ตรวจรับบ้าน ตรวจรับคอนโด ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ

ตรวจรับบ้าน ตรวจรับคอนโด ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ

ความสำคัญของการตรวจรับบ้าน ตรวจรับคอนโดก่อนโอนกรรมสิทธิ์ เป็นเรื่องที่คนซื้อบ้าน ซื้อคอนโดต้องคำนึงถึง เนื่องจากถ้าหากบ้านหรือคอนโดของเรามีจุดตำหนิ ร่องรอยความชำรุดเสียหายต่าง ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนของภายในบ้าน หรือภายนอกบ้าน จะได้ทำการแจ้งกับทางโครงการเพื่อให้ดำเนินการแก้ไขให้เรียบร้อยก่อน และเมื่อได้รับการแก้ไขจากทางโครงการเรียบร้อยแล้ว เราถึงค่อยลงชื่อเซ็นรับบ้านหรือคอนโด เพื่อเป็นการรักษาสิทธิ์ของเราในฐานะเจ้าของบ้าน การเตรียมตัวตรวจรับบ้าน ตรวจรับคอนโด ด้วยตัวเองนั้น มีอุปกรณ์ง่าย ๆ ที่ต้องเตรียม ได้แก่

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการตรวจรับบ้าน คอนโดด้วยตัวเอง

  1. ดินสอ ปากกา และสมุดโน้ต เพื่อใช้จดรายละเอียดของจุดที่ต้องการแก้ไข
  2. กระดาษ Post-it หรือเทปกาวชนิดลอกง่าย เพื่อใช้มาร์กจุดที่ต้องให้โครงการแก้ไขข้อบกพร่อง
  3. ไฟฉาย เพื่อใช้ส่องเช็กสี และความเรียบของพื้นผิวต่าง ๆ เช่น ผนัง กระเบื้อง ระดับฝ้าเพดาน ฯลฯ
  4. ตลับเมตร ใช้วัดพื้นที่ว่าตรงตามแบบบ้านที่แจ้งไว้หรือไม่
  5. ดินน้ำมัน ใช้สำหรับปิดรูระบายน้ำ เพื่อทำการเช็กการรั่วซึมของน้ำในห้องน้ำ
  6. สายยาง นำมาใช้เพื่อทดสอบการรั่วซึมของขอบยางประตู หน้าต่าง และการระบายน้ำ
  7. ไขควง เหรียญ หรือค้อนหัวยาง นำมาใช้เคาะกระเบื้องเพื่อเช็กความแน่นของปูนกาวใต้กระเบื้อง 
  8. กระจกบานเล็ก ใช้ส่องเช็กความเรียบร้อยของขอบบานประตูด้านบน ซึ่งเป็นจุดอับสายตา
  9. บันได ใช้สำหรับปีนขึ้นไปตรวจเช็กเหนือฝ้าเพดาน
  10. เครื่องตรวจสอบเบรกเกอร์ตัดไฟรั่วไหล ใช้เช็กความผิดปกติของเต้ารับ (วิธีนี้ควรมีผู้เชี่ยวชาญทดสอบ เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้)

จ้างบริษัทมาตรวจบ้าน ตรวจคอนโดดีหรือไม่?

จ้างบริษัทมาตรวจบ้าน ตรวจคอนโดดีหรือไม่?

หากไม่เชี่ยวชาญในการตรวจบ้านเอง  ก็สามารถจ้างคนมาช่วยตรวจได้ โดยการจ้างคนมาตรวจ มักจะมีประสบการณ์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการตรวจรับบ้าน และคอนโด เช่น อุปกรณ์เช็กไฟฟ้า, พื้น, ไฟฉายเช็กอาการบวมหรือความไม่เรียบ, บันไดสำหรับปีนไปเช็กในมุมแปลก ๆ ซึ่งจะช่วยผ่อนแรงได้ อัตราค่าจ้างมักจะอยู่ที่ประมาณ 1,000-7,000+ บาท ขึ้นอยู่กับขนาดบ้าน หรือขนาดห้องของคอนโด

แต่หากมาเป็นสมาชิก Areeya Family ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาต่าง ๆ ภายในบ้านแม้เวลาจะซื้อบ้านมานานแล้วก็ตาม เพราะอารียามีบริการ ‘AREEYA HOME HEALTH CHECK ON TOUR’  โปรแกรมตรวจเช็กบ้านฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย 27 รายการ* บริการพิเศษสำหรับลูกบ้าน Areeya Family ทุกหลัง รับบริการได้ทั้งบ้านที่อยู่ในระยะเวลา และนอกระยะเวลารับประกัน ยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยให้ได้อยู่ในบ้านที่มีมาตรฐาน และมีความปลอดภัยสูงสุด

สนใจบ้าน ทาวน์โฮม หรือคอนโด บนหลากหลายทำเลศักยภาพ จากอารียา คลิก

ขอบคุณจากข้อมูลจาก

https://www.ofm.co.th/blog/how-to-ตรวจรับคอนโด/

https://blog.ghbank.co.th/what-to-do-about-home-inspection/

https://areeya.co.th/en/news-events/home-health-check-on-tour/

ซื้อบ้านทิศไหนดี อยู่แล้วปัง ตามหลักฮวงจุ้ย

ซื้อบ้านทิศไหนดี อยู่แล้วปัง ตามหลักฮวงจุ้ย

เมื่อเรากำลังมองหาบ้านที่ใช่ หลายคนมักมีคำถามว่า ควรซื้อบ้านทิศไหนดี? การเลือกทิศบ้านมีหลายปัจจัยที่เราอาจต้องพิจารณาประกอบกัน เช่น ตำแหน่งที่ตั้ง, ความต้องการของครอบครัว, ราคาที่สามารถรับได้ และความเหมาะสมกับรูปแบบการดำรงชีวิตของเราเอง เมื่อพิจารณาแต่ละปัจจัยนี้ก็จะสามารถตัดสินใจเลือกทิศบ้านที่เหมาะสมกับคุณและครอบครัวของคุณได้แน่นอน เพื่อการตัดสินใจที่ง่ายขึ้น เรามาทำความรู้จักกับฮวงจุ้ยและทิศทางของบ้านที่ดีกันก่อน!

ชวนทำความรู้จักทิศบ้าน ก่อนเลือกทิศที่ถูกต้อง!

ชวนทำความรู้จัก! ทิศทางของบ้าน

ทิศของบ้านจะขึ้นอยู่กับที่ตั้งของพื้นที่และการวางแผนของแต่ละโครงการนั่นเอง แต่ทิศบ้านส่วนใหญ่มักจะจัดตำแหน่งที่ตั้ง โดยใช้แนวทางดังนี้ 

ทิศเหนือ

เป็นทิศที่บ้านจะหันหน้าไปทางเหนือ เป็นทิศที่ดีมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และเป็นทิศที่โดนแสงอาทิตย์น้อย

ทิศใต้

เป็นทิศที่บ้านจะหันหน้าไปทางใต้ เป็นทิศที่จะได้รับลมธรรมชาติในช่วงหน้าร้อนและหน้าฝน เย็นสบายตลอดทั้งปี

ทิศตะวันตก

เป็นทิศที่บ้านจะหันหน้าไปทางตะวันตก ทำให้ตัวบ้านจะไม่เจอแสงอาทิตย์ในช่วงเช้า แต่แสงอาทิตย์จะส่องเข้ามาในช่วงบ่ายยาวไปจนถึงช่วงเย็น

ทิศตะวันออก

เป็นทิศที่บ้านจะหันหน้าไปทางตะวันออก ทำให้ตัวบ้านจะได้รับแสงอาทิตย์ในช่วงเช้าทุกวัน แต่ช่วงหลังเที่ยงเป็นต้นไปบ้านจะเย็นสบาย และทิศนี้ยังเป็นทิศสะสมของพลังงานธาตุไม้อีกด้วย

เลือกทิศบ้านทางไหนดี ตามหลักฮวงจุ้ย!

เลือกทิศบ้านทางไหนดี ตามหลักฮวงจุ้ย!

หากตอนนี้ยังไม่มั่นใจกับการเลือกทำเล และการหันทิศบ้าน ยังลังเลอยู่ว่าจะซื้อบ้านทิศไหนดี? อารียาฯ ขอแนะนำข้อดีของทิศทางบ้านแต่ละทิศ เพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุด ให้ผู้อาศัยอยู่แล้วเฮง ปัง มีแต่ความสุข และเป็นสิริมงคลกับทุกคนในบ้าน มาดูกันว่าควรเลือกบ้านทิศไหนให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัย อยู่แล้วสบายกาย สบายใจในระยะยาว

บ้านหันหน้าทางทิศเหนือ

ทิศเหนือเป็นทิศที่ได้รับลมมากที่สุด และโดนแสงแดดน้อยที่สุด การเลือกตำแหน่งของบ้านตามหลักฮวงจุ้ยของชาวจีน มักจะใช้การหันของบ้านตามทิศเหนือเป็นหลัก โดยมักเชื่อว่าการวางตำแหน่งของบ้านให้ตรงกับทิศเหนือจะช่วยเรื่องดึงดูดทรัพย์ โชคลาภ และความเจริญรุ่งเรืองให้เข้ามาสัมผัสกับชีวิตคนในบ้าน นอกจากนั้นยังเชื่อกันว่า หากบ้านหันหน้าทิศเหนือ จะช่วยส่งเสริมเรื่องอำนาจหน้าที่ ทำให้ให้คนในบ้านมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีขึ้น เหนือกว่าคนอื่นในทุก ๆ ด้าน

บ้านหันหน้าทางทิศใต้

ทิศใต้ถือเป็นอีกทิศยอดนิยม เป็นทิศที่จะได้รับลมธรรมชาติทั้งในช่วงหน้าร้อน และหน้าฝนยาวนานประมาณ 7-8 เดือนต่อปี และมีแสงแดดรำไรเข้าบ้านในช่วงบ่าย ข้อดีก็คือบ้านจะเย็นสบาย ถึงแม้จะมีแดดเข้ายามบ่าย แต่เป็นแสงแดดรำไร หากเปิดหน้าต่างก็สามารถระบายความร้อนได้ และกลับมาเย็นสบายเหมือนเดิมได้เร็ว ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบรับลมธรรมชาติ นอกจากนั้นตามศาสตร์หลักฮวงจุ้ยบ้านก็ยังมีความสอดคล้องกัน โดยเชื่อว่าส่วนใหญ่แสงแดดจะอ้อมไปทางทิศใต้ และได้รับลมธรรมชาติแบบเต็มที่นั่นเอง จึงมีความเชื่อว่าหน้าบ้านที่หันหน้าไปทางทิศใต้เป็นทิศที่หันไปรับทรัพย์ เงินทอง และความมั่งคั่งตลอดทั้งปี

บ้านหันหน้าทางทิศตะวันออก

ทิศตะวันออกเป็นทิศที่จะพบกันแสงแดดของพระอาทิตย์ในตอนเช้า เป็นช่วงเดียวกับการที่ต้นไม้เริ่มผลิใบ เพื่อรับแสงแดด การหันหน้าบ้านไปทางทิศตะวันออกตามหลักฮวงจุ้ยของชาวจีน มักจะถือว่าเป็นทิศที่นำพาแต่สิ่งที่ดี เพราะถือว่าเป็นการต้อนรับแสงแดดและความสุขจากภายนอก แสงแดดมักถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เป็นสัญญาณของความโชคดีและความรุ่งเรือง ช่วยให้ครอบครัวมีความโชคดีและสมบูรณ์แบบตลอดไป นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นการเชื่อมต่อกับพลังงานบวกในชีวิตอีกด้วย

บ้านหันหน้าทางทิศตะวันตก 

ทิศตะวันตก เป็นทิศที่โดนแสงแดดเยอะที่สุด แต่ข้อดีของทิศนี้ก็คือจะมีลมพัดเข้ามาตลอด ทำให้บ้านไม่อับชื้น ในเรื่องของฮวงจุ้ยนั้นเชื่อว่าการได้รับแสงแดดในปริมาณมากกว่าทิศอื่น ๆ เป็นข้อได้เปรียบของบ้านทิศตะวันตก เพราะแสงแดดถือเป็นแสงสว่าง เป็นเรื่องราวดี ๆ จึงช่วยเสริมสิริมงคลในแง่ของชื่อเสียง เกียรติยศของผู้อยู่อาศัย เปรียบเหมือนแสงนำทางชีวิตและเป็นไฟส่องสว่างที่จะเพิ่มความเฉิดฉายให้แก่ทุกคนในบ้านอีกด้วย

 

เลือกซื้อบ้านตามทิศทางหลักฮวงจุ้ย ให้อยู่สบายตอบโจทย์ารอยู่อาศัยมากที่สุด ทั้งเรื่องพื้นที่ที่ลงตัวและธรรมชาติที่ครบสมบูรณ์แบบ ลองแวะเข้ามาดูโครงการบ้านจากอารียาฯ เพิ่มเติมได้ ที่นี่

ขอบคุณจากข้อมูลจาก

https://home.kapook.com/view137723.html

https://www.bolttech.co.th/blog/ซื้อบ้านทิศไหนดีตามหลักฮวงจุ้ย

อัปเดต 2567 ค่าโอนบ้าน ค่าโอนคอนโด

ชวนทำความรู้จัก! ค่าโอนบ้าน ค่าโอนคอนโด

ค่าโอนบ้านและค่าโอนคอนโด เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เมื่อมีการโอนสิทธิ์ในทรัพย์สิน โดยทั่วไปแล้วเมื่อมีการซื้อหรือขายบ้านหรือคอนโด จะต้องมีการโอนสิทธิ์จากเจ้าของเดิมไปยังเจ้าของใหม่ และในกระบวนการนี้จะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการโอนสิทธิ์

ซึ่งประกอบด้วยค่าธรรมเนียมที่เกิดจากการทำรายการโอน และภาษีที่ต้องชำระตามกฎหมาย โดยค่าโอนบ้านและค่าโอนคอนโดจะแตกต่างกันไปตามนโยบายและกฎหมายของแต่ละปี และอาจมีการคำนวณค่าใช้จ่ายตามราคาของทรัพย์สินเพิ่มขึ้นด้วย เราจึงควรพิจารณาค่าใช้จ่ายเหล่านี้เพื่อประเมินราคาที่เหมาะสมในการซื้อบ้านหรือซื้อคอนโดของเราด้วย

ค่าใช้จ่ายในการโอนบ้าน ทาวน์โฮม โอนคอนโด

ค่าธรรมเนียมการโอนบ้านและคอนโดจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์

การคำนวณค่าโอนบ้านมักจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น มูลค่าของที่ดินและตัวบ้านเอง รวมถึงค่าภาษี และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

 การตกลงค่าโอนบ้านเป็นเรื่องที่ผู้ซื้อและผู้ขายทั้งสองฝ่ายต้องพึงพอใจกับราคาที่ตกลงกัน และสามารถทำธุรกรรมร่วมกันได้ เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจและความเข้าใจในกระบวนการโอนทรัพย์สิน อาจขอคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายทรัพย์สินหรือสถาบันการเงินเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมในการคำนวณค่าโอนบ้านให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของเราและคู่ค้าในธุรกรรมนั้น ๆ อย่างแม่นยำที่สุด

1. ค่าธรรมเนียมการโอน = คิดเป็น 0.01% ของราคาประเมินที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหรือราคาที่ขาย กรณีมีมูลค่าไม่เกิน 7 ล้านบาท จากปกติหากซื้อสิ่งปลูกสร้างราคา 7 ล้าน ต้องเสียค่าโอนบ้าน ค่าโอนคอนโด 140,000 บาท แต่มาตรการรัฐลดค่าโอนบ้าน ค่าโอนคอนโด ปี 2567 ทำให้จ่ายเหลือเพียง 700 บาท ส่วนสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่ามากกว่า 7 ล้านบาท จะต้องเสียค่าโอนบ้าน ค่าโอนคอนโด 2% เท่าเดิม

2. ค่าจดจำนอง = คิดเป็น 0.01% ของมูลค่าที่จำนองหรือยอดเงินกู้ทั้งหมด กรณีมีมูลค่าไม่เกิน 7 ล้านบาท จากปกติหากซื้อสิ่งปลูกสร้างราคา 7 ล้าน ต้องเสียค่าจดจำนอง 70,000 บาท แต่มาตรการรัฐลดค่าจดจำนอง ปี 2567 ทำให้จ่ายเหลือเพียง 700 บาท ส่วนสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่ามากกว่า 7 ล้านบาท จะต้องเสียค่าโอนบ้าน ค่าโอนคอนโด 1% เท่าเดิม

3. ค่าอากรแสตมป์ = ใช้กรณีที่ผู้ขายเป็นบุคคลธรรมดา และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี หรือถือครองมาครบ 5 ปี จึงจะต้องเสียค่าอากรแสตมป์ โดยคิดเป็นร้อยละ 0.5% ของราคาซื้อขาย แต่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินทุนทรัพย์ ถ้าต่ำกว่าให้ใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์คำนวณ ถ้าเสียค่าอากรแสตมป์แล้วจะไม่ต้องเสียค่าภาษีธุรกิจเฉพาะอีก

4. ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ = ใช้ในกรณีที่ผู้ขายต้องการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองไม่ถึง 5 ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่เกิน 1 ปี โดยคิดเป็น 3.3% หากเสียค่าภาษีในส่วนนี้แล้วจะไม่ต้องเสียค่าอากรแสตมป์อีก

5. ค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา = จะถูกหัก ณ ที่จ่าย โดยคิดตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร สามารถคำนวณภาษีที่ถูกหักได้จากที่นี่

ประกาศใช้แล้วกฎกระทรวง ลด “ค่าโอน–จดจำนอง” บ้าน–คอนโด 2567

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวง กำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิ์และนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ลด “ค่าโอน-จดจำนอง” บ้าน-คอนโดฯ เหลือ 0.01%  มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567

ดูประกาศกระทรวงเพิ่มเติมที่ https://www.thansettakij.com/news/general-news/593140

 

เลือกบ้านและคอนโดที่ลงตัวจากอารียา พร้อมให้คุณได้เริ่มต้นชีวิตที่สมบูรณ์แบบ บนความแตกต่างที่ลงตัว ที่คุณเลือกเองได้แล้ววันนี้!

เลือกทำเลที่เหมาะกับการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ลองแวะเข้ามาดูโครงการบ้านและคอนโด จากอารียาเพิ่มเติมได้ ที่นี่

 

ขอบคุณจากข้อมูลจาก

https://www.thansettakij.com/news/general-news/593140

https://www.tooktee.com/article/?cid=3270

https://rd.go.th/272.html

อัปเดต 2567 เงินเดือนเท่านี้กู้ซื้อบ้านได้เท่าไหร่

อัปเดต 2567 เงินเดือนเท่านี้กู้ซื้อบ้านได้เท่าไหร่

การเลือกกู้ซื้อบ้าน เป็นการตัดสินใจที่สำคัญและมีผลกระทบต่อชีวิตของเรามากในอนาคต เพราะเมื่อเรากำลังพิจารณาการกู้ซื้อบ้าน การกำหนดงบประมาณก็ต้องกำหนดให้เหมาะสมสำหรับการซื้อบ้านสักหลัง โดยต้องคำนึงถึงราคาบ้าน และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วย เช่น ค่าดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มคุณภาพการอยู่อาศัย การดูแลรักษา รวมถึงการตกแต่งบ้านใหม่ของเราด้วย           

การเลือกซื้อบ้านจึงเป็นขั้นตอนที่ท้าทายแต่ก็น่าสนุก เมื่อเราทำการวางแผนอย่างรอบคอบและหาข้อมูลที่ครบถ้วนแล้ว มาดูกันว่าเงินเดือนของเรา จะกู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อคอนโด ได้เท่าไหร่บ้าง

ราคาบ้าน คอนโดที่เหมาะกับรายได้เรานั้น คิดอย่างไร?

เงินเดือน (บาท) วงเงินที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้ (บาท)
15,000 850,000
20,000 1,100,000
30,000 1,700,000
40,000 2,200,000
50,0000 2,850,000
60,000 3,400,000
100,000 5,700,000

เป็นหลักการคิดเดียวกับที่สถาบันการเงินใช้คิดยอดเงินกู้ที่เหมาะสมกับแต่ละคนอย่างคร่าว ๆ โดยพิจารณาจาก 3 ปัจจัย ได้แก่ รายได้ ภาระหนี้ และอายุ ทีนี้เราไปดูรายละเอียดของแต่ละปัจจัยกันเลย

1. รายได้

ธนาคารกำหนดค่าผ่อนบ้านไม่ควรเกิน 40% และนอกจากหลักการ 40% ของรายได้แล้ว ธนาคารจะคิดเรื่องเงินผ่อนด้วย โดยมีสูตรคำนวณง่าย ๆ คือ ผ่อนบ้านล้านละ 7,000 บาท เช่น หากซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาท ต้องจ่ายค่าผ่อนบ้านต่อเดือน 7,000 บาท ซึ่งมาจากการคำนวณโดยสมมุติให้การกู้ซื้อบ้านในราคา 1 ล้านบาทเป็นระยะเวลา 30 ปี เราจะได้ค่างวดในส่วนที่เป็นเงินต้นเพียงอย่างเดียวอยู่ที่เดือนละ 1,000,000/360 = 2,800 บาท ส่วนค่าดอกเบี้ย ประมาณสัดส่วนไว้ที่ 5% เป็นระยะเวลา 30 ปี ก็จะได้ค่าดอกเบี้ยต่อเดือนประมาณ  (1,000,000×5%)/12 = 4,200 บาท ดังนั้นจะได้ยอดเงินผ่อนที่ต้องจ่ายต่อเดือนอยู่ที่ 7,000 บาท ใครที่กำลังวางแผนซื้อบ้าน ซื้อคอนโด คำนวณยอดเงินกู้ด้วยตนเองได้ง่าย ๆ คลิก

ตัวอย่างสูตรคำนวณวงเงินกู้สูงสุด

2. ภาระหนี้

เช่น จากเดิมที่ธนาคารเคยพิจารณาไว้ว่าคนที่มีรายได้ 15,000 บาท สามารถจ่ายค่าผ่อนบ้านได้สูงสุด 6,000 บาท กู้ซื้อบ้านได้ในราคา 850,000 บาท แต่ถ้ามีภาระผ่อนรถอยู่เดือนละ 2,000 บาท ก็จะผ่อนบ้านได้ลดลงเหลือ 4,000 บาท ธนาคารก็อาจจะลดวงเงินกู้ลง เพราะธนาคารจะดูสัดส่วนภาระหนี้ของเราด้วย

3. อายุ

โดยปกติแล้วผู้ที่ธนาคารกำหนดว่ามีความสามารถในการผ่อนบ้าน ผ่อนคอนโด คือผู้ที่มีความสามารถทำเงิน มีรายได้มั่นคงจนถึงอายุประมาณ 60-65 ปี

ทริคการเลือกกู้ซื้อบ้านให้เหมาะกับรายได้

ราคาบ้าน - คอนโดที่เหมาะกับรายได้เรานั้น คิดอย่างไร

การกู้ซื้อบ้านให้เหมาะกับรายได้ เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เราไม่ตกเป็นหนี้สินหรือมีภาระทางการเงินที่ไม่สามารถจ่ายได้ในระยะยาวนั่นเอง อารียาขอแนะนำทริคที่เราสามารถลงมือทำ เพื่อให้การเลือกกู้ซื้อบ้านเหมาะสมกับรายได้ของเรามากที่สุด มาวางแผนไปด้วยกันเลย

1.วางแผนงบประมาณ การที่เราทราบรายรับและรายจ่ายที่แน่นอน จะช่วยให้กำหนดได้ว่าเราสามารถจ่ายเงินดาวน์และผ่อนชำระค่างวดบ้านได้เท่าไหร่ต่อเดือน โดยไม่ทำให้ภาระของเราหนักเกินไปเมื่อถึงเวลาผ่อนบ้าน

2. คำนึงถึงรายจ่ายทั้งหมด รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าภาษีที่ดิน, ค่าบริการสาธารณูปโภค และค่าดูแลรักษาบ้าน เพื่อให้เราสามารถประเมินว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดเหล่านี้จะพอดีกับรายได้ของเราหรือไม่

3. มองถึงความน่าจะเป็นในอนาคต ควรพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงในรายได้ เช่น การเพิ่มหรือลดเงินเดือน หรือการเปลี่ยนงาน และควรคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต

4. ศึกษาอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการกู้ยืม ควรศึกษาอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการกู้ยืมจากสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อนำมาคำนึงถึงรายได้และความสามารถในการผ่อนชำระหนี้

5. ไม่พยายามกู้ซื้อบ้านที่ราคาเกินความสามารถ การเลือกซื้อบ้านให้เหมาะสมกับรายได้ควรพิจารณาถึงราคาที่เหมาะสมและความต้องการของเราจริง ๆ โดยไม่เกินความสามารถในการผ่อนชำระ

ให้การเลือกซื้อบ้านตอบโจทย์มากที่สุด ทั้งเรื่องราคาที่ลงตัว และการอยู่อาศัยที่ครบทุกไลฟ์สไตล์ เหมาะสมและเพียงพอกับรายได้ของเรา ลองแวะเข้ามาดูโครงการบ้าน จากอารียาเพิ่มเติมได้ ที่นี่

ขอบคุณจากข้อมูลจาก

https://thinkofliving.com/คู่มือซื้อขาย/เด็กจบใหม่เริ่มทำงานซื้อคอนโด-บ้านดีไหม-เลือกแบรนด์ไหนได้บ้าง-933949/

https://money.kapook.com/view277884.html

เสริมดวง รับทรัพย์ เลือกทิศบ้านกับปีเกิด รับปีมังกรทอง 2567

เลือกทิศบ้านกับปีเกิด ถูกโฉลก เสริมโชคลาภตลอดปี 2567

หลักฮวงจุ้ย มีความเชื่อว่า การเลือกทิศบ้านกับปีเกิดส่งผลต่อโชคชะตา และช่วยเพิ่มความโชคดีของคนในบ้านได้ โดยในหลักฮวงจุ้ยจะมีการบอกโชคชะตาของบุคคลตามทิศของบ้านและปีเกิด การเลือกทิศบ้านกับปีเกิดจึงเป็นเรื่องสำคัญในการวางแผนชีวิตและการตัดสินใจซื้อบ้านในสังคมปัจจุบันเป็นอย่างมาก

หากคุณสนใจทิศบ้านกับปีเกิดตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อเสริมความเชื่อในเรื่องโชคชะตา การเลือกทิศของบ้านตามหลักฮวงจุ้ย นอกจากจะช่วยเสริมดวงให้เจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังสามารถนำไปเป็นทริคการเลือกซื้อบ้านได้เช่นกัน

เปิด 12 ปีนักษัตร เลือกทิศของบ้านให้เหมาะกับปีเกิด

12 ปีนักษัตร เลือกทิศบ้านกับปีเกิด แบบไหนดี

การเลือกทิศบ้านกับปีเกิด เพื่อการอยู่อาศัยและทำกิจกรรมต่าง ๆ มักจะมีตำแหน่งสำคัญ ซึ่งแต่ละวัฒนธรรมอาจมีความเชื่อและความหมายที่แตกต่างกันไป เช่น ในวัฒนธรรมจีน หลายคนนิยมเลือกทิศบ้านที่ดี เพื่อให้เกิดโชคลาภและความสำเร็จในชีวิตนั่นเอง มาดูกัน … ทิศบ้านที่ดีของ 12 ปีนักษัตร ควรเลือกทิศบ้านกับปีเกิด แบบไหนดี

1. ปีเกิด ชวด และปีกุน

ทิศต้องห้าม : ตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศตะวันตกเฉียงใต้ 

ทิศที่แนะนำ : ทิศตะวันตก, ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศเหนือ

2. ปีเกิด ขาล และปีเถาะ

ทิศต้องห้าม : ทิศตะวันตก และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 

ทิศที่แนะนำ : ทิศเหนือ, ทิศตะวันออก และทิศตะวันออกเฉียงใต้

3. ปีเกิด มะเส็ง และปีมะเมีย

ทิศต้องห้าม : ทิศเหนือ 

ทิศที่แนะนำ : ทิศตะวันออก, ทิศตะวันออกเฉียงใต้ และทิศใต้

4. ปีเกิด วอก และปีระกา

ทิศต้องห้าม : ทิศใต้  

ทิศที่แนะนำ : ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ, ทิศตะวันตกเฉียงใต้, ทิศตะวันตก และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

5. ปีเกิด ฉลู และปีมะโรง

ทิศต้องห้าม : ทิศตะวันออก และทิศตะวันออกเฉียงใต้  

ทิศที่แนะนำ : ทิศใต้, ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศตะวันตกเฉียงใต้

6. ปีเกิด มะแม และปีจอ

ทิศต้องห้าม : ทิศตะวันออก และทิศตะวันออกเฉียงใต้ 

ทิศที่แนะนำ : ทิศใต้, ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศตะวันตกเฉียงใต้

สำหรับปีเกิดทั้ง 12 นักษัตร ไม่ว่าจะเกิดปีไหนก็ตาม การเลือกทิศบ้านกับปีเกิด จะต้องดูทิศของบ้านเป็นหลัก และพิจารณาจากการเลือกซื้อบ้านให้เป็นการลงทุนที่สำคัญในอนาคต ดังนั้นควรพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัยก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อบ้าน ซึ่งนอกจากปัจจัยเรื่องตำแหน่งที่ตั้งแล้ว ยังควรพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ให้ครบถ้วน เพื่อจะได้ส่งผลให้เกิดแต่สิ่งดี ๆ กับทุกคนที่อยู่อาศัยในบ้าน 

หากใครกำลังมองหาบ้านที่ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ และสามารถเลือกทิศบ้านที่ดีได้อย่างอิสระและลงตัว ลองแวะเข้ามาดูหลากหลายโครงการบ้านจากอารียาเพิ่มเติมได้ ที่นี่

ขอบคุณจากข้อมูลจาก

https://www.homepro.co.th/m/homeguru/make-a-lucky-charm-with-zodiac-year?

https://baanbaan.co/story/ฮวงจุ้ย-บ้าน-2567-ปีมะโรง-มังกรทอง/

5 ฮาวทูแต่งบ้านสไตล์มินิมอล

 5 ฮาวทู แต่งบ้านสไตล์มินิมอล เรียบง่าย สะอาดตา

การแต่งบ้านบอกความเป็นตัวเราได้มากที่สุด! และสไตล์การแต่งบ้านที่นิยมตลอดกาล ก็คือการ แต่งบ้านสไตล์มินิมอล ที่เน้นความเรียบง่าย โทนสีที่ไม่ซับซ้อน การจัดวางของอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นการใช้งานเป็นส่วนสำคัญ จึงทำให้การแต่งบ้านสไตล์นี้จึงเป็นที่นิยมอย่างมาก มาดูกันว่าเทคนิคอะไรที่ทำให้การ แต่งบ้านสไตล์มินิมอล แบบนี้ ต้องทำอย่างไร!

เทคนิคการ แต่งบ้านสไตล์มินิมอล

เทคนิคการแต่งบ้านสไตล์มินิมอล

1. การเลือกใช้สี เน้นใช้โทนสีอ่อน

เรื่องสีเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเป็นเรื่องแรก เพราะสีนั้นเปลี่ยนความรู้สึกของทุกคนได้จริง ๆ

การแต่งบ้านสไตล์มินิมอล ถ้าจะให้แนะนำโทนสี ควรเลือกใช้สีโทนอ่อน ให้ความสว่าง สบายตาให้มากที่สุด เช่น สีขาว หรือสีเอิร์ธโทน จะเลือกสีโทนอ่อนทาผนังภายในบ้านหรือผนังภายนอกก็ได้ บรรยากาศของบ้านจะดูมินิมอลแน่นอน! แค่สีบ้านดูซอฟต์ลง ก็จะรู้สึกถึงความเรียบง่ายมินิมอล โฮมมี่อบอุ่นสุด ๆ

2. เฟอร์นิเจอร์ไม่ต้องเยอะ เน้นการใช้งาน

ต้องเลือกของใช้ที่จำเป็น เน้นที่ประโยชน์ของการนำมาใช้งานเป็นหลัก ไม่ควรวางเฟอร์นิเจอร์อัดแน่นหลายชิ้นมากเกินไป และควรเลือกเฟอร์นิเจอร์สีโทนเดียวกับผนังภายในบ้านด้วย เพื่อไม่ให้สีขัดกับตัวบ้าน

3. เน้นที่แสงธรรมชาติ เปิดช่องแสงส่องผ่าน

บ้านสไตล์มินิมอลส่วนมากจะมีความสว่าง โล่ง โปร่ง ให้ความรู้สึกที่สบายตา ต้องให้แดดส่องผ่านเข้ามาในบ้าน โดยใช้แสงธรรมชาติเป็นหลักในตอนกลางวัน จะช่วยเพิ่มบรรยากาศบ้านให้ดูธรรมชาติ มอบความรู้สึกผ่อนคลายกับผู้อยู่อาศัยได้อีกด้วย

4. จัดของให้เป็นระเบียบ ต้องเหลือพื้นที่โล่ง

การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลต้องเน้นการจัดวางของให้เป็นระเบียบให้มากที่สุด อย่าวางของให้รกมากเกินไป ต้องจัดสัดส่วนการวางเฟอร์นิเจอร์ให้ดูสบายตา ไม่แน่น เลือกการจัดวางให้เหมาะสมกับการหยิบมาใช้งานของคนในบ้าน จะทำให้เราวางของได้ถูกที่หลังการใช้งานของต่าง ๆ แล้วนั่นเอง

5. เลือกของใช้วัสดุไม้เป็นหลัก

การเลือกใช้ของแต่งบ้านเป็นไม้จะทำให้บ้านดูอบอุ่นมากขึ้น ด้วยโทนสีอ่อน ๆ ของไม้ ไม่ว่าจะเป็นไม้โทนสีเหลือง หรือสีเทาอ่อน สีธรรมชาติเหมาะกับความมินิมอลที่สุด วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่นิยมนำมาแต่งบ้านสไตล์มินิมอล เช่น ม่านมู่ลี่ไม้ โคมไฟไม้ เตียงไม้ ชุดโต๊ะไม้ต่าง ๆ ลองหยิบไอเดียนี้มาแต่งบ้านกันนะ!  

บ้านสไตล์มินิมอล

ถ้าหากใครชอบบ้านที่มีความเรียบง่ายที่ไม่ธรรมดา ต้องมาสัมผัสชีวิตสไตล์มินิมอล ที่บ้าน 3 โครงการจากอารียาที่จะทำให้คุณได้ประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ไม่ซ้ำกับที่ไหนอย่างแน่นอน

COMO BIANCA ll บ้านสไตล์ Minimal Eco Living บนทำเลที่ดีที่สุด ติดเมกาบางนา* คลิก

NORA ทาวน์โฮมสไตล์ Minimal Cozy ที่เน้นความเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความสุข บน 2 ทำเล ชัยพฤกษ์-วงแหวน | บางนา คลิก

AREN X บ้านเดี่ยวสไตล์ Modern Minimal สุดขีดของชีวิตมินิมอล ติดเมกาบางนา* คลิก

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

ซื้อบ้านต้องเช็ก! ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567

เช็กฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เสริมสิริมงคล อยู่แล้วเฮง

ใครที่กำลังวางแพลนจะซื้อบ้านใหม่ในปีนี้เช็กกันหรือยัง ว่าวันไหนดี วันไหนปัง กับ ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567

ฤกษ์ คืออะไร คนที่เพิ่งซื้อบ้านใหม่อาจยังไม่เข้าใจ อารียานำความรู้มาฝาก ฤกษ์ คือ เวลาที่กำหนดหรือคาดว่าจะให้ผล สำหรับเรื่องที่อยู่อาศัยก็คงหนีไม่พ้นเรื่องฤกษ์มงคลสำหรับขึ้นบ้านใหม่ ในทางโหราศาสตร์ก็มี 4 ฤกษ์ที่จัดอยู่ใน “บูรณะฤกษ์” ซึ่งถือเป็นฤกษ์ดีที่เหมาะแก่งานมงคล ดังนี้

ราชาฤกษ์ ​หมายถึงฤกษ์ที่เหมาะสำหรับงานราชพิธี งานราชการงานเมือง การขึ้นบ้านใหม่ และงานมงคลต่างๆภูมิปาโลฤกษ์ ​หมายถึงฤกษ์ที่เหมาะสำหรับงานมงคล งานเกี่ยวกับที่ดิน การเกษตร งานขึ้นบ้านใหม่ เปิดห้างร้านอาคาร

มหัทธโณฤกษ์ ​หมายถึงฤกษ์ที่เหมาะสำหรับงานมงคลต่างๆ เช่น ขึ้นบ้านใหม่ ปลูกสร้างอาคาร เปิดห้างร้านอาคาร

เทวีฤกษ์ ​ หมายถึงฤกษ์ที่เหมาะสำหรับการเข้าหาผู้ใหญ่ การทำกิจการที่ต้องการชื่อเสียงและมีเสน่ห์ งานเชิงศิลปะตกแต่งชั้นสูง งานขึ้นบ้านใหม่ และงานมงคลต่างๆ

รู้ความหมายกันแล้ว ใครที่ซื้อบ้านใหม่ กำลังจะเตรียมตัวขึ้นบ้านใหม่ เช็กเลยฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567

มีวันไหนบ้าง

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือนมกราคม 2567

– วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 เวลา 06.43 – 06.42 น.
– วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม 2567 เวลา 11.55 – 12.13 น.
– วันเสาร์ที่ 6 มกราคม 2567 เวลา 15.43 – 16.01 น.
– วันพุธที่ 10 มกราคม 2567 เวลา 18.00 – 18.18 น.
– วันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567 เวลา 06:35 – 11:39 น.
– วันพุธที่ 17 มกราคม 2567 เวลา 09.16 – 09.34 น.
– วันเสาร์ที่ 20 มกราคม 2567 เวลา 05.26 – 05-44 น. และ 11.12 – 11.30 น.
– วันอังคารที่ 23 มกราคม 2567 เวลา 04.23 – 04.41 น.
– วันพฤหัสที่ 25 มกราคม 2567 เวลา 07.39 – 16.45 น.
– วันจันทร์ที่ 29 มกราคม 2567 เวลา 14.17 – 14.35 น. และ 20.56 – 21.14 น.

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือนกุมภาพันธ์ 2567

– วันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 06.46 – 01.27 น.
– วันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 00.37 – 06.44 น.
– วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 06.42 – 12.04 น.
– วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 06.37 – 18.59 น.

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือนมีนาคม 2567

– วันพุธที่ 6 มีนาคม 2567 เวลา 06.33 – 09.22 น.
– วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2567 เวลา 06.32 – 07.31 น.
– วันพุธที่ 13 มีนาคม 2567 เวลา 06.27 – 22.34 น.
– วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2567 เวลา 06.25 -20.30 น.
– วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 เวลา 02.18 – 06.21 น.
– วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 เวลา 04.39 – 06.22 น.

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือนเมษายน 2567

– วันจันทร์ที่ 1 เมษายน 2567 เวลา 06.14 – 17.33 น.
– วันพุธที่ 3 เมษายน 2567 เวลา 06.12 – 16.36 น.
– วันพฤหัสที่ 4 เมษายน 2567 เวลา 06.13 – 15.37 น.
– วันศุกร์ที่ 12 เมษายน 2567 เวลา 03.49 – 06.08 น.
– วันศุกร์ที่ 19 เมษายน 2567 เวลา 06.03 – 09.32 น.
– วันเสาร์ที่ 20 เมษายน 2567 เวลา 06.04 – 11.53 น.
– วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2567 เวลา 06.02 – 14.25 น.
– วันจันทร์ที่ 22 เมษายน 2567 เวลา 06.03 – 16.54 น.

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือนพฤษภาคม 2567

– วันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2567 เวลา 05.56 – 13.30 น.
– วันพฤหัสที่ 9 พฤษภาคม 2567 เวลา 05.54 – 12.28 น.
– วันพฤหัสที่ 16 พฤษภาคม 2567 เวลา 05.52 – 16.48 น.
– วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม 2567 เวลา 05.53 – 19.06 น.
– วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม 2567 เวลา 05.52 – 09.05 น.
– วันพุธที่ 29 พฤษภาคม 2567 เวลา 05.52 – 07.39 น.

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือนมิถุนายน 2567

– วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน 2567 เวลา 05.51 – 22.54 น.
– วันพุธที่ 5 มิถุนายน 2567 เวลา 05.51 – 20.27 น.
– วันพฤหัสที่ 13 มิถุนายน 2567 เวลา 00.07 – 05.52 น.
– วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2567 เวลา 05.53 – 07.19 น.
– วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2567 เวลา 05.55 – 16.54 น.
– วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน 2567 เวลา 05.54 – 16.28 น.

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือนกรกฎาคม 2567

– วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม 2567 เวลา 05.51 – 22.54 น.
– วันพุธที่ 3 กรกฎาคม 2567 เวลา 03.36 – 05.57 น.
– วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม 2567 เวลา 00.36 – 06.01 น.
– วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม 2567 เวลา 06.03 – 15.08 น.
– วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม 2567 เวลา 06.04 – 13.46 น.
– วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 เวลา 06.05 – 11.37 น.

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือนสิงหาคม 2567

– วันพฤหัสที่ 8 สิงหาคม 2567 เวลา 06.05 – 19.10 น.
– วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม 2567 เวลา 06.06 – 21.41 น.
– วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 06.06 – 08.16 น.
– วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2567 เวลา 06.07 – 08.16 น.
– วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม 2567 เวลา 06.08 – 07.41 น.
– วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2567 เวลา 06.07 – 23.15 น.
– วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2567 เวลา 06.08 – 21.51 น.
– วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2567 เวลา 06.07 – 20.34 น.

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือนกันยายน 2567

– วันพฤหัสที่ 5 กันยายน 2567 เวลา 02.28 – 06.08 น.
– วันพฤหัสที่ 12 กันยายน 2567 เวลา 04.53 – 06.08 น.
– วันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2567 เวลา 06.09 – 16.13 น.
– วันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2567 เวลา 06.08 – 16.07 น.
– วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2567 เวลา 06.09 – 15.39 น.
– วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 เวลา 05.59 – 07.27 น.
– วันจันทร์ที่ 30 กันยายน 2567 เวลา 06.08 – 06.09 น.

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือนตุลาคม 2567

– วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2567 เวลา 06.09 – 23.30 น.
– วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2567 เวลา 06.10 – 15.39 น.
– วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม 2567 เวลา 06.11 – 14.04 น.
– วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2567 เวลา 06.11 – 12.42 น.
– วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567 เวลา 06.14 – 19.22 น.

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือนพฤศจิกายน 2567

– วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เวลา 06.15 – 07.11 น.
– วันพฤหัสที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เวลา 06.16 – 07.43 น.
– วันพฤหัสที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 06.19 – 23.44 น.
– วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 06.20 – 22.14 น.
– วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา 06.21 – 19.34 น.
– วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 เวลา 06.24 – 22.06 น.

ฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ เดือนธันวาคม 2567

– วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2567 เวลา 06.30 – 15.18 น.
– วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2567 เวลา 03.36 – 06.35 น.
– วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม 2567 เวลา 03.46 – 06.38 น.
– วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม 2567 เวลา 06.39 – 07.27 น.
– วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2567 เวลา 06.42 – 22.14 น.

และทั้งหมดก็คือฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 เพื่อส่งเสริมความเป็นสิริมงคลให้เจ้าบ้าน อยู่เย็นเป็นสุข โชคดี ร่ำรวย ​สำหรับใครอยากรู้ว่าจะขึ้นบ้านใหม่วันไหนดี ก็สามารถนำฤกษ์ขึ้นบ้านใหม่ 2567 ไปใช้กันได้เลย

Source : https://www.baanlaesuan.com/321174/houses/top-auspicious-days-for-a-new-house-in-2024

จัดสวนข้างบ้าน ยังไงให้เหมือนหลุดเข้าไปอยู่กลางป่าใหญ่สไตล์ Tropical

ฮาวทู จัดสวนข้างบ้าน Tropical Garden เสกป่าเมืองร้อน จัดสวนยังไง ดูเลย

จัดสวนข้างบ้าน ให้พื้นที่รอบบ้านไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหนก็สามารถสร้างความร่มรื่นให้กับตัวบ้านและเราได้…

ถ้าใครชอบความเป็นธรรมชาติ การ จัดสวนข้างบ้าน แนวป่าเล็กๆ แบบสไตล์ Tropical เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ห้ามพลาด! เพราะพรรณไม้ของป่าเมืองร้อนดูแลง่าย เหมาะกับอากาศบ้านเรามาก สำหรับใครที่กำลังหาไอเดียจัดสวนข้างบ้านอยู่ เรามีไอเดียจัดสวนสไตล์ทรอปิคอลมาฝากกัน

ทำไมต้องจัดสวน สไตล์ Tropical แบบป่าเมืองร้อน?

สวนสไตล์นี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากด้วยความที่มีความหลากหลายของต้นไม้นานาพรรณ ที่เราสามารถเลือกมาตกแต่งบ้าน จัดสวนข้างบ้านหรือมุมบ้านได้อย่างหลากหลาย เหมือนเรายกป่าเล็กๆ มาไว้ในบ้านนั่นเอง 

จัดสวนข้างบ้าน เลียนแบบป่าเล็กๆ ทำให้เวลาเข้าไปอยู่บริเวณสวนจะรู้สึกสดชื่นมาก เพราะความหนาแน่นของพวกต้นไม้ที่เราจำลองเป็นป่านั่นเอง ทริคจัดสวนแบบป่าเล็กๆ มีแบบไหนน่าจัดตกแต่งตามบ้างไปดูกัน!

จัดสวนข้างบ้านสไตล์ Tropical

3 ทริคยอดฮิต จัดสวนสไตล์ Tropical

1. จัดมุมนั่งเล่นในสวนด้วยมอนสเตอร่า เฟินสไบนาง   

แซมด้วยพรรณไม้ยอดฮิตมอนสเตอร่า ต้นไม้ฟอร์มใบใหญ่สวยงามปลูกประดับเพื่อเพิ่มจุดเด่นในสวน โดยเฉพาะบริเวณที่ได้รับแสงแดดรำไร แซมด้วยเฟินสไบนางนิยมห้อยประดับอยู่ตามสวนข้างบ้าน สามารถปลูกได้ทั้งในกระถางและอิงอาศัยบนต้นไม้ใหญ่ในสวน

2. ตกแต่งทางเดินด้วยหิน 

เพิ่มความสวยงามของทางเดินในสวนข้างบ้านด้วยการปูทางเดินด้วนหินกรวดหรือหินแม่น้ำ ให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด ด้วยสีสันของหินจริงที่สวยงามเป็นธรรมชาติ

3. ประดับด้วยขอนไม้หรือรากไม้เรซิ่น

แต่งสวนให้ดูธรรมชาติเหมือนอยู่กลางป่า ด้วยขอนไม้ เพิ่มความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เทคนิคนี้ให้เลือกใช้ขอนไม้ที่ทำจากเรซิ่น ข้อดีคือน้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายง่าย สีสันสวยงามเหมือนจริง

ถ้าใครอยากได้บรรยากาศบ้านแบบนี้ต้องมาที่ COMO Botanica II ธรรมชาติผืนใหญ่ที่ซ่อนอยู่ใกล้ตัวแค่ที่ บางนา! บ้านสไตล์ Urban Botanical ภายใต้คอนเซ็ปต์ Craft Your Own Nature ออกแบบชีวิต ให้ชิดธรรมชาติ พร้อมสวนส่วนตัว 360 องศา

สนใจบ้านโครงการ COMO Botanica II คลิก https://bit.ly/4b80jBv

Source:
https://www.baanlaesuan.com/19080/ideas/10-tropical-rain-forest

อัปเดต กู้ซื้อบ้าน 2567 เตรียมตัวยังไงให้กู้ผ่าน

อัปเดต กู้ซื้อบ้านปี 2567 เตรียมตัวตามนี้กู้ผ่านฉลุย!

อยากกู้บ้าน มีบ้านในฝัน ทำเลในฝันสักที่….ใช่ว่าจะดูแค่ทำเลที่ตั้งโครงการหรือรูปแบบบ้านที่ตรงปกสวยตรงใจอย่างเดียว ต้องเตรียมเอกสารยื่นขอสินเชื่อด้วย

แน่นอนว่าหลายๆ คน ต้องใช้เวลามองหาหรือตัดสินใจอยู่นานเป็นเดือน เป็นปี จนตัดสินใจลงหลักว่าจะซื้อบ้านสักหลัง แต่ถ้าเราได้ทำเลบ้าน โครงการที่อยากได้จริงๆ แล้ว การเตรียมเอกสารที่สำคัญในการยื่นกู้ซื้อบ้านสักหลังก็เป็นหัวใจสำคัญอย่างนึงเลยที่ทำให้เราสมหวังเรื่องบ้านนั่นเอง

ก่อนกู้ซื้อบ้านเช็กคุณสมบัติและความพร้อมของตัวเองกัน!

  • สัญชาติไทย มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยไม่เกิน 65 ปี
  • ไม่เคยเป็นลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคาร
  • มีเครดิตทางการเงินที่อยู่ในสถานะปกติหรือดีเยี่ยม
  • เช็กภาระยอดหนี้ปัจจุบันที่มีอยู่ให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อให้ภาระเบาที่สุด ซึ่งจะง่ายต่อการขอสินเชื่อนั่นเอง

กู้ซื้อบ้าน


เอกสารกู้ซื้อบ้านที่ต้องเตรียมให้พร้อมและครบถ้วนมากที่สุด
เอกสารครบยิ่งมีโอกาสผ่านสูง!

  • ทะเบียนบ้าน
  • ทะเบียนสมรส
  • ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล
  • หนังสือรับรองเงินเดือน
  • สลิปเงินเดือน
  • เอกสารรับรองการทำงาน
  • หลักฐานแสดงรายได้พิเศษ
  • บัญชีเงินฝากธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน โดยบัญชีนี้ก็ควรจะมีเงินคงไว้ในบัญชีอย่างสม่ำเสมอ

อัปเดตเอกสารการกู้ซื้อบ้านให้ครบถ้วนตามนี้…เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากๆ ของมนุษย์เงินเดือนหรือผู้ที่มีรายได้ประจำ สามารถยื่นเอกสารตามนี้ เพื่อขอสินเชื่อกับธนาคารได้เลย!

ตอนนี้เตรียมเอกสารรอไว้เลย ไม่ต้องกังวล ถ้าคุณเตรียมเอกสารเพื่อกู้ซื้อบ้านครบ บ้านในฝันก็จะกลายเป็นจริงได้ไม่ยาก หากคุณกำลังหาที่อยู่อาศัยหลังใหม่ อารียาฯ ก็มีบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโด บนหลากหลายทำเลศักยภาพ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายที่พร้อมให้คำปรึกษาทุกขั้นตอน ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก

Source :
https://www.sanook.com/money/594517/

สิ่งที่ควรรู้ก่อนสร้างสระว่ายน้ำ ชิลได้ทุกวันสไตล์พูลวิลล่า

หากจะนึกถึงของบ้านหรู ก็ต้องนึกถึงสระว่ายน้ำ ยิ่งในยุคนี้ที่คนนิยมสร้างบ้านสไตล์พูลวิลล่า สระว่ายน้ำยิ่งกลายเป็นความฝันของหลาย ๆ ครอบครัว แต่การจะสร้างสระว่ายน้ำในบ้านนั้นเป็นสิ่งที่ต้องคิดและวางแผนอย่างรอบคอบ เพราะเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ รวมไปถึงการดูแลรักษาที่ต้องใช้ความเอาใจใส่อย่างมาก ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจสร้างสระว่ายน้ำ ควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ให้รอบด้าน ดังต่อไปนี้

 

  1. วัตถุประสงค์การใช้งาน

ก่อนอื่น เจ้าของบ้านควรกำหนดวัตถุประสงค์การใช้งานของสระว่ายน้ำว่าต้องการใช้เพื่ออะไร เช่น ว่ายน้ำออกกำลังกาย แช่น้ำพักผ่อน ให้เด็ก ๆ เล่น หรือจัดปาร์ตี้ เพราะเป้าหมายจะเป็นการกำหนดขนาด รูปแบบ และวัสดุของสระว่ายน้ำที่เหมาะสม

 

  1. ขนาดและรูปแบบของสระว่ายน้ำ

ขนาดและรูปแบบของสระว่ายน้ำ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานและพื้นที่ใช้สอยที่มีอยู่ โดยทั่วไปแล้ว สระว่ายน้ำสำหรับว่ายน้ำออกกำลังกายควรมีความยาวอย่างน้อย 20 เมตร เพื่อให้สามารถว่ายน้ำทำระยะทางได้สะดวก ส่วนสระว่ายน้ำสำหรับเล่นน้ำพักผ่อนหรือจัดปาร์ตี้ ควรมีความยาวอย่างน้อย 10 เมตร โดยรูปแบบของสระว่ายน้ำมีให้เลือกหลากหลาย เช่น สระว่ายน้ำสี่เหลี่ยม สระว่ายน้ำทรงกลม สระว่ายน้ำรูปฟรีฟอร์ม จะเลือกแบบไหนก็ขึ้นอยู่ความชอบและพื้นที่

 

  1. ตำแหน่งที่ตั้งของสระว่ายน้ำ

ตำแหน่งที่ตั้งของสระว่ายน้ำ ควรอยู่ในพื้นที่ที่มีแดดส่องถึงเพียงพอเพื่อให้น้ำในสระสะอาดอยู่เสมอ และควรอยู่ห่างจากบ้านหรืออาคารอื่น ๆ ในระยะที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้รบกวนผู้อยู่อาศัย รวมถึงควรมีพื้นที่ว่างรอบสระอย่างน้อย 1 เมตร สำหรับสระว่ายน้ำขนาดเล็ก และ 2 เมตร สำหรับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่

 

  1. วัสดุที่ใช้ก่อสร้างสระว่ายน้ำ

วัสดุที่ใช้ก่อสร้างสระว่ายน้ำ มีหลายประเภท เช่น คอนกรีต ไฟเบอร์กลาส โพลีเอสเตอร์ แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • คอนกรีต มีจุดเด่นที่ความแข็งแรงทนาน แต่มีค่าใช้จ่ายสูง ก่อสร้างนาน
  • ไฟเบอร์กลาส จะมีความยืดหยุ่น ติดตั้งง่าย ราคาไม่แพง แต่แข็งแรงน้อยกว่าคอนกรีต
  • โพลีเอสเตอร์ แข็งแรง ต้นทุนถูกที่สุด แต่มีน้ำหนักมากกว่าไฟเบอร์กลาส

 

  1. ระบบฆ่าเชื้อโรคในน้ำ

ระบบฆ่าเชื้อโรคในสระว่ายน้ำที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน ได้แก่

  • ระบบคลอรีน เป็นระบบฆ่าเชื้อโรคแบบดั้งเดิม ใช้คลอรีนเป็นสารเคมีในการฆ่าเชื้อโรค มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคสูง แต่อาจระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตาของบางคน
  • ระบบเกลือ ใช้เกลือในปริมาณเล็กน้อยในการฆ่าเชื้อโรค โดยเครื่องผลิตคลอรีนจากเกลือจะเปลี่ยนเกลือให้เป็นคลอรีน ซึ่งทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคและยับยั้งการเจริญเติบโตของตะไคร่น้ำ ปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตา แต่มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบเกลือค่อนข้างสูง
  • ระบบโอโซน ใช้โอโซนในการฆ่าเชื้อโรคและยับยั้งการเจริญเติบโตของตะไคร่น้ำ มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคสูง และปลอดภัยต่อสุขภาพ แต่มีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบโอโซนค่อนข้างสูง
  • ระบบ UV ใช้รังสียูวีในการฆ่าเชื้อโรคและยับยั้งการเจริญเติบโตของตะไคร่น้ำ ปลอดภัยต่อสุขภาพ และไม่ต้องเติมสารเคมี แต่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคน้อยกว่าระบบคลอรีน

 

  1. งบประมาณ

การสร้างสระว่ายน้ำมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เจ้าของบ้านควรประมาณค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมตั้งแต่ค่าก่อสร้าง ค่าวัสดุ ค่าอุปกรณ์ ค่าบำรุงรักษา รวมถึงค่าน้ำค่าไฟที่ต้องใช้ไปกับสระ โดยค่าใช้จ่ายในการสร้างสระว่ายน้ำขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ ขนาด รูปแบบของสระ ตำแหน่งที่ตั้งของสระ และค่าแรงในพื้นที่นั้น โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายในการสร้างสระว่ายน้ำคอนกรีตจะอยู่ที่ประมาณ 20,000-25,000 บาทต่อตารางเมตร และจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่น ๆ ได้แก่ ค่าขออนุญาตก่อสร้าง ค่าระบบกรองน้ำ ระบบบำบัด ระบบไฟ ระบบน้ำพุ ค่าทำความสะอาด ค่าเติมสารเคมี ค่าซ่อมแซม เป็นต้น

 

  1. การดูแลรักษา

สระว่ายน้ำต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้น้ำสะอาดและปลอดภัยต่อการใช้งาน เจ้าของบ้านควรศึกษาวิธีการดูแลรักษาสระว่ายน้ำอย่างถูกต้อง ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ รักษาระดับความเข้มข้นของสารฆ่าเชื้อในน้ำให้เหมาะสม ตรวจเช็กระบบกรองเป็นประจำ เพื่อยืดอายุการใช้งานของสระว่ายน้ำ ซึ่งสามารถว่าจ้างผู้ให้บริการดูแลสระว่ายน้ำเข้ามาช่วยในจุดนี้ได้

 

  1. ความปลอดภัย

สำหรับบ้านที่มีเด็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยง ก่อนสร้างสระว่ายน้ำความคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ เช่น มีรั้วล้อมรอบที่ล็อกได้ เพื่อป้องกันเด็กหรือสัตว์เลี้ยงตกลงไป หรือให้ความลึกสระอยู่ในระดับที่ผู้ใหญ่ยืนแล้วหัวพ้นน้ำ ระบบกรองและระบบไฟต่าง ๆ ต้องเลือกที่มีมาตรฐานเท่านั้น หลีกเลี่ยงการใช้ปลั๊กไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้ารอบสระ รวมถึงพื้นรอบสระต้องไม่ลื่น เพื่อให้ได้สระว่ายน้ำที่ตอบโจทย์ความต้องการและปลอดภัยต่อการใช้งานมากที่สุด

 

หากพิจารณาปัจจัยทั้งหมดนี้ แล้วพบว่าการสร้างสระว่ายน้ำตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณของคุณ ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะสระว่ายน้ำสามารถมอบทั้งประโยชน์ด้านสุขภาพและความสุขให้กับครอบครัวได้

 

 

“Como Primo” เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับ Luxury จาก Areeya Property ตั้งอยู่บนถนนบางนาตราด กม.10 ใกล้กับแหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำและช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ เช่น เมกาบางนา อิเกียบางนา และเซ็นทรัลบางนา ออกแบบภายใต้แนวคิด “Urban Botanical” เน้นการผสานความเป็นเมืองและความร่มรื่นของธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน และยังสามารถเลือกเพิ่มสระว่ายน้ำส่วนตัวในบริเวณบ้านได้ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบพูลวิลล่าอย่างแท้จริง ดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมได้ที่นี่