ และช่วยลดกลิ่นเหม็นในบ้านได้

6. เปิดหน้าต่างระบายอากาศ

การเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศบริสุทธิ์ไหลเวียนในบ้าน เป็นวิธีลดกลิ่นอับในห้องตามธรรมชาติที่ง่ายและปลอดภัย โดยควรเปิดหน้าต่างทิ้งไว้อย่างน้อยวันละ 15-30 นาที เพื่อช่วยลดกลิ่นต่าง ๆ และเพิ่มความสดชื่นให้แก่บ้าน

7. ทำความสะอาดห้องเป็นประจำ

การดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ช่วยป้องกันและกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ โดยเฉพาะบริเวณที่มักเกิดกลิ่นอับ เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว และใต้เตียง

8. ล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

เครื่องปรับอากาศที่ไม่ได้ทำความสะอาดบ่อยครั้งจะเป็นแหล่งสะสมของกลิ่นอับและเชื้อโรค ควรเรียกช่างมาตรวจเช็กและล้างแอร์ปีละ 2 ครั้ง หรือทุก 3-6 เดือน

9. ปิดประตูห้องน้ำหลังใช้งานทุกครั้ง

นิสัยเล็ก ๆ ที่ช่วยป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การปิดประตูห้องน้ำทุกครั้งหลังใช้งาน เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยควบคุมการแพร่กระจายของกลิ่นได้

10. อาบน้ำสัตว์เลี้ยงให้ตัวหอม

สัตว์เลี้ยงที่สะอาดคือการป้องกันกลิ่นอับที่ดีที่สุด การดูแลความสะอาดของสัตว์เลี้ยงช่วยให้บ้านหอมสดชื่นอยู่เสมอ หากมีสัตว์เลี้ยง ควรอาบน้ำและทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ เพื่อป้องกันกลิ่นจากขนและตัวสัตว์

 

การดูแลบ้านให้สะอาดและไร้กลิ่นเหม็นไม่ใช่เรื่องยาก หากเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และเลือกใช้วิธีดับกลิ่นเหม็นในบ้านแบบธรรมชาติอย่างปลอดภัย สำหรับคนที่กำลังมองหาบ้านใหม่ที่มีสิ่งแวดล้อมปลอดโปร่งและใกล้ชิดธรรมชาติ ขอแนะนำโครงการบ้านเดี่ยว COMO BOTANICA II บ้านสไตล์ Urban Botanical และ COMO BIANCA II บ้านสไตล์ Minimal Eco Living จาก อารียา พรอพเพอร์ตี้ บ้านที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของหนุ่มสาวยุคใหม่ที่เน้นการใช้ชีวิตเรียบง่าย และอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน ท่ามกลางโลเคชันซิตี้ไลฟ์สไตล์ บนทำเลบางนา ทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก ตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัว

สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

 

แหล่งอ้างอิง 

  1. อัปเดต 10 วิธีแก้ปัญหาห้องเหม็นอับ เพิ่มอากาศบริสุทธิ์และสดชื่น. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 จาก https://nocnoc.com/blog/remove-musty-smells/
awsa

5 ขั้นตอนการโอนบ้านฉบับรวบรัด เข้าใจชัดใน 5 นาที

การซื้อบ้าน เป็นการลงทุนครั้งสำคัญในชีวิต นอกเหนือจากการดำเนินการซื้อขายและออกแบบตกแต่งแล้ว ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์บ้านตามกฎหมาย ก็เป็นกระบวนการสำคัญที่คนซื้อบ้านต้องเรียนรู้และเข้าใจอย่างถ่องแท้เช่นกัน

แต่สำหรับผู้ที่เพิ่งซื้อบ้านครั้งแรก ขั้นตอนการโอนบ้านอาจดูเป็นสิ่งที่ซับซ้อน ยุ่งยาก และน่ากังวล หากอยากทำความเข้าใจกระบวนการโอนบ้านอย่างครบถ้วน ตั้งแต่การเตรียมเอกสารจนถึงการชำระค่าใช้จ่าย เพื่อให้การโอนบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นและเพิ่มความมั่นใจให้คุณได้เป็นเจ้าของบ้านใหม่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย อารียาฯสรุปทุกขั้นตอนและทุกสิ่งที่ต้องเตรียมเอาไว้ให้ครบแล้ว 

คู่สมรสรับกุญแจบ้านหลังขั้นตอนการโอนบ้านเสร็จสิ้น

ความสำคัญของการโอนบ้าน

การโอนกรรมสิทธิ์บ้าน คือการบันทึกข้อมูลอย่างเป็นทางการในระบบของสำนักงานที่ดิน โดยระบุชื่อเจ้าของใหม่ในเอกสารสิทธิ์ที่ดินหรือบ้าน ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถใช้ปกป้องสิทธิ์ของเจ้าของในกรณีเกิดข้อพิพาทหรือการอ้างสิทธิ์จากบุคคลที่สาม

กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการรับรองทางกฎหมายว่าเจ้าของใหม่ได้รับสิทธิ์ในทรัพย์สินอย่างสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจและป้องกันความเสี่ยงในอนาคตที่อาจเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางทรัพย์สินหรือหนี้สินที่ยังค้างอยู่ แม้จะเป็นการซื้อบ้านมือหนึ่งที่เพิ่งสร้างเสร็จก็ตาม

สรุป 5 ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์บ้านที่ต้องรู้

จากความสำคัญของการโอนบ้านที่เรากล่าวถึงไปข้างต้น สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของกระบวนการนี้ได้อย่างชัดเจน เพื่อให้กระบวนการโอนบ้านเป็นไปอย่างราบรื่น นี่คือ 5 ขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์บ้านที่คนมีบ้านครั้งแรกต้องรู้

1. เข้าติดต่อสำนักงานที่ดินและรับบัตรคิว

เมื่อการเจรจาซื้อขายเสร็จสิ้น ขั้นตอนการโอนบ้านขั้นตอนแรกจะเริ่มต้นจากการไปติดต่อสำนักงานที่ดิน โดยสามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เพื่อรับบัตรคิว และควรจัดเตรียมเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อช่วยลดระยะเวลาในการดำเนินการ

2. เซ็นเอกสารต่อหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายชำนาญงาน

ผู้โอน (เจ้าของเดิม) และผู้รับโอน (เจ้าของใหม่) จะต้องเซ็นเอกสารการโอนกรรมสิทธิ์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายชำนาญงาน เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนและความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย โดยต้องใช้เอกสารฉบับจริงและลายเซ็นที่ตรงกันเท่านั้น

3. ประเมินค่าทรัพย์สินและคำนวณค่าธรรมเนียม

จากนั้น เจ้าหน้าที่จะดำเนินการประเมินราคาทรัพย์สินโดยอิงจากราคาประเมินของกรมที่ดิน เพื่อนำมาคำนวณเป็นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่ต้องชำระให้แก่สำนักงานที่ดิน ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายควรเตรียมเงินสำหรับค่าธรรมเนียมให้พร้อม

4. ชำระค่าธรรมเนียมและรับใบเสร็จ

เมื่อคำนวณค่าธรรมเนียมเสร็จเรียบร้อย ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถไปดำเนินการชำระเงินได้ที่เคาน์เตอร์ฝ่ายการเงิน หลังจากชำระเงินเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะออกใบเสร็จให้ 2 ใบ ได้แก่

  • ใบเสร็จสีฟ้า : สำหรับผู้รับโอนไว้เป็นหลักฐาน
  • ใบเสร็จสีเหลือง : ต้องคืนให้เจ้าหน้าที่หลังขั้นตอนการโอนกรรมสิทธิ์บ้านเสร็จสิ้น

5. ตรวจสอบเอกสารและสลักหลังโฉนด

หลังกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จะพิมพ์ข้อความการโอนกรรมสิทธิ์สลักหลังโฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ์ที่เกี่ยวข้อง แล้วส่งมอบเอกสารให้ผู้รับโอนตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง เช่น ชื่อ-สกุล เลขที่โฉนด และรายละเอียดอื่น ๆ หากถูกต้อง เจ้าหน้าที่จะมอบโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ที่เป็นของผู้รับโอน ถือเป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ผู้หญิงกำลังเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ในขั้นตอนการโอนบ้าน

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการบ้านโอนบ้าน

ในขั้นตอนการโอนบ้านนั้น เจ้าของบ้านคนใหม่และผู้ขายต้องเตรียมเอกสารสำคัญหลายอย่าง หากไม่อยากไปสำนักงานที่ดินเสียเที่ยวเพราะเอกสารไม่ครบ อย่าลืมเช็กเอกสารตามรายการเหล่านี้

  • เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ เช่น โฉนดที่ดินฉบับจริง
  • บัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้าน ทั้งตัวจริงและสำเนา อย่างละ 1 ชุด
  • กรณีมีคู่สมรส ต้องมีสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส และหนังสือยินยอมของคู่สมรสด้วย
  • เอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หนังสือสัญญาซื้อขายจากโครงการ
  • กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์แทน ต้องมีเอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติม ดังนี้
    • หนังสือมอบอำนาจ (ทด.21)
    • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ

ค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียม

สำหรับค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมในขั้นตอนการโอนบ้าน มีทั้งหมด 4 รายการด้วยกัน ได้แก่

  • ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมิน แบ่งจ่ายคนละ 1% ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย
  • ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ของราคาซื้อขาย
  • ค่าอากรแสตมป์ 0.5% ของราคาซื้อขาย
  • กรณีกู้สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านจากธนาคาร จะมีค่าจดจำนอง 1% ของยอดเงินกู้ทั้งหมดด้วย

ทั้งนี้ ใครจะเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่ายตามรายการข้างต้น ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย เพื่อหลีกเลี่ยงข้อพิพาท จึงควรเจรจากันให้เรียบร้อยก่อนไปดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน

มองหาโครงการบ้านเดี่ยวน่าอยู่ อารียา พรอพเพอร์ตี้มีให้เลือกทุกทำเล

หากกำลังมองหาบ้านเดี่ยวในทำเลศักยภาพที่สะดวกต่อการเดินทาง สามารถเลือกชมโครงการบ้านเดี่ยวบนหลากหลายทำเลจากอารียา พรอพเพอร์ตี้ได้ที่เว็บไซต์ โดยรวมโครงการบ้านเดี่ยวในนนทบุรี กรุงเทพมหานคร และจังหวัดอื่น ๆ ในเขตปริมณฑลเอาไว้อย่างครบถ้วน พร้อมตัวเลือกบ้านหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบรับทุกความต้องการด้านการอยู่อาศัยของทุกคนในครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

  

แหล่งอ้างอิง

  1. อัปเดตวิธีการคำนวณค่าโอนบ้าน 2567 ต้องจ่ายเท่าไหร่. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/loan/mortgages/calculating-house-transfer-fees
  2. ขั้นตอนโอนกรรมสิทธิ์บ้าน-คอนโด. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.home.co.th/hometips/recommend-the-process-of-transferring-ownership-of-houses-and-condos-16094 
awsa

8 ต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน นวัตกรรมธรรมชาติเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

ในยุคที่มลพิษเป็นปัญหาใหญ่ การมีต้นไม้ฟอกอากาศภายในบ้าน ไม่เพียงเพิ่มสีสันและความสวยงาม แต่ยังเป็นทางเลือกในการสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดบริสุทธิ์ เพื่อสุขภาพที่ดีอีกด้วย

ต้นไม้ฟอกอากาศ ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับตัวบ้าน

ประโยชน์ของต้นไม้ฟอกอากาศ

ต้นไม้มีกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง ซึ่งช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจนออกมา นอกจากนี้ ต้นไม้บางชนิดยังมีคุณสมบัติในการดักฝุ่นและกรองสารพิษต่าง ๆ ที่อาจปนเปื้อนอยู่ในอากาศ เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ เบนซีน ไตรคลอโรเอทิลีน ซึ่งเป็นสารที่มักพบได้ในเฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สีทาบ้าน และวัสดุก่อสร้าง ดังนั้น การมีต้นไม้ฟอกอากาศในบ้านจึงช่วยลดมลพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้หายใจสะดวกและมีสุขภาพที่ดีขึ้น ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการแพ้และลดความเสี่ยงของโรคภูมิแพ้ได้อีกด้วย 

ไขคำตอบ ! การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอน ควรหรือไม่ควรกันแน่ ?

หลายคนอาจเคยได้ยินคำเตือนว่า ไม่ควรปลูกต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอน เพราะต้นไม้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเวลากลางคืน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่กำลังนอนหลับ แต่ความจริงแล้วความเชื่อนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิด เพราะปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้นไม้ปล่อยออกมาในเวลากลางคืนนั้นมีน้อยมาก มนุษย์และสัตว์เลี้ยงยังสามารถปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณที่มากกว่าต้นไม้หลายเท่า

ในทางตรงกันข้าม ต้นไม้หลายชนิดกลับช่วยฟอกอากาศและเพิ่มความชื้นให้ห้องนอนได้เป็นอย่างดี การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอนจึงปลอดภัยและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เพียงแต่ต้องเลือกชนิดของต้นไม้ให้เหมาะสม โดยควรเป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องการแสงแดดมากนัก และไม่มีกลิ่นหอมแรงเกินไป เพื่อสร้างบรรยากาศที่สงบ ผ่อนคลาย รวมถึงป้องกันอาการแพ้ 

แนะนำ 8 ต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน ลดมลพิษ เพิ่มชีวิตชีวา

ต้นพลูด่าง ต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน

1. พลูด่าง (Golden Pothos)

เป็นต้นไม้อันดับต้น ๆ ที่นิยมปลูกในบ้าน เนื่องจากสามารถทนต่อสภาพแสงน้อยได้ ดูแลง่าย และมีประสิทธิภาพในการกำจัดสารพิษสูง เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์ที่สามารถพบได้ทั่วไปในบริเวณบ้าน

2. ลิ้นมังกร (Snake Plant)

อีกหนึ่งต้นไม้ฟอกอากาศขึ้นชื่อที่หลายบ้านนิยมปลูกเพื่อเอาไว้กำจัดสารพิษต่าง ๆ โดยจุดเด่นของต้นไม้ชนิดนี้ คือ สามารถปล่อยออกซิเจนในเวลากลางคืน ทำให้เหมาะสำหรับการเป็นต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอน ทั้งยังทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่แห้งและขาดน้ำได้เป็นอย่างดี

3. ปาล์มใบไผ่ (Bamboo Palm)

หากใครกำลังมองหาต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน หนึ่งในต้นที่แนะนำมาก ๆ ก็คือ ปาล์มใบไผ่ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกรองสารพิษสูง โดยเฉพาะฟอร์มาลดีไฮด์ที่มักพบในเฟอร์นิเจอร์และวัสดุตกแต่งบ้าน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ

4. ยางอินเดีย (Rubber Tree)

ต้นไม้ที่มีใบขนาดใหญ่และสวยงาม เติบโตได้ดีในที่ร่ม สามารถดูดซับสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะฟอร์มาลดีไฮด์และแอมโมเนีย ส่วนการดูแลก็ไม่ยุ่งยากเลย เพียงรดน้ำพอหมาดและวางไว้ในที่ที่มีแสงแดดอ่อน ๆ ก็พอ

ต้นเดหลี ต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอน

5. เดหลี (Peach Lily)

ถ้าจะพูดถึงต้นไม้ฟอกอากาศในบ้านที่ทั้งรูปลักษณ์สวยงาม และมีประสิทธิภาพในการกรองอากาศสูง ก็คงจะไม่พูดถึงต้นเดหลีไม่ได้ เพราะต้นไม้ชนิดนี้สามารถกำจัดสารพิษได้หลายชนิด รวมถึงเบนซีน ไตรคลอโรเอทธิลีน และแอมโมเนีย โดยลักษณะที่โดดเด่นของต้นเดหลี คือ เราสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ว่าเมื่อไรที่ต้นไม้ต้องการน้ำ ดูจากลักษณะใบที่ห้อยลง

6. เฟิร์นบอสตัน (Boston Fern)

อีกหนึ่งต้นไม้ฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพในการกรองสารพิษได้ดี โดยเฉพาะฟอร์มาลดีไฮด์และไซลีน นอกจากนี้ เฟิร์นบอสตันยังสามารถช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ ใครที่มีปัญหาภูมิแพ้ หอบหืด หรือมีความเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ แนะนำให้ปลูกต้นนี้ไว้ในบ้านหรือห้องนอนเลย

7. เศรษฐีเรือนใน (Spider Plant)

นอกจากชื่อที่เป็นมงคลจนทำให้ได้รับความนิยมจากหลาย ๆ บ้านแล้ว เศรษฐีเรือนในยังเป็นต้นไม้ที่ดูแลง่ายและมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศอีกด้วย โดยสามารถกำจัดสารพิษต่าง ๆ เช่น ฟอร์มาลดีไฮด์และคาร์บอนมอนอกไซด์ ให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านทุกคนหายใจสะดวกยิ่งขึ้น

8. ตีนตุ๊กแกฝรั่ง (English Ivy)

หากอยากได้ไม้เลื้อยที่มีประสิทธิภาพในการกรองสารพิษ ตีนตุ๊กแกฝรั่งหรือต้นไอวี ถือว่าตอบโจทย์สุด ๆ เนื่องจากสามารถกำจัดเบนซีนและไตรคลอโรเอทธิลีนได้ดี ซึ่งจะช่วยลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้และเชื้อราภายในบ้านได้

หากใครกำลังมองหาบ้านที่ผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว อารียา พรอพเพอร์ตี้ ขอแนะนำ บ้านโครงการ COMO BOTANICA II: Urban Botanical และ COMO BIANCA II: Minimal Eco Living โครงการบ้านเดี่ยว กรุงเทพ ที่ออกแบบมาให้เข้ากับการจัดสวนในบ้าน พร้อมพื้นที่สีเขียวที่ช่วยสร้างสมดุลให้การอยู่อาศัย เผยไลฟ์สไตล์ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ คำตอบสุดท้ายสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

 

แหล่งอ้างอิง

  1. 8 ต้นไม้ฟอกอากาศ แต่งห้องสวยแถมช่วยกรองฝุ่น. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.technologychaoban.com/bullet-news-today/article_241634.
  2. 8 ต้นไม้ฟอกอากาศให้สดชื่น…ปลูกง่ายไว้ในบ้าน. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 จาก https://www.sirichareun.co.th/content/7623/8-ต้นไม้ฟอกอากาศให้สดชื่นปลูกง่ายไว้ในบ้าน
awsa

ขั้นตอนการไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ เสริมสิริมงคลให้ทั้งครอบครัว

การไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่เป็นพิธีหนึ่งที่ชาวไทยยึดถือและปฏิบัติตาม

การไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ เป็นหนึ่งในความเชื่อที่มีมานานของคนไทย โดยเชื่อว่าจะช่วยปกปักคุ้มครองผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้าน ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป แต่หลายคนก็อาจจะยังมีคำถามว่าการไหว้พระภูมิเจ้าที่ที่ถูกต้องมีขั้นตอนอย่างไร และมีอะไรที่จะต้องรู้บ้าง 

การไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ในไทย ทำไมถึงสำคัญ ?

คนไทยแต่โบราณมีความเชื่อว่าทุกพื้นที่และทุกตารางของแผ่นดินมีเทพารักษ์คอยดูแลรักษา ดังนั้น เพื่อเสริมพลังให้เทพยดาฟ้าดินและเสริมมงคลให้แก่ผู้ที่อยู่อาศัย การไหว้พระภูมิเจ้าที่จึงเป็นแนวทางหนึ่งของการสักการบูชา ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการตั้งทั้งศาลพระภูมิและศาลตาศาลยายไว้ในบริเวณบ้านด้วยกัน

ศาลพระภูมิ

สำหรับศาลพระภูมิ คนไทยสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สักการะของเทวดาและเทพที่คอยคุ้มครองบ้านเรือน ลักษณะเด่นที่สำคัญคือ จะมีเสาเพียงต้นเดียว และตั้งในจุดที่อยู่สูงกว่าศาลอื่น ๆ ภายในบ้าน คอยคุ้มครองให้สมาชิกในบ้านมีแต่ความสงบสุข ปลอดภัย และเจริญรุ่งเรือง  

ศาลเจ้าที่หรือศาลตาศาลยาย

ศาลเจ้าที่ หรือบางแห่งเรียก ศาลตาศาลยาย เป็นศาลที่สร้างขึ้นเพื่อกราบไหว้ดวงวิญญาณของผู้ที่เคยอาศัยในพื้นที่แห่งนี้มาก่อน หรือเป็นเจ้าของพื้นที่นี้ในอดีตและมีความผูกพัน มีลักษณะเป็นเสาสี่ต้น ตั้งอยู่ต่ำกว่าศาลพระภูมิเล็กน้อย คอยปกปักดูแลคนในบ้านเช่นเดียวกัน 

ของสำหรับไหว้ศาลพระภูมิและเจ้าที่ เน้นความเป็นสิริมงคล

การเตรียมของสำหรับไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่

สำหรับการเตรียมของไหว้พระภูมิเจ้าที่ แนะนำให้เตรียมของให้ครบถ้วน เพื่อแสดงความเคารพอย่างเหมาะสม แต่หากว่าไม่ใช่การไหว้ครั้งใหญ่ ก็สามารถอะลุ่มอล่วยได้เช่นเดียวกัน สำหรับคำถามยอดนิยมที่ว่าการไหว้เจ้าที่ใช้ธูปกี่ดอก คำตอบคือควรจะจัดเตรียมและใช้ให้ถูกต้องตามจำนวนที่กำหนด ดังนี้

ของในการไหว้ศาลพระภูมิ

  • ธูป จำนวนทั้งหมด 9 ดอกต่อคน 
  • ของสักการะหรือของไหว้
    • ดอกไม้หรือพวงมาลัย 
    • ผลไม้มงคล เช่น ส้ม สับปะรด แก้วมังกร องุ่นแดง แอปเปิล ทับทิม สาลี่ กล้วย ลูกพลับ ลิ้นจี่ 
    • อาหารคาว เช่น หัวหมู เป็ด ปลาที่มีหัวและหาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณและความสะดวก แต่ต้องเป็นอาหารที่ทำความสะอาดและปรุงสุก ไม่ควรเป็นอาหารดิบหรือไม่ผ่านการประกอบอาหาร
    • ของหวาน เช่น อาหารตระกูลทอง ไม่ว่าจะเป็นทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมถ้วยฟู ขนมชั้น 
    • เครื่องดื่ม เช่น น้ำเปล่า น้ำชา น้ำผลไม้ น้ำสมุนไพร 

ของในการไหว้ศาลเจ้าที่ หรือศาลตาศาลยาย

  • ธูป จำนวนทั้งหมด 5 ดอกต่อคน 
  • ของสักการะหรือของไหว้
    • ดอกไม้หรือพวงมาลัย 
    • ผลไม้มงคล เช่น ส้ม กล้วย และผลไม้พร้อมทานอื่น ๆ 
    • อาหารคาว แนะนำให้เป็นอาหารที่ปรุงพร้อมรับประทาน อย่างแกงส้ม ต้มยำ แกงเผ็ด โดยต้องถวายพร้อมข้าวสวย 
    • ของหวาน เน้นขนมไทย อย่างทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง 
    • เครื่องดื่ม เช่น น้ำเปล่า น้ำผลไม้ 
    • หมากพลู บุหรี่ หรือยาเส้นต่าง ๆ 

ขั้นตอนในการไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่

  หลังจากเตรียมของในการไหว้แล้ว ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญ นั่นก็คือ การไหว้พระภูมิเจ้าที่ ผู้ไหว้จะต้องมีความมุ่งมั่นและตั้งจิตอย่างแน่วแน่ เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เห็นถึงความตั้งมั่น โดยมีขั้นตอนสำคัญดังต่อไปนี้ 

1. ตั้งจิตให้บริสุทธิ์

ก่อนเริ่มพิธีให้ทำความสะอาดพื้นที่บริเวณศาลพระภูมิเจ้าที่ให้เรียบร้อย เพื่อแสดงถึงความเคารพและตั้งใจจริง 

2. จุดธูปเทียนบูชา

  หลังจากจัดเตรียมสถานที่ และจัดของไหว้บนโต๊ะอย่างเหมาะสมแล้ว ให้จุดธูปเทียนบูชา โดยให้จุดเทียนก่อน จากนั้นค่อยจุดธูปตามจำนวน  

3. สวดคาถาบูชาพระภูมิเจ้าที่

  • คาถาบูชาพระภูมิ 

ตั้งนะโม 3 จบ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

บทสวดไหว้ศาลพระภูมิ 3 จบ 

ภูมมัสมิง ทิสาภาเค สันติภูมมา มหิทธิกา เตปิตุมเห อนุรักขันตุ อาโรคเยนะ สุเขนะจะ 

ขอให้พระภูมิเทวดาผู้ที่รักษาและดูแลพื้นที่นี้อยู่ ได้รับของไหว้รวมถึงเครื่องสักการะนี้ และโปรดดลบันดาลให้ข้าพเจ้าและครอบครัวมีแต่ความสงบสุข มั่งมี แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง 

  • คาถาบูชาเจ้าที่ 

ตั้งนะโม 3 จบ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

บทสวดไหว้เจ้าที่ 3 จบ 

อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง 

ขอให้เจ้าที่เจ้าทางที่สถิตอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ มารับเครื่องสักการะที่ข้าพเจ้านำมาถวาย และโปรดช่วยปกปักคุ้มครองข้าพเจ้าและครอบครัวให้มีแต่ความสุขความเจริญ ปราศจากภัยต่าง ๆ ทั้งปวง 

4. อธิษฐานขอพร

  เมื่อจบบทสวดแล้ว ผู้ไหว้สามารถอธิษฐานขอพรเพิ่มเติมได้ 

5. ลาของไหว้

เมื่อรอจนธูปที่ไหว้หมดดอกแล้ว ให้ลาของไหว้ และสามารถนำของไหว้บางส่วนกลับไปได้ เพื่อความเป็นสิริมงคล 

  • คาถาลาของไหว้

ตั้งนะโม 3 จบ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

บทสวดลาของไหว้

เสสังมังคลัง ยาจามิ 

ลูกขอของไหว้ส่วนที่เป็นมงคล เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ สร้างความสุขความเจริญให้แก่ครอบครัวด้วยเทอญ 

ไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่วันเวลาไหนดี

อีกคำถามที่หลายคนสงสัยว่าจะไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่วันเวลาไหนดีที่เหมาะสม ช่วยเสริมดวงและเป็นสิริมงคล ขอแนะนำเป็นวันเกิด วันพระ วันอังคาร และวันเสาร์ เวลา 09.00-12.00 น. หรืออาจจะดูวันที่ฟ้าเปิดก็ได้เช่นเดียวกัน 

สร้างบ้านให้อยู่เย็นและเป็นสุขกับชีวิตที่กำหนดเอง

คนไทยเชื่อกันว่าการไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่จะส่งเสริมความเป็นสิริมงคลให้บ้าน ช่วยปกป้องดูแลให้คนในบ้านอยู่เย็นเป็นสุข และสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างบ้านให้มีฟังก์ชันตามต้องการขอแนะนำบ้านหรูสั่งสร้างจาก อารียา พรอพเพอร์ตี้ ราคาเริ่มต้น 18.9 ล้านบาท* มีแบบบ้านให้เลือก สามารถปรับฟังก์ชันการใช้งานได้ตามต้องการ เพื่อให้ได้บ้านที่ร่มเย็น อยู่สบาย สำหรับทุกคนในครอบครัว

สำหรับผู้ที่สนใจบ้านสั่งสร้าง อารียาฯ มี 3 ทำเลใจกลางเมืองให้เลือก ได้แก่ สุขุมวิท 77, เอกมัย-รามอินทรา และเกษตร-นวมินทร์  สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1797 หรือ LINE: @areeyahome

 *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด 

 

แหล่งอ้างอิง

  1. พิธีไหว้ศาลพระพรหม พร้อมคาถาบูชาและของไหว้. สืบค้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 จาก https://sawsamsaicatering.com/ทำบุญ-ไหว้ศาลพระภูมิ/
  2. ไหว้ศาลตายาย อย่างไร ให้ถูกต้องตามหลักความเชื่อของคนไทย.  สืบค้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 จาก https://xn--o3cngegcmx9eq2a2d7h.com/บทความ/ไหว้ศาลตายาย-อย่างไร-ให้ถูกต้องตามหลักความเชื่อของคนไทย/
awsa

ใกล้สิ้นปีแล้ว มาแต่งบ้านปีใหม่ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมกันเถอะ

แต่งบ้านปีใหม่ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

การแต่งบ้านต้อนรับปีใหม่ยุคนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ของตกแต่งที่เยอะเกินไป แต่ควรเลือกใช้สิ่งที่ทำให้บ้านดูอบอุ่น มีชีวิตชีวา และสะท้อนความสุขในปีใหม่ที่จะมาถึง แต่งบ้านให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ในปี 2568 ที่กำลังจะมาถึงด้วยการแต่งบ้านปีใหม่อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เน้นความสวยงามน่าอยู่อย่างยั่งยืน แต่ไม่สร้างขยะ ด้วยการใช้ของตกแต่งที่มีความหมาย และการจัดพื้นที่เพื่อการเฉลิมฉลอง จะทำให้บ้านดูน่าอยู่และเต็มไปด้วยความสุข ไม่ใช่แค่เฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่มีความสุขอย่างยั่งยืนตลอดปี และตลอดไป

1. แต่งบ้านปีใหม่ โดยใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ให้บรรยากาศเป็นธรรมชาติ

แต่งบ้านปีใหม่ ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ให้บรรยากาศเป็นธรรมชาติ

แต่งบ้านปีใหม่ปีนี้ ให้ได้บรรยากาศบ้านแบบ Sustainable Design เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ให้เน้นที่ให้บรรยากาศเป็นธรรมชาติ เช่น เฟอร์นิเจอร์ลายไม้ หวาย ไปจนถึงวัสดุรีไซเคิล หรือเลือกใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่สุด

2. แต่งบ้านปีใหม่ เลือกใช้พรมหรือผ้าปูจากวัสดุธรรมชาติ

แต่งบ้านปีใหม่ เลือกใช้พรมหรือผ้าปูจากวัสดุธรรมชาติ

แต่งบ้านปีใหม่แบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ตกแต่งบ้านด้วยพรมหรือผ้าปูสีโทนเย็น อย่างสีครีม สีน้ำตาลอ่อน สีเขียวอ่อน เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มบรรยากาศสบาย ๆ ในบ้านแล้ว พรมหรือผ้าปูที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ขนสัตว์ ฝ้ายออร์แกนิก หรือใยมะพร้าว เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ให้ความรู้สึกนุ่มสบาย ทนทาน และดูแลรักษาง่าย ลดการใช้พลาสติก และสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ สวยงาม มีสไตล์ แถมยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

หรือเปลี่ยนชุดผ้าปูที่นอน และปลอกหมอนใหม่ให้เหมาะสมกับบรรยากาศปีใหม่ โดยเลือกใช้ผ้าคลุมเตียงที่มีลวดลายหรือสีสันที่สดใส เพื่อให้ห้องนอนดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

3. แต่งบ้านปีใหม่ด้วยต้นพอยน์เซตเทีย (Poinsettia) แทนต้นไม้ปลอม

แต่งบ้านปีใหม่ด้วยต้นไม้ ดอกไม้สด

ต้นไม้หรือดอกไม้สดเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้กับบ้าน โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ที่หลายคนมักนำต้นคริสต์มาสหรือต้นสนมาประดับบ้าน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ดอกไม้ประจำฤดูกาล เช่น ดอกทิวลิป ดอกมะลิ หรือแม้กระทั่งกิ่งกุหลาบสีสันสดใสมาใช้ในการตกแต่งแทนการใช้ต้นไม้พลาสติกหรือต้นไม้ปลอม เพราะต้นไม้และดอกไม้จริงสามารถย่อยสลายได้ ไม่สร้างขยะ

อีกทางเลือก แต่งบ้านปีใหม่ด้วยต้นพอยน์เซตเทีย (Poinsettia) แทนการใช้ต้นต้นคริสต์มาสปลอม เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ความสูงไม่เกิน 3 เมตร ลักษณะเด่นคือ มีทั้งใบสีแดงและสีเขียวในต้นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีช่อดอกสีเหลือง แถมยังมีประโยชน์มากมาย ทั้งใช้ในการตกแต่งบ้าน จัดสวน และมีฤทธิ์ทางยาบำรุงสุขภาพอีกด้วย
                              
ใกล้สิ้นปีแล้ว มาแต่งบ้านปีใหม่ง่าย ๆ แถมรักษ์โลกกันดีกว่า การตกแต่งบ้านปีใหม่ไม่จำเป็นต้องมีของเยอะ ซับซ้อน หรือมีค่าใช้จ่ายสูง เพียงแค่เลือกใช้วัสดุที่หาได้จากรอบตัว เลือกสีสันที่เหมาะสมเข้ากัน ก็สามารถช่วยเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านได้แล้ว แถมยังทำให้ปีใหม่นี้เต็มไปด้วยความสุข ความสนุกแน่นอน ลองนำไอเดียแต่งบ้านปีใหม่เหล่านี้ไปปรับใช้กันดู รับรองว่าได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากทุกคนในครอบครัวชัวร์!

สนใจโครงการบ้านและทาวน์โฮมคุณภาพ แนะนำ โครงการบ้านทำเลดี โดดเด่นด้วยสไตล์ของแต่ละโครงการที่แตกต่าง พร้อมฟังก์ชันการอยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เข้าไปชมโครงการกันได้เลย คลิก  www.areeya.co.th บ้านที่พร้อมรองรับความสุขในทุกเทศกาลและทุกช่วงเวลา

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :
https://nocnoc.com/blog/what-is-sustainable-design/?srsltid=AfmBOoptvFS27v4KZMz6cxxsKU4qV3YcqedHmVVtIfGn2F4bmGQDdoPr
https://home.kapook.com/view262513.html

awsa