ปั๊มน้ำมีเสียงดังแปลกๆ แก้ยังไง

ปั๊มน้ำเสียงดัง แปลกๆ อาจมาจากหลายสาเหตุ เช่น ปั๊มน้ำทำงานแต่ไม่มีน้ำเข้ามาที่ตัวปั๊ม เพราะน้ำประปาไม่ไหลหรือน้ำในถังเก็บน้ำแห้ง หรือถ้ามีเสียงดังเป็นจังหวะและต่อเนื่อง ก็อาจเป็นเพราะมีสิ่งของชิ้นเล็กๆเข้าไปรบกวนการหมุนของมอเตอร์ปั๊มน้ำ ซึ่งครั้งนี้ผมขอพูดถึงในกรณีหลังนะครับ

ที่ด้านหลังมอเตอร์ปั๊มน้ำ มีใบพัดเพื่อช่วยระบายความร้อนจากมอเตอร์ปั๊มน้ำ เป็นจุดที่จิ้งจกหรือแมลงต่างๆสามารถมุดเข้าไปได้ หรือถ้าวางปั๊มน้ำอยู่ใกล้พื้นสนามหญ้า หอยทากก็สามารถเข้าไปได้เช่นกัน ทำให้ ปั๊มน้ำเสียงดัง

เสียง ปั๊มน้ำเสียงดัง ที่ผิดปกติอีกจุดหนึ่งจะเกิดที่ใบพัดของปั๊มน้ำเองตรงด้านหน้ามอเตอร์ ผมเคยพบกรวดก้อนเล็กๆ หลุดเข้ามาในระบบน้ำได้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหลุดเข้ามาได้อย่างไร ทั้งที่มีแท็งค์น้ำต่ออยู่ก่อนเข้าปั๊ม ซึ่งก้อนกรวดเล็กๆ เช่นนี้ควรจะตกอยู่ก้นแท็งค์น้ำ ไม่น่าหลุดลอดออกมาได้ ตอนนั้นยังดีที่ก้อนกรวดไม่เข้าไปขัดการหมุนของมอเตอร์ไม่งั้นมอเตอร์ไหม้แน่ๆ

ขั้นตอนการแก้ไข ปั๊มน้ำเสียงดัง

ขั้นแรกลองฟังเสียงการทำงานของปั๊มน้ำในขณะที่เดินเครื่อง ว่าเสียงที่ได้ยินมาจากส่วนหน้าหรือส่วนหลังของมอเตอร์ปั๊มน้ำ จะได้ถอดชิ้นส่วนออกมาดูได้ถูกจุด หลังจากกำจัดเศษวัตถุต้นเหตุออกไปแล้ว ก็ประกอบชิ้นส่วนกลับเข้าที่ เสียงรบกวนก็จะหายไป

ปั๊มน้ำที่ใช้ข้อต่อแบบ Union ทำให้สามารถถอดปั๊มน้ำออกมาได้ง่าย


ด้านหลังของตัวมอเตอร์ เป็นพัดลมระบายอากาศ สัตว์ตัวเล็กๆ ชอบแอบมุดเข้าไป

ด้านหน้ามอเตอร์ ต่อกับใบพัด เป็นช่องน้ำเข้าและออก

ถ้าเสียงดังมาจากด้านหลัง ลองตรวจสอบที่พัดลมระบายอากาศ

ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ไม่ทำงานตลอดเวลา สัตว์ต่างๆ จะหลบเข้าไปตอนมอเตอร์หยุด แล้วหนีออกมาไม่ทันตอนมอเตอร์ทำงาน

ถ้าเสียงดังมาจากด้านหน้า อาจเพราะมีเศษวัตถุหลุดเข้าไปและติดขัดที่บริเวณใบพัด การถอดต้องสังเกตตำแหน่งของฝาปิดให้ดี หากใส่กลับเข้าไปผิดตำแหน่ง ปั๊มจะทำงานผิดพลาดทันที ในกรณีนี้ ผมสังเกตที่ตัวลูกศรแสดงทิศทางการหมุน ว่าต้องอยู่ในตำแหน่งบนซ้าย เมื่อหันเข้าหาปั๊มน้ำ ถ้ากลัวพลาดให้ใช้มือถือถ่ายภาพเอาไว้ก่อนถอดครับ


ใบพัดของปั๊มน้ำมีขนาดเล็ก ช่องน้ำเข้าออกก็เล็ก ถ้ามีเศษวัตถุหลุดเข้าไป โอกาสที่มอเตอร์จะหยุดทำงานมีสูง แต่ถ้าไม่หยุดทำงาน ก็จะมีเสียงดัง

awsa

น้ำซึมจนผนังห้องน้ำมีคราบ ต้องแก้อย่างไร?

ร่องรอย น้ำซึม บนผนังห้องน้ำ หากไม่รีบแก้ไข น้ำอาจไหลผ่านพื้นกระเบื้องห้องน้ำลงไปด้านล่าง จนทำให้เพดานซึ่งเป็นฝ้าฉาบเรียบเปียกจนเป็นรู ซึ่งกว่าจะมองเห็นพื้นห้องน้ำที่มีเหล็กเส้นเป็นส่วนประกอบ อาจขึ้นสนิมเสียหายไปเยอะแล้ว

คราบน้ำปรากฏบนกำแพงหลังห้องน้ำ

ยาแนวหลุดล่อนหายไปหมด ทำให้น้ำซึมผ่านไปได้ พื้นปูนด้านล่างเสียหาย กำแพงเปียกน้ำ และทำลายความแข็งแรงของคานปูนของบ้านนี้ด้วย

น้ำที่ไหลซึมจนทำให้ผนังเปียกแบบนี้ เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเป็นตัวก๊อกน้ำที่เกลียวแตกก็ได้ ข้อต่อท่อน้ำหลุดก็ได้ แต่ในกรณีนี้ สำรวจแล้วพบว่า มีน้ำหยดจากวาล์วน้ำหลังชักโครกที่หมดอายุการใช้งานไปแล้ว เกือบจะตลอดเวลา พื้นกระเบื้องห้องน้ำจึงเปียกตลอด และพื้นห้องน้ำนี้เองที่พบปัญหาร่องยาแนวกระเบื้องหลุดล่อนหายไปหมดแล้ว อาจเป็นเพราะใช้น้ำยาล้างห้องน้ำชนิดที่มีการกัดกร่อนรุนแรงอยู่บ่อยๆ

เมื่อน้ำนองในบริเวณนั้น น้ำจึงซึมผ่านรอยต่อของกระเบื้องที่ไม่มียาแนวซึมลงไปด้านล่าง ทั้งที่พื้นและมุมผนัง ทำให้ผนังเปียกชื้นอย่างที่เห็นในภาพ การแก้ปัญหาจึงอยู่ที่การทำความสะอาดร่องระหว่างกระเบื้องให้ดี ก่อนยาแนวลงไปใหม่ให้เต็มทั้งหมดอีกครั้งครับ

awsa

เจ๋งเลย ! 12 Wall Grid ไอเดียแต่งบ้านสวยชิค แถมยังได้ที่เก็บของเพิ่ม

Wall Grid ไอเดียแต่งบ้านสวย ๆ สำหรับตกแต่งภายใน ให้ผนังเปลือยเปล่ามีเรื่องราวจากรูปถ่ายที่สะสมไว้ หรือจะเปลี่ยนเป็นที่เก็บของเพิ่มก็ได้

ถ้าตอนนี้รู้สึกผนังบ้านดูโล่ง ๆ อยากจะหาอะไรมาตกแต่ง วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีไอเดียแต่งบ้านสวย ๆ มาฝาก ซึ่งไอเดียนี้เรียกว่า Wall Grid (วอล กริด) หรือการนำตะแกรงมาติดบนผนัง จากนั้นก็นำรูปถ่ายหรือของใช้มาตกแต่ง นอกจากจะทำให้ผนังจืด ๆ ดูมีชีวิตชีวา มีเรื่องราว และมีความสวยงามเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเท่ากับว่าทำให้มีที่เก็บของเพิ่ม โดยเฉพาะบนโต๊ะทำงาน ก็สามารถใช้ Wall Grid ติดโน๊ตต่าง ๆ ได้อีกด้วย ส่วนตอนนี้ตามเราไปชมไอเดียผนัง Wall Grid สวย ๆ กันเลยค่ะ

79ideas

diyinpdx


urbanoutfitters


blogspot



chapterfriday


blogspot


ruemag



notonthehighstreet


myunfinishedhome

stylist
awsa

9 DIY ดอกไม้แห้ง ใช้แต่งบ้านก็เก๋ ทำของที่ระลึกก็ได้ !

ไอเดียทำของตกแต่งบ้านจากดอกไม้แห้ง พร้อมทั้งยังสามารถนำไปต่อยอดทำเป็นของที่ระลึกได้ด้วย แถมวิธีทำของแต่ละชิ้นก็ง่ายนิดเดียว ถ้าไม่เชื่อก็ตามไปชมพร้อม ๆ กันเลย

ตอนนี้มีประชาชนนำดอกไม้และพวงมาลัยมาสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ ร.9 กันอย่างเนืองแน่น วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอสานต่อนำสารพัดไอเดียในการเปลี่ยนดอกเหล่านั้นไปทำดอกไม้แห้งให้ใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น อาทิ ไว้ทำของตกแต่งบ้านหรือทำเป็นของที่ระลึกสำหรับแจกมาฝากกันค่ะ นอกจากนี้หากเป็นคนที่ชอบจัดดอกไม้แต่งบ้านอยู่แล้ว จะเอาไปใช้บ้างก็ได้นะคะ

ถุงบุหงา

ทำง่าย ๆ เริ่มจากนำผ้าสีทองมาตัดเป็นวงกลม พับขอบผ้าลงมาประมาณ 5 มิลลิเมตรแล้วเนาไว้หลวม ๆ ดึงด้ายเพื่อรวบให้เป็นถุงแต่ไม่ต้องแน่น แล้วนำดอกไม้แห้งที่พรมน้ำหอมหรือน้ำอบไว้แล้วนั้นมาใส่ในถุง จากนั้นจึงค่อยดึงด้ายแล้วผูกให้แน่นปิดปากถุงให้สนิท ติดริบบิ้นสีดำกับกระดุมสวย ๆ แล้วนำไปแขวนไว้ตามที่ต่าง ๆ ในบ้านสำหรับปรับอากาศ

สายรุ้ง

อีกหนึ่งวิธีแต่งบ้านแบบง่าย ๆ คือ นำดอกไม้มาตัดก้าน แล้วใช้เข็มร้อยมาลัยมาร้อยด้ายผ่านกลีบเลี้ยง ความยาวของสายรุ้งขึ้นอยู่กับความต้องการและจะร้อยเรียงเป็นดอกไม้สีเดียวกันหรือร้อยสลับสีกันก็ได้ เสร็จแล้วมัดหัว-ท้ายด้ายเป็นปม แล้วนำไปแขวนตกแต่งตามหัวเตียง ห้องนั่งเล่น หรือห้องน้ำให้ดูชิคสุด ๆ ไปเลย

เทียนหอม

เริ่มจากนำเทียนมาอังไฟจนเนื้อเทียมเริ่มนิ่ม นำดอกไม้กดลงไปบนเทียนตามตำแหน่งที่ออกแบบไว้ จากนั้นนำช้อนอังไฟจนร้อนเกลี่ยเนื้อเทียนมากลบดอกไม้บาง ๆ จนมั่นใจว่าดอกไม้จะไม่ร่วงลงมาขณะจุดเทียน เสร็จแล้ววางทิ้งไว้ให้เทียนแข็งตัวก่อนนำไปใช้

มินิวอลเปเปอร์

หากใครอยากแต่งผนังบ้านให้มีกลิ่นอายแบบโบฮีเมียน ก็ให้นำกระดาษมาทาด้วยกาแฟให้ทั่วทั้งแผ่น ทิ้งไว้ให้แห้งและกระดาษออกสีน้ำตาล-เหลืองเหมือนกระดาษเก่า ๆ นำดอกไม้แห้งแต่ละอันมาวางบนกระดาษแล้วติดด้วยเทปกาว ก่อนนำไปตกแต่งผนังบ้านสลับกับภาพเพ้นท์ลายใบไม้สีเขียวสด

กรอบกระจก

ดูเหมือนทำยาก แต่จริง ๆ แล้วง่ายนิดเดียว เริ่มจากหยอดกาวเป็นจุดเล็ก ๆ ลงบนกระจกแผ่นที่ 1 หรือไม้อัด นำดอกไม้ติดลงบนกาว กดให้แน่น รอจนกาวแห้งแล้วใช้แปรงปัดฝุ่นหรือเศษขยะออกอย่างเบามือเพื่อทำความสะอาด จากนั้นค่อยนำแผ่นกระจกอีกบานมาติดประกบลงไป

ถาดวางของ

มาแปลงโฉมถาดให้เก๋ไก๋ดูน่าใช้งานกันเถอะ หากมีดอกไม้ทับแห้งอยู่แล้วก็นำมาทำได้เลย แต่ถ้ายังไม่มีก็นำดอกไม้สดมาทับให้แบนซะก่อน จากนั้นก็วางเรียงลงในถาด จัดเลย์เอาท์ให้สวยงาม ติดกาวให้แน่น เมื่อกาวแห้งดีแล้วค่อยเทเรซินเคลือบลงไป ใช้ไม้เกลี่ยให้เสมอกัน แล้วทิ้งไว้จนเรซิ่นแข็งตัว

ที่คั่นหนังสือ

เริ่มจากตัดกระดาษให้เป็นรูปที่คั่นหนังสืออย่างที่ต้องการ จากนั้นหยอดกาวเป็นจุดเล็ก ๆ บนดอกไม้แห้ง แล้วนำมาติดกับกระดาษที่เตรียมไว้ จากนั้นก็นำแผ่นสติ๊กเกอร์ใสติดตามลงไป หรือจะเคลือบด้วยแผ่นพลาสติกเพื่อความแข็งแรงก็ได้ แค่นี้ก็จะมีที่คั่นไว้ใช้งานแล้ว

โมบาย

นอกจากดอกไม้แห้งจะนำมาทำที่คั่นหนังสือได้แล้ว มันยังสามารถนำดัดแปลงให้เป็นโมบายแขวนแต่งหน้าต่างได้อีกด้วย เพียงแค่นำดอกไม้แห้งมาเคลือบพลาสติกใส ตัดออกมา เจาะรูและร้อยเชือกดอกไม้ทั้งหมดเป็นเส้นยาว จะนำไปแขวนแต่งหน้าต่างหรือแต่งประตูก็สวยงามไม่แพ้กัน

สเปรย์ปรับอากาศ

เทน้ำอุ่น 2 ถ้วยตวง ลงในขวดสเปรย์ ตามด้วยวอดก้าหรือรับบิ้ง แอลกอฮอล์ 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบ 15-20 หยด นำก้านดอกไม้แห้งติดไว้ใต้หัวสเปรย์ ก่อนบิดเกลียวปิดขวดให้สนิท ก่อนจะนำไปใช้อย่าลืมเขย่าขวดทุกครั้งนะคะ

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เราก็หวังว่าคงไม่มีใครอยากจะโยนดอกไม้แห้งทิ้งถังขยะแล้วใช่ไหมล่ะคะ แต่ถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะต่อยอดดอกไม้แห้งเพื่อนำมาใช้งานได้อย่างไร ก็ลองนำไอเดีย DIY เหล่านี้ไปทำดูนะคะ เพราะนอกจากจะได้ใช้งานแล้ว ยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แถมยังช่วยลดปริมาณขยะได้อีกเยอะเลย

awsa

7 เคล็ดลับเปลี่ยนบ้านน่าอยู่ได้สวยตามใจ

บางครั้งบ้านหลังเก่าที่อยู่มานาน อาจทำให้เกิดอารมณ์เบื่อขึ้นมาได้ หากเพื่อนๆ คนไหนกำลังเจอปัญหาแบบนี้อยู่ วันนี้เรามี 7 เคล็ดลับดีๆ มาแนะนำค่ะ บอกเลยว่าไม่ยาก เพียงแค่ขยับของชิ้นเดิมหรือเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ก็สามารถทำให้การตกแต่งภายในบ้านดูน่าสนใจขึ้นมาแล้ว

กล่องตะกร้า จัดเก็บเป็นระเบียบ

การจัดเก็บที่แตกต่าง กองของสะสมที่มากเกินจะจัดวางบริเวณห้องนอนหรือห้องทำงาน อาจเกิดขึ้นได้ง่ายและเป็นปัญหากับหลายๆบ้าน ทางแก้สุดเบสิคที่นิยมนำมาใช้กันก็คือ ตะกร้าหรือกล่องลวดลายเก๋ๆ ที่ควรเป็นตะกร้าและกล่องนั้น ก็เพราะง่ายต่อการเคลื่อนย้าย อีกทั้งยังกลายเป็นของแต่งบ้านได้ด้วย คราวนี้ก็ขจัดปัญหาของรกกวนใจได้แล้ว สุดท้ายควรเลือกโทนสีและสไตล์ให้ใกล้เคียงกับห้องนั้นๆด้วยนะคะ เพื่อเพิ่มการตกแต่งภายในให้บ้านสวยยิ่งขึ้น  7 เคล็ดลับเปลี่ยนบ้านน่าอยู่ได้สวยตามใจ

อัพเดททุกวัน

ร้อนนี้สีสดต้องมา ลองสลัดผ้าปูที่นอนผืนเดิมทิ้งไปก่อน หรือโยนปลอกหมอนออกไปบ้าง แล้วเลือกใช้ผ้าปูสีสันสดใสแทน อาจจะเป็นสีเขียวหรือสีฟ้าเพื่อสื่ออารมณ์ถึงความเป็นธรรมชาติก็ได้ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องง่ายๆที่จะทำให้คุณมีห้องนอนเสมือนใหม่ทุกฤดูกาล  7 เคล็ดลับเปลี่ยนบ้านน่าอยู่ได้สวยตามใจ

หลอกลวงตา

ไอเดียสำหรับตกแต่งห้องที่มีขนาดเล็กและห้องที่มีเพดานต่ำ โดยการแขวนผ้าม่านให้ชิดติดกับเพดานแทนที่จะติดแค่ริมขอบหน้าต่าง เพราะวิธีนี้จะช่วยสร้างบรรยากาศของห้องให้ดูโปร่งสบายและสูงขึ้น หยิบจับเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งห้องนั่งเล่นให้น้อยชิ้นที่สุด เลือกดีไซน์สวยงาม เช่น พรมผืนบางๆก็สามารถเสริมเสน่ห์ให้ห้องได้เช่นกัน  7 เคล็ดลับเปลี่ยนบ้านน่าอยู่ได้สวยตามใจ

ร้างมิติให้เพดาน

เพิ่มเพดานต่ำให้มีอะไรมากไปกว่าการทาสีด้วยไอเดียผสมสีขาวและสีที่ทาบนผนัง แล้วนำไปทาที่เพดานเพื่อให้ได้สีห้องที่ดูกลมกลืนเพิ่มเติมด้วยผ้าม่านซาตินที่ให้ความรูสึกพริ้วไหวนุ่มสบาย ทำให้ห้องนอนนี้ดูน่าทิ้งตัว  7 เคล็ดลับเปลี่ยนบ้านน่าอยู่ได้สวยตามใจ

จัดโซลูชั่นใหม่ให้ห้องทานอาหาร

สร้างความมีชีวิตชีวาให้กับห้องทานอาหารโทนสีอบอุ่น โดยการนำผ้าทีมีเนื้อนุ่มน่าสัมผัสมาวางคลุมไว้ที่โต๊ะสร้างบรรยากาศอบอุ่นน่าเชื้อเชิญ มีสีสันที่เชื่อมโยงกับอดีต แต่ก็ควรที่จะจัดวางอย่างระมัดระวังด้วยเพราะถ้ามีคนนั่งแล้วอาจจะลื่นลงได้  7 เคล็ดลับเปลี่ยนบ้านน่าอยู่ได้สวยตามใจ

สร้างลุคโมเดิร์นแฝงไปด้วยสไตล์คลาสสิก

ด้วยชั้นหรือที่เก็บของแบบเปิดโล่งอีกหนึ่งไอเดียที่ผู้คนให้ความสนใจและกำลังนิยมทำเป็นอย่างมาก ง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและยังช่วยให้มุมนั้นดูเป็นระเบียบมากขึ้นอีกด้วย ช่วยให้ของที่ตั้งโชว์อยู่บนชั้นน่ามอง  7 เคล็ดลับเปลี่ยนบ้านน่าอยู่ได้สวยตามใจ

ไอเดียแนวตั้ง

สร้างอิสระให้กับพื้นที่ด้วยไอเดียตกแต่งบ้านแบบแนวตั้ง เพื่อการประหยัดพื้นที่และการสะดวกสบายที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชั้นลอย หรือตะขอแขวนเสื้อผ้า ก็ช่วยให้เก๋ไก๋ ปรับเปลี่ยนความน่าเบื่อในบ้านให้อินเทรนด์ได้ไม่ยากค่ะ

awsa

เผย 14 เทคนิคแต่งบ้าน รู้แล้วแต่งบ้านเองได้ ไม่สิ้นเปลือง

ไม่ว่าคุณกำลังคิดจะแต่งห้องไหน ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ หรือว่าห้องครัว สิ่งสำคัญที่ต้องนึกถึงนอกจากเรื่องของสไตล์แล้ว ยังมีเรื่องของความสมดุลด้วย ห้องที่ได้รับการตกแต่งอย่างลงตัว จะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย สบาย แต่หากห้องมีความเยอะ หรือรกเกินไป จะส่งผลในทางตรงกันข้าม หลายคนต้องให้มันฑนากร หรือนักออกแบบตกแต่งภายใน มาเป็นคนแต่งบ้าน หรือแต่งห้องให้ เพราะพวกเขามีความเชี่ยวชาญและเลือกสรรได้ลงตัว แต่ถ้าหากคุณทราบ 15 เทคนิค ที่พวกมัณฑนากรไม่เคยบอกคุณ ดังต่อไปนี้การแต่งห้องของคุณจะเป็นเรื่องง่าย และลงตัวขึ้นอีกเยอะ

1.ให้ความสำคัญเรื่องแสงและสี

เพดาน หรือฝ้าที่มีสีเข้ม ไม่ว่าจะเป็นไม้ หรือเป็นการทาสีเข้มก็ตาม ส่งผลกระทบต่อห้องทั้งห้อง สีเพดานที่เหมาะที่สุด คือสีขาว เพราะสีขาวนั้นสะท้อนแสง ทำให้ห้องดูสว่าง และกว้าง สีครีม สีมินท์ หรือเหลืองอ่อน ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน หากไม่ต้องการใช้สีขาว

2.สีเข้ม และสีโทนอุ่น สามารถใช้เป็นทางเลือกได้

พวกนักออกแบบจะใช้สีเข้มเพื่อทำให้ห้องดูหรูหรา และดูมีความลึกได้ ดังนั้น สีน้ำเงินเข้ม สีถ่าน ก็เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม สำหรับการนำมาใช้ในห้องที่ต้องการความรู้สึกว่าเป็นห้องของผู้มีบารมี

3.อย่าเอาของรกๆ ไปเก็บไว้ในโรงรถหรือใต้บันได

ของที่ไม่จำเป็นแล้วให้เอาออกไป ไม่ควรเสียดายแล้วเก็บเอาไว้ในส่วนที่เราอยู่อาศัย เพราะทำให้รก ดูไม่สะอาดตา แถมยังเปลืองพื้นที่

4.ควรให้มีพื้นที่ว่างบ้าง

ทุกที่ ทุกมุม ไม่จำเป็นต้องมีเฟอร์นิเจอร์ นักแต่งบ้านส่วนมากมักจะเลือกเฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ที่ใช้งานได้หลายอย่าง เพื่อทำให้บ้านมีพื้นที่ว่างบ้าง

5.ใช้มู่ลี่ปรับแสงที่หน้าต่าง

การใช้มู่ลี่ ทำให้เราสามารถปรับแสงที่จะส่องผ่านเข้ามาในบ้านให้เหมาะสมได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นเช้า กลางวัน หรือกลางคืน

6.ใช้พรม

สำหรับพื้นหินอ่อน พื้นไม้ หรือพื้นวัสดุอื่น ๆ ที่มีผิวเรียบลื่น ยิ่งบ้านที่อยู่ในสภาพอากาศเย็น พรมจะช่วยให้อุ่นขึ้น

7.ในครัวให้มีแสงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ไม่ว่าจะเป็นครัวขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ มีอุปกรณ์มากหรือน้อย ก็ต้องทำให้มีแสงสว่างมากที่สุด ความสว่างต้องมากพอที่จะทำให้เราทำอาหารในเวลากลางคืนได้

8.ทำให้ห้องดูมีเพดานสูง

วิธีการนี้ ไม่ยากอย่างที่คิด แค่ทาสีเพดานด้วยเฉดที่ต่างจากผนัง จะทำให้สัดส่วนของห้องดูเปลี่ยนไป นอกจากนี้ การห้อยโคมไฟลงมาจากเพดาน ก็ทำให้ห้องดูน่าสนใจขึ้น หรืออาจจะใช้ชั้นวางหนังสือ ติดผนัง ติดรูป ติดกระจก หรือใช้ม่านช่วย ก็สามารถจะทำให้ห้องดูสูงขึ้นได้เช่นกัน

9.หัวเตียงเป็นวัสดุที่เป็นของแข็ง

หัวเตียงไม้นั้นตามหลักฮวงจุ้ยบอกว่าดีมาก เพราะช่วยรองรับพลังบวกในขณะที่เรานอน การมีหัวเตียงที่แข็งแรง ก็เป็นการรองรับการนอนที่ดีไม่ต่างจากการนั่ง ที่ต้องการพนักเก้าอี้ที่ดีเช่นกัน

10.เครื่องนอน ควรจะเป็นโทนสีหวาน หรือสีพาสเทล

ในเมื่อเราต้องทำภาระกิจต่าง ๆ มากมายในช่วงกลางวัน การนอนจึงสำคัญมาก เราควรนอนในที่ปลอดภัย สีโทนหวานเช่น ม่วงอ่อน เขียวอ่อน ชมพูอ่อน สีฟ้า หรือโทนอ่อนอื่น ๆ รวมทั้งโทนสีพาสเทล ทำให้เกิดความรู้สึกสงบ และสบาย

11.หลังเตียงนอนควรมีผนังรองรับ

ใม่ควรนอนใต้หน้าต่าง หัวนอนควรเป็นจุดที่เป็นผนังรองรับ

12.เตียงควรจะเลือกที่มีขา ใต้เตียงโปร่ง

ร้านเฟอร์นิเจอร์จำนวนไม่น้อย ออกแบบเตียงให้มีที่เก็บของใต้เตียง แต่ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ไม่แนะนำให้ใช้เตียงแบบนั้น พวกมันฑนากรเองก็เช่นกัน เขามักจะเลือกเตียงที่มีขายกสูงจากพื้น เพื่อให้ลมผ่านใต้เตียงได้0

13.สองข้างเตียงต้องมีความสมดุล

การทำให้สองข้างของเตียงนอนนั้นมีความสมดุล ก็เพื่อทำให้การนอนมีความสมดุลอาจจะมีโต๊ะหัวเตียง 2 ข้างก็ได้ ยิ่งสำหรับคู่สามีภรรยา ยิ่งต้องจัดให้มีความสมดุลเท่าเทียมกัน เพื่อความสัมพันธ์ที่ดี

14.ต้นไม้ ดอกไม้ไม่ควรนำมาไว้ในห้องนอน

ในกรณีที่ห้องพักมีอยู่ห้องเดียว และมีต้นไม้ หรือดอกไม้ เอาออกไปไว้ข้างนอกไม่ได้ ก็ให้หาที่ตั้ง ที่คุณไม่สามารถมองเห็นมันเมื่ออยู่บนที่นอน

awsa

ทิศห้องนอนเจ้าบ้าน ห้องนอนที่ดีควรอยู่ทิศไหน ปรับอย่างไรให้ถูกหลักฮวงจุ้ย !?

ทิศห้องนอนเจ้าบ้านควรอยู่ทิศไหนดี มาดูทิศห้องนอนที่ดีสำหรับปรับตำแหน่งห้องนอนหรือเตียงในบ้าน ทั้งทิศห้องนอนเจ้าบ้านและคนในครอบครัว

การจัดห้องนอนตามหลักฮวงจุ้ยนั้น นอกจากจะดีต่อดวงชะตาผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังช่วยลดปัญหาการนอนหลับได้อีกด้วย วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอนำทิศห้องนอนเจ้าบ้านมาฝาก อยากรู้ว่าห้องนอนควรอยู่ทิศไหนดี ตำแหน่งห้องนอนของคนในบ้านควรอยู่ตรงไหน ตามมาดูทิศห้องนอนเจ้าบ้าน ตำแหน่งห้องนอนที่ดี ตำแหน่งเตียงนอนและการตกแต่งห้องนอนตามหลักฮวงจุ้ย พร้อมด้วยวิธีการคิดรหัสราศี

ห้องนอน ทิศห้องนอนที่ดี

เนื่องจากห้องนอนแต่ละทิศสามารถส่งผลต่อเจ้าของบ้านได้แตกต่างกัน ฉะนั้นมาดูกันว่าเจ้าของบ้านควรจะเลือกห้องนอนในทิศไหนและหลีกเลี่ยงห้องนอนในทิศไหน ตามหลักฮวงจุ้ยต่อไปนี้ค่ะ

ทิศตะวันตกเฉียงใต้

ห้องนอนในทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นทิศที่เหมาะกับเจ้าของบ้านมาก ๆ เพราะเป็นทิศที่ช่วยส่งเสริมให้ชีวิตของเจ้าของบ้านดีขึ้น การทำงานก็ไหลลื่น การเงินก็ดี มีเสน่ห์ดึงดูดใจ และที่สำคัญยังช่วยส่งเสริมในเรื่องโชคลาภและหน้าที่การงาน

ทิศตะวันตก

ต้องบอกว่าห้องนอนในทิศตะวันตกนี้ให้ผลดีกับเจ้าของบ้านเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสำหรับเจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิง จะยิ่งเหมาะมาก ดังนั้นทิศตะวันตกจึงถือเป็นอีกหนึ่งทิศห้องนอนที่เหมาะสำหรับเจ้าของบ้านค่ะ

ทิศใต้

นอกจากทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันตกแล้ว ทิศใต้ก็เป็นอีกทิศหนึ่งที่เหมาะสำหรับห้องนอนเจ้าของบ้าน ฉะนั้นถ้าบ้านไหนที่ไม่มีห้องนอนอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงใต้หรือทิศตะวันตกล่ะก็ เจ้าของบ้านก็สามารถเลือกทิศใต้แทนได้ค่ะ

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

ห้องนอนในทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นทิศที่ไม่ค่อยเหมาะกับเจ้าของบ้านสักเท่าไร เพราะเชื่อว่าการนอนในทิศนี้จะทำให้ชีวิตไม่มั่นคง มีปัญหาด้านการเงิน และมักจะต้องปวดหัวกับเรื่องงาน ทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็นอยู่บ่อย ๆ ทว่าห้องนอนในทิศนี้เหมาะจะใช้เป็นห้องนอนสำหรับแขกค่ะ

ทิศตะวันออกเฉียงใต้

ห้องนอนในทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นทิศที่ไม่ค่อยเหมาะกับเจ้าของบ้านและสมาชิกคนอื่น ๆ เช่นกัน เพราะตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าจะทำให้นอนไม่ค่อยหลับ รู้สึกวิตกกังวล และเป็นคนใจร้อน

ทิศตะวันออก

ทิศตะวันออกเป็นทิศที่ไม่ค่อยดีสำหรับเจ้าของบ้านเป็นสักเท่าไร ทว่าบ้านไหนที่มีห้องนอนอยู่ในทิศนี้ก็ไม่ต้องเครียดไป เพราะจริง ๆ แล้ว ห้องนอนทิศนี้ดีกับสมาชิกที่เป็นเด็ก เช่น ห้องนอนลูกสาวหรือห้องนอนลูกชาย

ทิศเหนือ

ทิศเหนือก็ไม่ค่อยเหมาะกับเจ้าของบ้านเช่นเดียวกันทิศตะวันออก แต่สามารถใช้เป็นห้องนอนเด็กได้ ฉะนั้นเพื่อให้ถูกหลักฮวงจุ้ย เจ้าของบ้านควรหลีกเลี่ยงห้องนอนทิศนี้จะดีที่สุด

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นทิศที่ไม่เหมาะสำหรับเจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้งทิศตะวันออกและทิศเหนือต่างก็เป็นทิศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการเงินของเจ้าบ้าน ฉะนั้นเจ้าของบ้านหลาย ๆ คนจึงควรหลีกเลี่ยงทิศนี้เอาไว้ ทว่าถ้าหากบ้านไหนที่มีทางเข้าบ้านอยู่ทางทิศตะวันตกหรือบ้านหันหน้าไปหาทิศใต้ ก็สามารถที่จะใช้ห้องนอนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นห้องนอนหลักได้ ส่วนถ้าใครที่ไม่ได้หันไปทางทิศดังกล่าวก็ไม่เป็นไร เพราะจริง ๆ แล้ว ห้องนอนทิศนี้จะเหมาะกับสมาชิกที่เป็นเด็ก ๆ มาก

ตำแหน่งห้องนอนที่ดี

  • ห้องนอนที่ดีควรอยู่ที่ส่วนหลังของบ้าน ส่วนที่ใกล้กับสวนหรือส่วนที่ห่างไกลจากความวุ่นวาย เนื่องจากห้องนอนเป็นสถานที่แห่งการพักผ่อน ซึ่งต้องการความสงบ ฉะนั้นเราจึงต้องเลือกห้องให้ห้องนอนเป็นห้องที่ไม่ค่อยมีอะไรรบกวนและมีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด
  • ห้องนอนที่ดีไม่ควรอยู่เหนือโรงจอดรถ เพราะมีความเสี่ยงที่เราจะถูกรบกวนได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นเสียงรถ ควันรถ เสียงเปิดประตู หรืออุณหภูมิที่ร้อนกว่าปกติด้วย
  • ห้องนอนที่ดีไม่ควรอยู่ใต้ห้องน้ำหรือห้องนั่งเล่น เนื่องจากเสียงจากห้องดังกล่าวอาจรบกวนการนอนหลับ หรือทำให้เราหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทั้งคืน
  • ห้องนอนที่ดีไม่ควรอยู่เหนือหรือใกล้ห้องครัว เพราะความร้อนจากการทำอาหารและตู้เย็นสามารถส่งผลไปถึงห้องนอนด้านบน อีกทั้งยังเชื่อว่าห้องนอนเหนือห้องครัวจะทำให้พลังงานไม่ดีไปรบกวนการนอนหลับได้ง่าย และยังก่อให้เกิดปัญหาเรื่องสุขภาพได้อีกด้วย
  • ห้องนอนที่ดีไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไป เนื่องจากขนาดห้องที่กว้างสามารถทำให้เรารู้สึกสนใจสิ่งรอบข้าง จนทำให้รู้สึกตื่นตัวมากกว่าพักผ่อนได้
  • ห้องนอนที่ดีไม่ควรใช้เพดานสโลปหรือเพดานต่ำ เพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัดหรือไม่สะดวกสบายเท่าที่ควรจะเป็น
  • ห้องนอนที่ดีไม่ควรมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ในห้อง ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ ตู้เย็น โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์ก็ไม่ควรอยู่ในห้อง เนื่องจากสิ่งของเหล่านี้สามารถรบกวนการนอนหลับของคุณได้
  • ห้องนอนที่ดีไม่ควรมีโต๊ะทำงานหรือทำงานเข้ามาทำในห้อง เพราะจะทำให้คุณหลับไปโดยคิดแต่เรื่องงาน แทนที่จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

เตียงนอน ทิศของเตียงนอนที่ดี

ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว ทิศของเตียงนอนที่ดีสามารถดูได้จากรหัสราศี หรือ Kua Number โดยเราสามารถหารหัสราศีของตัวเองได้ดังวิธีต่อไปนี้

  1. นำเลขท้าย 2 ตัวของปีเกิดแบบคริสต์ศักราชมาบวกกัน เช่น เกิดปี 1993 ก็ให้นำ 9+3=12
  2. ถ้าเกิดก่อนช่วงตรุษจีน (ประมาณมกราคม-กุมภาพันธ์) ให้นำตัวเลขที่ได้มาลบออกด้วย 1 แต่ถ้าหากเกิดหลังตรุษจีนไปแล้ว ก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย
  3. ทำให้ตัวเลขที่ได้กลายเป็นเลขเดี่ยว เช่น จาก 12 ก็นำ 1+2=3
  4. ถ้าเป็นผู้ชายให้ลบออกด้วย 10 เช่น 10-3=7 (สำหรับผู้ชายที่เกิดหลังปี 2000 ให้ลบด้วย 9) ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงให้บวกด้วย 5 เช่น 5+3=8 (สำหรับผู้หญิงที่เกิดหลังปี 2000 ให้บวกด้วย 6) เท่านี้เราก็จะได้รหัสราศี (Kua Number) แล้ว

ซึ่งหลังจากที่เราได้รหัสราศี (Kua Number) แล้ว ก็สามารถหันหัวเตียงนอนไปยังทิศทางที่ดีได้ ดังนี้

เลข 1 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศเหนือ (ความก้าวหน้า), ทิศใต้ (ความรัก), ทิศตะวันออก (สุขภาพ), ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ความร่ำรวย)
เลข 2 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศตะวันตก (สุขภาพ), ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (ความร่ำรวย), ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ความรัก), ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ความก้าวหน้า)
เลข 3 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศเหนือ (สุขภาพ), ทิศใต้ (ความร่ำรวย), ทิศตะวันออก (ความก้าวหน้า), ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ความรัก)
เลข 4 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศเหนือ (ความร่ำรวย), ทิศใต้ (สุขภาพ), ทิศตะวันออก (ความรัก), ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (ความก้าวหน้า)
เลข 5 : ทิศที่ดีสำหรับผู้ชาย ได้แก่ ทิศตะวันตก (สุขภาพ), ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (ความร่ำรวย), ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ความรัก), ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ความก้าวหน้า) / ทิศที่ดีสำหรับผู้หญิง ได้แก่ ทิศตะวันตก (ความรัก), ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (ความก้าวหน้า), ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (สุขภาพ), ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ความร่ำรวย)
เลข 6 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศตะวันตก (ความร่ำรวย), ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (สุขภาพ), ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ความก้าวหน้า), ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ความรัก)
เลข 7 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศตะวันตก (ความก้าวหน้า), ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (ความรัก), ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ความร่ำรวย), ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (สุขภาพ)
เลข 8 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศตะวันตก (ความรัก) ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (ความก้าวหน้า) ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (สุขภาพ) ทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ความร่ำรวย)
เลข 9 : ทิศที่ดี ได้แก่ ทิศเหนือ (ความรัก), ทิศใต้ (ความก้าวหน้า), ทิศตะวันออก (ความร่ำรวย), ทิศตะวันออกเฉียงใต้ (สุขภาพ)

***สำหรับบุคคลที่แต่งงานแล้ว ให้ดูตามรหัสราศี (Kua Number) ของสามีค่ะ***

ตำแหน่งของเตียงนอนที่ดี

  • เตียงนอนที่ดีควรดันหัวเตียงติดกับผนัง เพราะจะได้ไม่มีใครเดินผ่านบริเวณหัวรบกวนการนอน
  • อยู่ติดผนังคนละฝั่งและอยู่เยื้องกับประตู ไม่ควรตั้งตรงกับประตูโดยตรง เพราะประตูจะส่งพลังชี่ที่มากเกินไปมายังเตียงและรบกวนการนอน
  • ไม่ควรอยู่ติดกับผนังห้องน้ำหรือผนังห้องครัว เพราะการที่เตียงนอนอยู่ติดกับผนังห้องน้ำอาจทำให้เราได้ยินเสียงน้ำไหล ส่วนผนังติดห้องครัวก็อาจทำให้ความร้อนแผ่มาสู่ห้องนอน
  • ไม่ควรอยู่ใต้คาน เพราะจะทำให้เรารู้สึกไม่สบายและอึดอัด ทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับการนอน
  • เตียงนอนทไม่ควรอยู่ติดผนังเกิน 1 ฝั่ง เพราะหากเราวางเตียงไว้ชิดติดผนังมากกว่านั้น จะทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่ยืดหยุ่น ไม่เป็นอิสระ แถมยังไม่สมดุลกันอีกด้วย
  • เตียงนอนที่ดีไม่ควรตั้งหัวเตียงไว้ต่ำกว่าหน้าต่างหรือติดกับหน้าต่าง เพราะลม กลิ่น เสียง แสงจากหน้าต่างจะรบกวนการนอนของเราได้ อีกทั้งยังสามารถถูกรบกวนจากพลังงานชี่ที่เข้ามาทางหน้าต่างได้ด้วย

ฮวงจุ้ยของเตียงนอนที่ดี

  • เตียงนอนที่ดีต้องสมดุล เพื่อให้พลังงานต่าง ๆ ไหลเวียนได้เท่า ๆ กัน แล้วเพื่อความสวยงามด้วย
  • เตียงนอนที่ดีไม่ควรมีกระจกอยู่ที่ปลายเตียง เพราะกระจกมีพลังงานแฝงมากเกินไป อีกทั้งเงาสะท้อนในกระจกยังรบกวนการนอนได้ด้วย
  • เตียงนอนที่ดีไม่ควรมีชั้นวางของแบบเปิดอยู่ด้านหลัง เนื่องจากชั้นวางของแบบเปิดเปรียบเสมือนมีด ถ้าหากมีอยู่ด้านหลังเตียง ก็สื่อถึงการถูกพูดนินทาลับหลัง
  • เตียงนอนที่ดีไม่ควรมีมุมแหลมชี้มาที่เตียง เพราะมุมแหลมก็เปรียบเหมือนหนาม ซึ่งเป็นสิ่งไม่ดีในทางฮวงจุ้ย
  • เตียงนอนที่ดีไม่ควรมีโคมไฟระย้าหรือพัดลมเพดานติดอยู่บนเพดานเหนือเตียง เพราะจะทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร เนื่องจากกลัวของเหล่านั้นร่วง

เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งห้องนอนที่ดี

  • เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และเตียงนอนในแบบที่ชอบ แต่เรียบง่าย และที่สำคัญต้องนอนสบาย
  • ใช้ไฟสลัวช่วยลดแสงสว่างที่รบกวนการนอน อีกทั้งยังทำให้เราง่วงได้ง่ายขึ้น
  • ติดม่านที่หน้าต่างเพื่อป้องกันแสงเข้ามารบกวนเวลานอนด้วย
  • ตกแต่งด้วยสีที่นุ่มนวล อ่อนโยน ซึ่งช่วยให้คุณหลับสบายมากขึ้น แทนการเลือกสีที่สดใส ฉูดฉาด ซึ่งจะช่วยให้คุณตื่นตัวมากกว่าพักผ่อน
  • อย่าใช้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ในห้องนอน เพราะข้าวของที่ใหญ่และสูงมาก ๆ สามารถทำให้เรารู้สึกอึดอัดและคับแคบได้
  • พยายามอย่าตกแต่ห้องนอนด้วยของหรือรูปภาพแปลก ๆ ที่อาจส่งผลถึงการนอนหลับได้

การจัดห้องนอนตามหลักฮวงจุ้ยก็ทำได้ไม่ยาก เพราะมีให้เลือกกันได้หลากหลายทิศ และหลากหลายรูปแบบ ฉะนั้นถ้าใครอยากให้ห้องนอนของช่วยเสริมดวงชะตาและช่วยให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น ก็อย่าลืมเปลี่ยนห้องนอนให้เป็นไปตามฮวงจุ้ยเหล่านี้นะคะ

awsa

ขั้นตอนการตรวจสอบรับบ้าน

การตรวจรับบ้านถือเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับเจ้าของบ้านเลย เพราะจะต้องตรวจสอบงานก่อนจะรับมอบบ้าน และใช้ความละเอียดถี่ถ้วนมากๆ ในการตรวจสอบ เพราะหากผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้ว เจ้าของบ้านก็จะลงนามในเอกสารรับมอบบ้าน และไปสู่ขั้นตอนสุดท้ายคืออการรับโอนบ้านเเละที่ดินที่กรมที่ดิน ดังนั้นก่อนที่เราจะตรวจรับบ้าน สิ่งสำคัญที่จะต้องท่องจำให้ขึ้นใจเลยก็คือ “บ้านไม่พร้อม ไม่ควรลงชื่อรับบ้านเด็ดขาด” เชื่อว่าหลายคนคงรู้เหตุผลดีอยู่เเล้ว เพราะก่อนจะลงชื่อนั้นอำนาจเด็ดขาดยังเป็นของเราอยู่ สามารถแก้ไขงานต่างๆ ได้ เเต่ถ้าลงชื่อรับมอบบ้านไปแล้วเราก็จะไม่มีอำนาจในการสั่งการใดๆ ดังนั้นเพื่อให้เราพร้อมเวลาไปตรวจรับบ้าน เรามาศึกษาขั้นตอนการเตรียมตัวตรวจสอบบ้านกันก่อนดีกว่า จะได้รู้ว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง?

ขั้นตอนการตรวจสอบรับบ้าน

  1. ก่อนตรวจรับบ้านต้องอ่าน” สัญญาจะซื้อจะขาย” รวมทั้งเงื่อนไขต่างๆ ให้ครบถ้วน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง
  2. วางแผนนัดวันตรวจรับบ้าน เจ้าของบ้านควรมีเวลาว่างอย่างน้อย 1 วันเพื่อนัดตรวจรับตั้งเเต่ช่วงเช้า เพราะหากไปตรวจรับช่วงเย็นหรือตอนกลางคืนจะมีเวลาตรวจน้อยเกินไป เเละอาจมีเเสงสว่างไม่เพียงพอที่จะตรวจสอบข้อบกพร่องต่างๆ ของงานก่อสร้างได้ทั้งหมด
  3. ควรนัดกับเจ้าหน้าที่ของโครงการ ให้ชัดเจนและโทรศัพท์ยืนยันก่อนวันตรวจทุกครั้งเพื่อไม่ให้เสียเวลาทั้งสองฝ่าย
  4. ไม่ควรไปตรวจรับบ้านคนเดียวอย่างน้อยควรไป 2 คน โดยให้อีกคนหนึ่งตรวจสอบ ส่วนอีกคนทำการบันทึกหรือถ่ายภาพ
  5. กวาดสายตาตรวจสอบไล่ไปทีละพื้นที่ของบ้านเริ่มจากหน้าบ้านเเล้วเดินไปรอบๆ บ้านในทิศทางเดียวกันทีละส่วนทีละพื้นที่ ไม่ต้องย้อนกลับไปกลับมา หลังจากนั้นก็ตรวจสอบไล่ไปทีละห้อง ไม่ใช้วิธีการตรวจสอบแบบเดินไร้ทิศทาง
  6. พื้นที่ที่จะต้องตรวจสอบทุกระบบอย่างละเอียด คือ
  • พื้นที่นอกบ้าน เช่น ที่ดิน รั้ว ต้นไม้ หญ้า กรณีบ้านมีพื้นที่เป็นตารางวาสามารถวัดได้ดังนี้
    • พื้นที่ดินเป็นตารางวา = กว้าง (เมตร)xยาว (เมตร) เช่น หน้ากว้าง 15 เมตร ลึก 16 เมตร
    • พื้นที่ดินเป็นตารางวา = 15 เมตรx16 เมตร÷4 = 60 ตารางวา
  • งานโครงสร้าง สังเกตจากการเดินในบ้านว่ามีอาการเอียงหรือเทไปด้านใดด้านหนึ่งหรือไม่ ใช้ระดับน้ำวางบริเวณพื้น หรือตามขอบผนัง หรือเสา เเละสังเกตรอยร้าวต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยรอยร้าวจะเเบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือรอยร้าวที่เป็นอันตรายต่อโครงสร้าง เช่น ผนังมีรอยร้าวเฉียง 45 องศา เเละรอยร้าวที่ไม่เป็นอันตรายต่อโครงสร้าง เช่น ร้าวลายงา
  • ระบบหลังคา
  • งานสถาปัตยกรรม พื้น ผนัง ฝ้าเพดาน ช่องเปิด
  • ระบบไฟฟ้า
  • ระบบสุขาภิบาล
  • อุปกรณ์ประกอบต่างๆ เช่น ประตู หน้าต่าง สุขภัณฑ์ ทั้งหมดคือขั้นตอนการตรวจรับบ้านที่เราสามารถนำไปใช้และสามารถทำได้ด้วยตัวเอง สิ่งสำคัญคือเราต้องละเอียดรอบคอบ เจอจุดที่ต้องแก้ไขอย่าปล่อยผ่านเด็ดขาด และต้องให้โครงการรีบดำเนินการเเก้ไข ไม่อย่างนั้นเราอาจต้องมาเสียใจทีหลังก็ได้นะ
awsa

เทคนิคเลือก “ตำแหน่งห้องครัว” ให้เหมาะกับบ้าน

ตำแหน่งที่ตั้งของห้องครัวนั้นขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นครัวเปิดแบบอยู่ภายในตัวบ้านที่สามารถใช้พื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง หรือเลือกครัวแบบปิด อาจตั้งอยู่นอกบ้าน เเต่ไม่ว่าจะครัวแบบไหนก็ควรหันไปในทิศที่รับแสงและลมให้ผ่านเข้ามาในห้องครัวตามช่องประตู หน้าต่าง และช่องแสง

ทิศของเเสงกับห้องครัว

เเนวคิดหลักก็คือห้องครัวควรอยู่ในทิศที่มีเเสงสว่างส่องเข้าถึงได้ เพื่อให้เเสงแดดได้ฆ่าเชื้อโรคต่างๆ และไล่ความชื้นภายในครัว โดยเฉพาะบริเวณอ่างล้างจานควรอยู่ใกล้กับช่องหน้าต่าง จะได้ช่วยให้อากาศถ่ายเทและระบายกลิ่นต่างๆ เวลาทำกับข้าว นอกจากนี้ยังทำให้ห้องครัวเย็นสบาย …มาดูผลจากการตั้งครัวในเเต่ละทิศกันดีกว่า…

  • ✱ เเสงทางทิศเหนือให้ความสว่างกับห้องครัวได้ตลอดทั้งวัน เเต่ไม่เกิดความร้อน เพราะไม่ใช่ทิศทางโคจรของดวงอาทิตย์
  • ✱ เเสงทางทิศใต้มักจะส่องห้องครัวในช่วงฤดูหนาว เเละจะให้เเสงพอเหมาะในช่วงฤดูร้อน การที่ทำช่องเเสงบนหลังคาทางทิศใต้จะช่วยให้ห้องครัวได้รับเเสงในช่วงฤดูหนาวได้เต็มที่ เพราะในช่วงฤดูหนาวพระอาทิตย์จะอ้อมไปทิศใต้
  • ✱ เเสงทางทิศตะวันออก ห้องครัวที่หันไปทางทิศนี้จะได้รับเเสงแดดตอนเช้า ทำให้ห้องได้รับเเสงสว่างและความร้อนเพราะเป็นทิศที่พระอาทิตย์ขึ้น
  • ✱ เเสงทางทิศตะวันตก ห้องครัวจะได้รับแดดบ่ายจนถึงเย็น ก็จะไม่ค่อยสะดวกสบายถ้าประกอบอาหารในช่วงนี้ ถ้ามีหน้าต่างใช้มูลี่ปรับเเสงหรือม่านบัง หรือจะปลูกต้นไม้เพื่อลดแสงกับความร้อนก็ได้

ตำแหน่งที่เหมาะสมของห้องครัวในบ้าน

โดยทั่วไปชาวตะวันออกเชื่อว่าตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับครัวที่สุดในบ้านคือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นทิศที่รับแสงและลมได้อย่างพอเหมาะ ส่วนถ้าเป็นความเชื่อในเรื่องฮวงจุ้ย จะชอบให้ห้องครัวอยู่ทางทิศตะวันออกและทิศใต้ เพราะทางทิศตะวันออกห้องครัวจะได้รับเเสงแดดตั้งเเต่เช้าถึงเที่ยง เเละช่วงเย็นจะเย็นสบายเวลาทำกับข้าว ส่วนทิศใต้นั้นมีลมพัดผ่าน ทำให้อากาศถ่ายเทได้ดี สำหรับใครที่กำลังสร้างบ้าน ตอนนี้คงตัดสินใจเลือกได้เเล้วใช่มั้ยคะว่าจะสร้างห้องครัวไว้ทางทิศไหนดี ชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้นได้เลย สิ่งสำคัญเลยก็คือแสงเเละลมจะต้องส่องผ่านเข้าไปในห้องครัว เพื่อที่จะช่วยระบายอากาศ ไม่ให้กลิ่นตกค้างในครัวนะคะ

awsa

แนวทางการออกแบบห้องน้ำ สำหรับผู้สูงอายุ

ทุกวันนี้หลายๆคนคงเคยได้ยินมาว่า สังคมไทยของเรากำลังจะกลายเป็นสังคมของผู้สูงอายุในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ทำให้การออกแบบบ้านพักอาศัยทุกวันนี้จะต้องใส่ใจกับรายละเอียดเกี่ยวกับผู้สูงอายุมากยิ่งขึ้น Go Touch Up จะขอแนะนำความรู้เบื้องต้นในการออกแบบห้องน้ำผู้สูงอายุกัน ซึ่งเป็นห้องที่ต้องให้ความใส่ใจในรายละเอียดด้านการออกแบบเป็นพิเศษ

  1. ขนาดของห้องน้ำผู้สูงอายุนั้น ใช้หลักการเดียวกันกับการออกแบบห้องน้ำของผู้พิการ คือความกว้างภายในห้องไม่ควรต่ำกว่า 1.50 เมตร (ตามภาพที่ 1.1) เนื่องจากเป็นระยะที่เหมาะสมสำหรับรถเข็น ระดับพื้นห้องน้ำทั้งหมดต้องเรียบเสมอกัน ไม่ควรลดระดับพื้น หรือทำธรณีประตู เพื่อป้องกันการสะดุดล้ม ที่สำคัญพื้นกระเบื้องห้องน้ำต้องมีผิวที่หยาบ เพื่อไม่ให้ลื่นล้ม (ทางการออกแบบจะเรียกค่าความหยาบของกระเบื้องว่าค่า R ซึ่งควรใช้ค่าความหยาบที่ R10 ขึ้นไป) ส่วนสีของกระเบื้องพื้นและผนัง ควรจะเลือกสีที่แตกต่างกัน เพื่อช่วยในการมองเห็นขอบเขตพื้นที่
  2. ประตูห้องน้ำควรออกแบบให้มีความกว้างอย่างน้อย 90 เซนติเมตร ในรูปแบบบานเลื่อน หรือบานเปิดออก โดยที่มือจับจะต้องเป็นแบบก้านโยก (หรือเรียกว่า มือจับเขาควาย)
  3. แสงสว่างภายในห้องน้ำควรจะมีความสว่างมากกว่าปกติ สีของแสงไฟควรจะเป็นสีขาว (Day light) ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆภายในห้องน้ำได้ชัดเจน
  4. พื้นที่ส่วนเปียก ฝักบัวน้ำควรจะเป็นแบบก้านที่สามารถปรับระดับได้ มีที่นั่งเผื่อไว้สำหรับนั่งอาบน้ำ ความสูงของระยะนั่งประมาณ 45 เซนติเมตร และมีราวจับเพื่อช่วยในการทรงตัว โดยติดตั้งที่ระยะความสูงจากพื้น 60-75 เซนติเมตร
  5. สุขภัณฑ์ต่างๆภายในห้องน้ำเช่น อ่างล้างมือ ควรใช้รุ่นที่เป็นแบบแขวน (Wall hung) เพื่อที่ให้รถเข็นสามารถใช้งานได้อย่างสะดวก ติดตั้งราวจับสำหรับผู้สูงอายุที่ใช้ไม้เท้า ก๊อกน้ำจะต้องเป็นแบบก้านปัด ส่วนโถสุขภัณฑ์ควรจะใช้รุ่นที่มีระยะนั่งสูงจากพื้นประมาณ 45 เซนติเมตร ติดตั้งราวจับไว้ที่ด้านข้างโถสุขภัณฑ์ทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อช่วยในการทรงตัวในขณะที่ลุกยืน และสายฉีดชำระกับที่ใส่กระดาษชำระให้ติดตั้งในตำแหน่งที่สามารถเอื้อมถึงได้อย่างสะดวก
  6. ที่สำคัญที่สุด ต้องติดตั้งปุ่มกดสัญญาณขอความช่วยเหลือไว้ในตำแหน่งที่ใกล้กับโถสุขภัณฑ์ หรือ อ่างล้างมือ เผื่อไว้ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน และนี่คือแนวทางการออกแบบห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุ ภายในบ้านพักอาศัย เพื่อความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ตลอดจนความสุขในการใช้ชีวิตของคนที่ท่านรัก


awsa