เมื่อ Home Office กำลังเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์กว่าในยุคเถ้าแก่ 4.0

ปัจจุบันเทรนด์ออฟฟิศแนวใหม่มีความหลากหลายตามกระแสการทำธุรกิจและรูปแบบเปลี่ยนไปมากกว่าเดิม ซึ่งการเติบโตเทคโนโลยียุคดิจิทัลยังเปลี่ยนพฤติกรรมคนยุคใหม่จากเดิมทั้งเรื่องไลฟ์สไตล์และมุมมองการทำงานคนยุคนี้ การกลับมาของ Home Office สำหรับคนเจนวาย ( Gen Y ) หรือมิลเลนเนียล และเจนเนอเรชันซี ( Gen Z ) ที่มีค่านิยมในเรื่องการทำงาน โดยมีแนวโน้มหันมาเลือกเป็นฟรีแลนซ์ หรือเป็นเจ้านายตัวเองมากขึ้น แทนการเติบโตในองค์กรขนาดใหญ่แบบคนยุคก่อน เพราะมองว่าตอบโจทย์การใช้ชีวิตและประสบความสำเร็จได้เร็วกว่า

รูปภาพจากโครงการเดอะ พาร์ที เกษตร-นวมินทร์ ( โฮมออฟฟิศ )

รูปภาพจากโครงการเดอะ พาร์ที เกษตร-นวมินทร์ ( โฮมออฟฟิศ )

จึงเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้กระแส Home Office กลับมาบูมอีกครั้ง เพราะถือเป็นอีกทางเลือกที่ผู้ประกอบการกลุ่ม SMEs ให้ความสนใจ ซึ่งยังเกิดจากหลายปัจจัย คือ

  1. การเติบโตของธุรกิจ SME และ Startup ใหม่ๆ
    เมื่อเทรนด์สตาร์ทอัพกำลังขยายตัวจากการส่งเสริมของทั้งภาครัฐและเอกชน จึง ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโฮมออฟฟิศเพราะมองว่าคุ้มค่ากว่า
  2. ราคาเช่าสำนักงานในอาคารใหญ่เริ่มปรับตัวขึ้นตลอดเวลา
    ในช่วงไม่กี่ปีให้หลัง โดยเฉพาะการเช่าอาคารสำนักงานในย่านศูนย์กลางย่านธุรกิจ ทั้ง CBD หรือ New CBD รวมถึงตามเส้นทางรถไฟฟ้า จนหลายคนอาจลำบากหรือเบื่อที่จะต้องหาพื้นที่ใหม่
  3. ความคุ้มค่ากว่าในแง่การลงทุน
    การซื้ออาคารโฮมออฟฟิศสามารถกลายเป็นสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ของบริษัทได้ และยังคุ้มค่าลดระยะเวลาเดินทาง เพราะฟังค์ชันของโฮมออฟฟิศออกแบบเพื่อตอบโจทย์เป็นทั้งที่ทำงาน และที่พักอาศัยในพื้นที่เดียวกัน ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง จึงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
  4. สร้างสมดุลการใช้ชีวิตแบบ Work & Life Balance
    เมื่อไม่ต้องเดินทางไปทำงาน ทำให้มีเวลาในการพักผ่อนหรือให้เวลากับกิจกรรมครอบครัวมากขึ้น
  5. ฟังค์ชันการออกแบบตอบโจทย์การใช้ชีวิต
    Home office มักมีการออกแบบ Function ภายนอกและภายในที่เหมาะกับบรรยากาศการทำงาน อาทิการจัดสรร พื้นที่นั่งทำงาน ห้องประชุม และยังออกแบบสำหรับพื้นที่พักอาศัยลงตัว ทั้งการออกแบบที่สามารถยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ สามารถรองรับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงในการขยับขยายในอนาคต อีกปัจจัยสำคัญที่เหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่กลับเป็นปัญหาสำคัญของการมีออฟฟิศสมัยนี้ คือเรื่องจอดรถที่ไม่พอเพียง ทั้งสำหรับลูกค้าและพนักงาน ซึ่งโฮมออฟฟิศมักจะคิดตรงจุดนี้ไว้แล้ว ปักหมุด ทำเลทองของ Home Office เมื่อก่อนหากจะเลือกที่ทำงาน หลายคนอาจมองทำเล CBD เป็นอันดับแรก เพราะความสะดวกแต่หลังความแออัด และราคาที่ดินที่มีพื้นที่จำกัด ทำให้หลายธุรกิจเริ่มมองพื้นที่รอบนอกที่เดินทางสะดวกหรืออยู่ใกล้กับย่านศูนย์กลางธุรกิจมากขึ้น หากย้อนไปในช่วงหลายสิบปีก่อน ย่านโฮมออฟฟิศสุดโด่งดังหนีไม่พ้น “ทาวน์อินทาวน์” ถนนศรีวรา ถนนลาดพร้าว และรามอินทรา (ในโซนวัชรพล หรือซอยนวลจันทร์) ถือเป็นศูนย์กลางที่รวมตัวของบรรดาเอเจนซีเฮาส์ โพรดักชั่นเฮาส์ สตูดิโอถ่ายภาพ และธุรกิจในแวดวงครีเอทีฟที่ทำงานด้านความคิดสร้างสรรค์

แต่ปัจจุบันโซนดังกล่าวเริ่มอิ่มตัว เพราะความหนาแน่นของอาคารสำนักงานที่มารวมตัวกันในย่านนี้ ขณะที่พื้นที่กลับมีจำกัดลง อีกทั้งการจราจรบนเส้นลาดพร้าวก็สร้างปัญหาไม่น้อย หลังมีการขยายตัวของเมือง ที่เกิดจากแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าของภาครัฐ ส่งผลให้มีการขยับขยายพื้นที่ออกมาในโซนรามอินทรา เรื่อยมาจนถึง “เกษตรนวมินทร์” มากขึ้น เพราะทำเลดังกล่าวยังอยู่ไม่ห่างจากโซนเดิมของสำนักงานของชาวครีเอทีฟและเอเจนซี่มากนัก แต่สะดวกในเรื่องการเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อถนนธุรกิจสำคัญ และยังใกล้กับที่พักอาศัยของพนักงานในโซนลาดพร้าว ซึ่งมีชื่อในความเป็น ที่พักอาศัย ของคนวัยทำงาน ที่สำคัญราคาที่ดินแถบนี้ยังไม่แรงมากเท่าโซนเมืองชั้นในและ CBD ปัจจุบันจึงเห็นโครงการโฮมออฟฟิศผุดขึ้นต่อเนื่องหลายโครงการ

“เกษตรนวมินทร์”
ศูนย์กลางสังคมนักสร้างสรรค์แห่งใหม่

“เกษตรนวมินทร์” เป็นทำเลใกล้เมือง ที่น่าสนใจ เดิมเป็นทำเลที่อยู่อาศัยชุมชนบ้านเดี่ยวริมถนนใหญ่ มีทั้งหมู่บ้านจัดสรรผุดขึ้นมากมาย ต่อมาในย่านนี้จึงมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เช่น สตูดิโอถ่ายภาพ ห้องอัดเสียงและซ้อมดนตรี บริษัทสถาปัตยกรรมออกแบบ ธุรกิจตัดต่อภาพยนตร์ และโพสต์โพรดัคชัน ศูนย์ออกแบบและศูนย์การค้าด้านดีไซน์ ทำเลนี้จึงกำลังกลายเป็นโซนที่ทำงานแหล่งธุรกิจใหม่ของกลุ่มอาชีพสร้างสรรค์ ครีเอทีฟคนรุ่นใหม่มากขึ้น

รูปภาพจากโครงการเดอะ พาร์ที เกษตร-นวมินทร์ ( โฮมออฟฟิศ )

รูปภาพจากโครงการเดอะ พาร์ที เกษตร-นวมินทร์ ( โฮมออฟฟิศ )

ทั้งยังสามารถเดินทางเชื่อมไปยังถนนสายหลัก และสายรองมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นวมินทร์ พหลโยธิน วิภาวดีรังสิต รามอินทรา ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา ประเสริฐมนูญกิจ นวลจันทร์ ลาดพร้าว เสรีไทย และรามคำแหง และใกล้ทางด่วน ได้แก่ ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และยังอยู่ใกล้กับวงแหวนรอบนอก กาญจนาภิเษก ที่สามารถเดินทางไปยังพื้นที่ชั้นนอกรอบๆ กรุงเทพฯ ได้

โดยในอนาคตกำลังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และ รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี วิ่งผ่าน ที่คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2563 สายสีเชียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และสายสีเทา ช่วงวัชรพล-สะพานพระราม 9 วิ่งเชื่อมเกษตรนวมินทร์กับย่านใจกลางเมืองอื่นๆ จะสังเกตเห็นว่าเริ่มมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และคอมมูนิตี้มอลล์ ไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัลอีสวิลล์ The Walk เกษตรนวมินทร์ The Crystal Design Center หรือ CDC ศูนย์กลางสินค้าออกแบบและเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านครบวงจร และร้านอาหารและแหล่งแฮงค์เอาท์ ไปจนถึงตลาดนัดกลางคืนในพื้นที่มากมาย ซึ่งในอนาคต ยังจะมีเส้นทางรถไฟฟ้าสายต่างๆ ยิ่งทำให้ย่านนี้คึกคักมากขึ้น

ด้วยทำเลที่ตอบโจทย์จึงเริ่มมีโครงการโฮมออฟฟิศเริ่มเปิดตัวหลายโครงการ เพราะเล็งเห็นว่าสังคมในทำเลนี้จึงเป็นสังคมคุณภาพที่ให้ Work Life Balance ได้ และมีความเป็นย่านที่มีคุณสมบัติครบในการเป็นโฮมออฟฟิศ

ซึ่งระยะหลังจึงมีโครงการโฮมออฟฟิศระดับไฮเอ็นด์หรือลักชัวรี กำลังก่อสร้างในทำเลนี้ หนึ่งในนั้นคือโครงการ The Parti by Areeya ซึ่งตั้งอยู่บนทำเลถนนลาดปลาเค้า ซึ่งเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อถนนหลักสำคัญหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น เกษตรนวมินทร์ พหลโยธิน ลาดพร้าว รามอินทรา

รูปภาพจากโครงการเดอะ พาร์ที เกษตร-นวมินทร์ ( โฮมออฟฟิศ )

โดยอารียา เป็นอีกแบรนด์ผู้พัฒนาฯ ที่ได้ชื่อว่ามีความโดดเด่นด้านการออกแบบโครงการมีเอกลักษณ์ และพัฒนาโครงการได้ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ สำหรับ The Parti อารียาจึงวางกลยุทธ์เป็นโครงการโฮมออฟฟิศแนวหรูที่มีแคแรคเตอร์เฉพาะ ซึ่งมาพร้อมคอนเสปท์ Creative – Community – Connectivity ( ครีเอทีฟ – คอมมูนิตี – คอนเน็คทิวิตี ) การมีชีวิตและโลกการทำงานที่สมบูรณ์แบบท่ามกลางโลเคชันสังคมนักสร้างสรรค์ที่เชื่อมต่อทุกความต้องการของชีวิตและธุรกิจ เจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็น New Gen Entrepreneurs และ The Modern Family Business Owners ที่มองหาหรืออยากสร้างอาณาจักรที่เป็นตัวเอง

ด้วยแนวคิดการออกแบบจึงน่าจะตอบโจทย์กลุ่มนักธุรกิจหรือเจ้าของกิจการ SMEs ขนาดกลางรุ่นใหม่ ในแวดวงงานครีเอทีฟสร้างสรรค์ที่ต้องการหาจุดศูนย์กลางของการใช้ชีวิตแบบที่เป็นตัวเอง ซึ่งด้วยรูปแบบธุรกิจที่ทำจึงต้องการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ได้ทุกวัน และยังอยู่ท่ามกลางบรรยากาศของที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบมีคุณภาพ และมีรสนิยม

อีกจุดเด่นสำคัญของโครงการ นอกจากการออกแบบที่โดดเด่นตามสไตล์ Creative Community เน้นแนวคิดสร้างสรรค์ เรียบง่าย แต่ให้ความอบอุ่นสำหรับผู้อยู่อาศัย การเลือกใช้วัสดุคุณภาพ การพัฒนาโครงการเน้นพื้นที่สีเขียวและล้อมรอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีมาเสริมเพิ่มความสะดวกสบายแบบที่อยู่อาศัยยุคใหม่แล้ว

The Parti by Areeya ยังมีเอกลักษณ์ด้วยตัวผู้อยู่อาศัยยังสามารถเลือกออกแบบ จัดสรรพื้นที่และฟังค์ชันการใช้งานได้ด้วยตัวคุณเองได้ ซึ่งจะตอบโจทย์กลุ่มเจ้าของธุรกิจหรือครอบครัวยุคใหม่ที่ชอบออกแบบปรับปรุงที่อยู่อาศัยที่ตรงตามรสนิยมตัวเอง

โครงการที่เกี่ยวข้อง